ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 516 รู้ไหมว่าคนเก่งเขาเล่นอะไรกัน?
ในใจเขา เต็มไปด้วยความมั่นใจ ไม่ได้มีไอ้ขยะอย่างหลินอิ่งในใจแม้แต่น้อย
อุตส่าห์มีโอกาสได้เจอกับเทพธิดาในดวงใจเก่าของเขา ก็ต้องฉวยโอกาสโอ้อวดความร่ำรวยของตัวเอง โดยเฉพาะมีคนอย่างหลินอิ่งให้เปรียบเทียบอย่างชัดเจน
ยังไง ผู้หญิงอย่างฉู่ฉู่ที่เรียบจบจากมหาลัยต่างประเทศชื่อดัง เป็นคนฉลากและเก่ง ต้องแยกแยะออกมาแน่นอน เขาซือหม่าเฟิงเทียบกับไอ้แซ่หลิน ใครดีกว่ากัน
พูดได้อีกว่า คุณชายตระกูลซือหม่าอย่างเขา ซือหม่าเฟิง คุณชายเจ้าสำราญขึ้นชื่อในตี้จิง เป็นคนใจป้ำ คนเรียกว่าคุณชายสี่แห่งเมือง ส่วนคนไร้น้ำยาอย่างหลินอิ่งแบบนี้ แม้แต่สิทธิ์ในการช่วยเขาถือรองเท้ายังไม่มี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเอามาเปรียบเทียบกับเขา ต้องนำโด่งอย่างไม่ต้องพูดแน่นอน
“ปาร์ตี้? ไม่ต้องแล้ว ฉันยังมีเรื่องต้องคุยกับคุณหลิน” ฉู่ฉู่ปฏิเสธ
มีเรื่องต้องคุยกับไอ้บ้านนอกหลินอิ่ง เพราะฉะนั้นปฏิเสธคำเชิญ? ซือหม่าเฟิงทนความโมโหในใจ พูดด้วยรอยยิ้ม “ฉู่ฉู่ ฉันจัดปาร์ตี้งานเลี้ยง เชิญมาแต่กลุ่มคนไฮโซในตี้จิง เชื่อว่าเธอต้องได้อะไรจากงานนี้มากมายแน่นอน ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี ทุกคนก็พูดคุยกันหน่อยซิ”
“ใช่ ฉู่ฉู่ เธอดูพี่เฟิงเชิญเธออย่างจริงใจขนาดนี้ ทุกคนต่างก็เป็นเพื่อนนักเรียกกัน ให้เกียรติกันหน่อยซิ”
“ก็ว่าอย่างนั้น ฉู่ฉู่ พี่เฟิงก็ชอบเธอมาตั้งหลายปีแล้ว จนทุกวันนี้ยังไม่แต่งงานเลย ยังสืบหาเรื่องของเธออยู่ เพียงแค่ไม่ได้ข่าวของเธอเลย ความรู้สึกนี้เธอก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้”
“ใช่ ได้พบกันสักครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย ฉู่ฉู่ เธอยังมีได้เจอกับพี่เฟิง ก็หมายความว่ามีพรหมลิขิต”
ชายหญิงข้างกายซือหม่าเฟิง ต่างก็ช่วยกันพูดโน้มน้าว ช่วยเขาพูดคำพูดดีๆ
ฉู่ฉู่ไม่ได้พูด มองหน้าซือหม่าเฟิงอย่างเย็นชา
คราวนี้ ซือหม่าเฟิงรู้สึกอึดอัดมาก จนรู้สึกอับอายหายหน้า
แต่ว่าเขาก็โมโหใส่ฉู่ฉู่ไม่ได้ เพราะว่ายังอยากได้สาวสวยคนนี้
คิดไป ซือหม่าเฟิงก็มองหลินอิ่งอย่างเย็นชา พูดว่า “ไอ้แซ่หลิน นายแสดงตัวว่าเก่งมากไม่ใช่เหรอ? ตั้งใจแสดงความแข็งแกร่งต่อหน้าฉู่ฉู่ ทำเหมือนตัวเองมีความสามารถมาก?”
“ฉันจัดงานปาร์ตี้ในโรงแรมสากลกวงหุย เป็นไง นายกล้ามาร่วมงานไหม ให้นายได้เปิดหูเปิดตาจะได้รู้ว่าอะไรคือการเข้าสังคม” ซือหม่าเฟิงสีหน้าเย่อหยิ่ง ดูหมิ่นหลินอิ่ง “ถ้าหากนายอยากพิสูจน์ว่าตัวเองเก่งขนาดไหน สามารถเทียบความเก่งกับฉัน ก็มาเลย ดูว่าไอ้บ้านนอกอย่างนาย ดูว่าสามารถเข้าไปได้ไหม อยู่ในงานหรูแบบนั้นไปไหม”
“หรือว่า? นายกลัวแล้ว? เมื่อกี้ถามว่านายทำงานที่บริษัทอะไรในตี้จิงก็ไม่กล้าพูด หรือว่ากลัวฉันใช่ไหม?”
“ถ้าหากว่านายกลัว ก็ยอมรับมา ยอมรับว่าตัวเองไร้น้ำยา ฉันก็ขี้เกียจไปถือสาไอ้ขยะอย่างนาย”
ซือหม่าเฟิงพูดด้วยท่าทางยโสโอหัง แสดงท่าทางว่าตัวเองอยู่เหนือกว่า
“เหอะ” หลินอิ่งหัวเราะเย็นชา ส่ายหน้า
“ทำไมผมต้องไปพิสูจน์ด้วยว่าเหนือกว่าคุณ? จำเป็นต้องพิสูจน์หรือ?” หลินอิ่งหัวเราะเย็นชา และถาม
“นายหมายความว่ายังไง?” ซือหม่าเฟิงถามอย่างเย็นชา ไม่พอใจกับท่าทางใจเย็นของหลินอิ่งมาก
คนขยะสังคมแบบนี้ ควรต้องยอมรับผิดกับเขา ยังกล้าทำท่าทางอวดดี?
“พูดมามากมายขนาดนี้ ฉู่ฉู่ยังไม่สนใจคุณเลย คุณยังอยากพิสูจน์อะไรอีก?” หลินอิ่งพูดอย่างเย็นชา
เขาไม่เข้าใจจริงๆว่าสมองของซือหม่าเฟิงนั้นใส่อะไรไว้บ้าง
อยากที่จะพิสูจน์ว่าเก่งกว่าเขา? ใช้อำนาจเงินทองมาพิสูจน์?
“นาย นาย” ซือหม่าเฟิงสีหน้าแดงก่ำ หลินอิ่งพูดถึงจุดเจ็บของเขา และเป็นจุดที่เขาไม่อาจเข้าใจได้
ทำไมฉู่ฉู่ถึงไม่หวั่นไหวต่อผู้ชายที่สมบูรณ์แบบอย่างเขาเลย แต่กลับพูดจายิ้มแย้มกับไอ้ไร้น้ำยาแซ่หลินนั่น ติดตามเชื่อฟัง?
ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย
“ช่างเป็นผู้ชายที่ไร้ยางอายจริงๆ ฉันว่ามันนอกจากปากเก่ง ปากแข็งแล้ว ไม่ได้มีความสามารถอะไรเลย ไร้น้ำยาขนาดนี้ ยังกล้าท้าทายกับพี่เฟิงอีก ถ้าแน่จริงก็เอาความสามารถของนายออกมาซิ? ไม่ใช่มาอวดดีอยู่นี่”
“ไอ้แซ่หลิน แกคิดว่าพี่เฟิงไว้หน้าแกแล้ว? ยังกล้ามาอวดดีที่นี่อีกซ้อมแกตายแน่ พี่เฟิงให้แกร่วมงานปาร์ตี้ยังไม่กล้า กลับตัวเองขายหน้าต่อหน้าฉู่ฉู่ใช่ไหม?”
ผู้ชายสองคนข้างกายซือหม่าเฟิงจ้องหลินอิ่งอย่างโหดเหี้ยม ท่าทางเหมือนพร้อมจะทำอะไรสักอย่าง
ซือหม่าเฟิงหัวเราะเย็นชา พูดว่า “ฉันดูท่าทางกระจอกอย่างนาย ก็แค่ครอบครัวยากจน แมงดา ไม่มีเงินไม่กล้าเล่น ยังอวดดี? หลบอยู่ด้านหลังผู้หญิงทำตัวเท่? ตลกสิ้นดี ถ้าไม่ใช่เห็นแก่หน้าฉู่ฉู่ ตอนนี้นายได้คุกเข่าอยู่ที่พื้นแล้วรู้ไหม?”
“ซือหม่าเฟิง คุณหลินเป็นเพื่อนฉัน กรุณาพูดจาระวังหน่อย” ฉู่ฉู่พูดอย่างเคร่งขรึม รู้สึกลำบากใจ
เธอใส่ใจภาพลักษณ์ของตัวเองที่อยู่ในใจหลินอิ่ง ถ้าหากซือหม่าเฟิงทาให้หลินอิ่งไม่พอใจ ภาพลักษณ์ของเธอที่อยู่ในใจหลินอิ่งก็ไม่ดีแล้ว นี่ทำให้คนโมโหจริงๆ
“ฉู่ฉู่ ฉันไม่ได้ไม่เคารพเพื่อนของเธอ แต่เพื่อนของเธอคนนี้ มันไม่คู่ควร” ซือหม่าเฟิงพูดอย่างจริงจัง “ฟังคำพูดของฉัน อยู่ห่างกับคนไร้น้ำยาแบบนี้หน่อย ต้องดีต่อเธอแน่นอน”
“ไอ้แซ่หลิน วันนี้ ฉันเห็นแก่หน้าฉู่ฉู่ ให้ฉู่ฉู่มาร่วมงานกัน นายไม่กล้ามาก็ได้ ขอโทษยอมรับผิดกับฉันเดี๋ยวนี้ ยอมรับว่านายเป็นคนไร้น้ำยา” ซือหม่าเฟิงพูดอย่างเย็นชา ทนไม่ไหวที่จะระเบิดอารมณ์โกรธออกมา
“ไม่อย่างนั้น……”
“ไม่อย่างนั้นทำไมเหรอ?” หลินอิ่งถามด้วยความสนใจ
“เหอะเหอะเหอะ” ซือหม่าเฟิงหัวเราะอย่างโหดเหี้ยม “ฉันรับรองว่านายจะเสียใจกับคำพูดที่พูดวันนี้”
“เหอะ” หลินอิ่งก็หัวเราะเย็นชา “ในเมื่อคุณอยากพิสูจน์ว่าตัวเองเก่งขนาดนั้น ผมก็ให้โอกาสคุณสักครั้งก็ได้”
หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย “ไปเถอะ ไปดูว่างานเลี้ยงที่คุณจัดนั้นใหญ่โตแค่ไหน ผมก็อยากรู้ ความมั่นใจของคุณซือหม่าเฟิงนั้น เอามาจากไหน”
“ออ? เหอะเหอะเหอะ” ซือหม่าเฟิงหัวเราะขึ้นมาอย่างเหยียดหยาม “ไอ้แซ่หลิน นายนี่มันช่างเป็นคนซื่อบื้อจริงๆ ถึงตอนนี้แล้วยังไม่รู้ว่าตระกูลซือหม่าคืออะไร”
“ก็ได้ ฉันจะให้นายไปเปิดหูเปิดตาดู สังคมไฮโซเขาเล่นอะไรกัน ให้นายรู้ว่าคนเก่งในสังคมเขาเล่นอะไรกัน ให้ไอ้บ้านนอกอย่างนาย ได้เปิดหูเปิดตาบ้าง” ซือหม่าเฟิงพูดด้วยสีหน้าได้ใจและมั่นใจ
“ฉู่ฉู่ มาเลย พอดีในงานเลี้ยงมีการประมูลของล้ำค่า ไม่เจอกันตั้งนาน ผมเตรียมของขวัญให้คุณชิ้นหนึ่ง” ซือหม่าเฟิงพูดกับฉู่ฉู่สีหน้ายิ้มแย้ม คิดไว้เรียบร้อยแล้ว ควรจะเหยียดหยามศักดิ์ศรีหลินอิ่งที่นี่ให้สาสมได้ยังไง ให้ได้รับความสะใจต่อหน้าฉู่ฉู่
ฉู่ฉู่สายตายกะพริบ มองไปที่หลินอิ่ง ยินดีทำตามความหมายของหลินอิ่ง
ในใจของเธอ ไม่ว่าไปทำอะไรก็ดี ขอแค่ได้อยู่กับหลินอิ่งนานอีกสักวินาทีก็ดี