ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 52 ตระกูลใหญ่แห่งนักสะสมวัตถุโบราณ
บทที่ 52 ตระกูลใหญ่แห่งนักสะสมวัตถุโบราณ
“นี่……” จางฉีโม่สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
“อีกอย่าง เรื่องในวันนี้ฉันต้องคุยกับพ่อแม่เธอดี ๆ แล้วฉันว่า ตอนนี้ความคิดเธอมีปัญหา” จางฉีโม่พูดขึ้นสีหน้าจริงจัง “ฉันจะพูดกับพ่อแม่เธอให้ชัดเจน ให้พวกเขาไล่หลินอิ่งออกจากบ้านทันที”
หวางจื่อเหวินสายตาสว่างขึ้นทันที พ่อแม่ของจางฉีโม่เป็นอีกช่องทางนี่เอง
ครอบครัวจางฉีโม่ในตระกูลจางอยู่ในตำแหน่งไม่สูง ชีวิตลำบากจนชิน ได้ยินว่ายังถูกกดดันจากจางหงจูนกับจางหงซวน
ฐานะครอบครัวแบบนี้ เขาคุณชายใหญ่ตระกูลหวางมาจีบลูกสาวของพวกเขา พวกเขาคงดีใจจนขึ้นสวรรค์? คงจะรีบส่งจางฉีโม่เข้าอ้อมกอดของเขาเลย?
คิดแค่นี้ หวางจื่อเหวินรู้สึกดีใจ ตัวเองมีฐานะเงินทองที่ดีกว่าวางอยู่ตรงหน้า อยากได้ตัวจางฉีโม่ ได้ใจจางฉีโม่ วิธีมันก็มีเยอะแยะ
“ฉีโม่ ขอโทษนะ วันนี้กะทันหันเกินไป” หวางจื่อเหวินมองหน้าจางฉีโม่ด้วยรอยยิ้ม พูดขึ้น “วันหลังผมจะไปขอขมาถึงบ้าน พร้อมทั้งนำของขวัญไปมอบให้ทั้งสองท่าน”
หลินอิ่งมองหวางจื่อเหวินสีหน้าเรียบเฉย มุมปากยกขึ้น ดูท่าแล้วนายคนนี้คงไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ
“นี่?” จางฉีโม่สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าหวางจื่อเหวินจะทำแบบนี้ นี่มันจับไม่ปล่อยชัด ๆ
เธอรู้สึกกังวลขึ้นมา สำหรับนิสัยพ่อแม่แล้ว คุณชายมือหนึ่งในเมืองชิงหยูนอย่างหวางจื่อเหวินแบบนี้ ไม่รู้จะเยินยอกันขนาดไหน?
“ได้ละ ตามนี้แหละ เดี๋ยวฉันเอาของขวัญไป ส่งไปถึงบ้านฉีโม่เอง” จางหงอี้พูดตัดขึ้น “เรื่องบางอย่าง ผู้ใหญ่อย่างเราคุยกันเองดีกว่า”
จางฉีโม่ไม่รู้ควรพูดอะไรต่อ รู้สึกไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
เมื่อมีคำพูดของจางหงอี้ สีหน้าของหวางจื่อเหวินค่อยดีขึ้นหน่อย ในเวลาเดียวกัน งานแลกเปลี่ยนนักสะสม ก็เริ่มขึ้นแล้ว
คนทั้งกลุ่มก็ตามหวางจื่อเหวินมาถึงกลางห้องโถงของหมิงเป่าซวน หลินอิ่งก็เดินตามหลังจางฉีโม่
ในห้องโถงหมิงเป่าซวนไฟตกแต่งอย่างสวยงาม โต๊ะไม้สีแดงจัดวางเรียงกัน เก้าอี้แบบโบราณ
คนที่เข้ามาในงานแล้วต่างเข้านั่งตามโต๊ะและพูดคุยกันสนุก บนโต๊ะยาวที่อยู่ตรงหน้าเต็มไปด้วยของมีค่าอัญมณีเต็มไปหมด แจกันหยก รูปภาพหนังสือต่าง ๆ
ในการตกแต่งของห้องโถงนี้ก็ตกแต่งแบบโบราณ ทำให้มีความรู้สึกเหมือนดั่งอยู่ในสวนบ้านตระกูลผู้ดีโบราณ
เสมือนอยู่ในสถานที่จริง
จางฉีโม่เดินตามหลังจางหงอี้ สายตามองดูอัญมณีต่าง ๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างสนใจ สายตาจ้องไปยังหยกที่มีรูปร่างแปลกตา อย่างสนอกสนใจ
สำหรับรูปภาพหนังสือ แจกันเครื่องปั้นดินเผาโบราณ เธอไม่มีความรู้เลย และไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
“ฉีโม่ น้ารองบอกแล้วใช่ไหม ของมีค่าที่นี่ ไม่ค่อยได้เห็นข้างนอก ช่วยกระตุ้นไอเดียในการออกแบบของเธอได้ดีเลยใช่ไหมล่ะ?” จางหงอี้พูดด้วยรอยยิ้ม
“ใช่ค่ะ” จางฉีโม่พยักหน้าตอบ
อัญมณีหยกที่เหล่าผู้ดีไฮโซนำมาวางบนโต๊ะยาว ไม่ว่าจะเป็นหยกเขียวมรกต ปะการัง แร่เนไฟรต์ หินบลัดสโตน โรมาม่วง ล้วนแต่เป็นวัตถุแร่หินมีค่าทั้งนั้น
และการออกแบบล้วนเป็นแบบพิเศษไม่เหมือนใคร ล้วนมาจากช่างฝีมือชื่อดัง
ของพวกนี้ถ้าวางข้างนอกล้วนเป็นทรัพย์สินมีค่า น้อยมากที่จะเห็นมากองไว้แบบเยอะแยะมากมายขนาดนี้ สำหรับเธอแล้ว ก็ถือว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว ดีกว่าอยู่แต่บริษัทก้มหน้าก้มตาคิดค้นไอเดียการออกแบบสินค้า
“ฉีโม่ ชอบอันนี้ไหม? ให้คุณ” เวลานี้ หวางจื่อเหวินเดินมาพร้อมกับหีบเครื่องเผาธูปโบราณในมือ
“นี่เป็นเครื่องเผาธูปสมัยราชวงศ์ถัง ได้ยินว่าธูปที่ออกมาจากเครื่องเผานี้ ช่วยในการดูแลผิวพรรณของผู้หญิงได้ดีด้วย และของดีแบบนี้ ผมคิดว่ามันช่วยให้คุณมีไอเดียในการออกแบบได้มากทีเดียว”
พูดไป หวางจื่อเหวินก็มองไปที่หลินอิ่ง พูดอย่างได้ใจ “ผู้ช่วยหลิน ผมว่าถ้าฉีโม่รับของนี้ไว้ คุณคงไม่ว่าอะไรนะครับ”
หลินอิ่งมองไปที่เครื่องเผาธูป ยิ้มแล้วพูดว่า “ผมไม่ว่าอะไรหรอกครับ แต่ว่าคุณเอาของปลอมมา มันคงไม่ดีมั้งครับ”
“ของปลอม? นายพูดบ้าอะไร ขยะอย่างนาย จะรู้เรื่องของโบราณเหรอ?” หวางจื่อเหวินพูดด้วยความโมโห
“เหอะ ๆ ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องของโบราณหรอกครับ แต่ก็ดีกว่าตระกูลหวางของคุณเยอะ ถ้าคุณไม่เชื่อ ก็เปิดดูด้านใน ดูว่ามีคำว่าราชวงศ์หมิงแกะสลักอยู่ด้านในไหม?” หลินอิ่งยิ้ม พูดพร้อมกับชี้ไปที่ของชิ้นนั้น
“นายพูดบ้าอะไร ของชิ้นนี้ฉันเอามาจากตระกูลหวางโดยเฉพาะ ไอ้ขยะอย่างนายว่ามันเป็นของปลอม?” หวางจื่อเหวินพูดไปด่าไป
แต่ถึงพูดแบบนี้ เขาเห็นหลินอิ่งพูดอย่างมั่นใจแบบนี้ ในใจก็รู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมา
เขาจึงเปิดเครื่องเผาธูปออก วางไว้ใต้แสงไฟส่องดู ใบหน้าก็ซีดไปทันที
ใต้ฐานเครื่องเผาธูปนั้น มีตัวหนังสือราชวงศ์หมิงสลักไว้จริงด้วย แต่ตัวหนังสือสองตัวนี้ ยังเป็นหนังสือจีนตัวตัด
ซึ่งหมายความว่า นี่มันเป็นงานศิลปะสมัยใหม่ ไม่ใช่ของในสมัยราชวงศ์หมิงด้วยซ้ำ
หวางจื่อเหวินโกรธจนหน้าเขียว เขานึกไม่ถึง ของโบราณที่ตนนำมาจากบ้าน จะเป็นของปลอม
แต่เขาไม่เชื่อว่าหลินอิ่งดูออกเพราะมีความสามารถหรอก ก็แค่บังเอิญเดาถูกแค่นั้น
ในเมื่อหลินอิ่งอวดดีแบบนี้ วันนี้ ก็ต้องให้มันเสียหน้าอย่างสิ้นเชิง
นิ่งไปครู่หนึ่ง เขาก็จ่อจงไปในตัวของหลินอิ่ง
“เมื่อกี้นายบอกว่านายรู้เรื่องของโบราณ รู้ดีกว่าตระกูลหวางของฉันงั้นเหรอ?”
พูดไป เขาก็ลุกขึ้นหยิบไมค์ เดินไปกลางห้องโถง กระแอมสองที
“แค่ก แค่ก ทุกท่านครับ ผมขอแนะนำผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุโบราณให้ทุกท่านรู้จักครับ”
“เมื่อครู่ ผู้เชี่ยวชาญท่านนี้บอกว่าความรู้เรื่องของโบราณของเขา เก่งกว่าตระกูลหวางของผม ตอนนี้ผมอยากดูว่าเขาเก่งขนาดไหน”
“อะไรนะ? คุณชายหวางล้อเล่นรึเปล่าเนี่ย? มีคนแบบนี้ด้วย? กล้าพูดขนาดนี้เลย?”
หวางจื่อเหวินแค่เปิดปาก ก็ดึงดูดความสนใจของทุกคน คนอยู่รอบข้างก็เข้ามาให้สนใจ
“ไม่ใช่ คุณชายหวาง คุณก็เกิดในตระกูลนักสะสมของโบราณแล้ว ความรู้สึกซึ้ง ใครคนไหนกันเก่งขนาดนี้? กล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าคุณ? หรือว่านักสะสมทั้งหมดในเมืองชิงหยูนก็ไม่อยู่ในสายตา ถึงกล้าพูดว่าตัวเองรู้ดีที่สุด?”
“แวดวงตระกูลทั้งหลายในเมืองชิงหยูน มีใครไม่รู้ว่าตระกูลหวางเป็นตระกูลใหญ่ในวงการนักสะสมของโบราณ ของที่สะสมในบ้านล้วนเป็นวัตถุโบราณระดับประเทศเลย เด็กหนุ่มคนนี้ จะเหิมเกริมไปไหม”
แค่เสี้ยวนาที จากการดึงดูดความสนใจของหวางจื่อเหวิน สายตาของแขกที่มาในงานทั้งหมด ล้วนมองไปที่หลินอิ่ง