ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 534 หน้าตาใช้ได้ เสียดายที่เกาะผู้หญิงกิน
“พี่หลัน พี่ ทำไมถึงอยู่ที่นี่?”
สวุ่หมิงมองหญิงสาวในชุดกระโปรงด้วยสีหน้าตกใจ ยื่นมือห้ามบอดี้การ์ด
“พี่หลัน พี่รู้จักพวกเขาเหรอ?” สวุ่หมิงถามอย่างสงสัย สายตามีความระแวงเล็กน้อย
หญิงสาวที่เดินออกมาจากงาน เบื้องหลังฐานะสูงส่ง
นั่นก็คือคุณหนูแห่งตระกูลจ้าวตี้จิง จ้าวหลันเอ๋อร์
สวุ่หมิงถึงแม้จะมีเบื้องหลังเป็นวงศ์ตระกูลใหญ่ แต่เมื่อเทียบกับจ้าวหลันเอ๋อร์แล้ว ก็ยังต่างกันหลายระดับ
ในแวดวงตระกูลผู้ดีตี้จิง สวุ่หมิงอย่างมากก็แค่คุณชายเจ้าลำดับต้นๆคนหนึ่งเท่านั้น จ้าวหลันเอ๋อร์เป็นถึงคนรุ่นสองผู้มีเกียรติสูงส่ง ระหว่างกลางนั้นฐานะห่างกันเยอะมาก
“หลันหลัน เธอมาสักที ฉันรอเธออยู่นี่ตั้งหลายนาทีแล้ว เกือบโดนคนไล่ออกไปแล้ว” กงซุนชิวอวี่ทักทายกับจ้าวหลันเอ๋อร์ สีหน้าไม่ค่อยพอใจ
“โอ้โห ชิวอวี่ เมื่อกี้ฉันกำลังยุ่ง สัญญาณไม่ดีก็เลยไม่ได้รับโทรศัพท์เธอ ขอโทษด้วย ฉันจะกล้าล่าช้าได้ยังไง เดี๋ยวเราสองคนดื่มกันดีๆหน่อย” จ้าวหลันเอ๋อร์ก็ยิ้มทักทาย
เห็นจ้าวหลันเอ๋อร์กับกงซุนชิวอวี่ทักทายกันอย่างสนิทสนม สีหน้าสวุ่หมิงซีดขาวลงทันที
เขาเริ่มรู้สึกกังวลอย่างถึงที่สุด
จ้าวหลันเอ๋อร์เป็นคนระดับไหนกัน สามารถให้จ้าวหลันเอ๋อร์ทักทายอย่างเกรงใจแบบนี้ ฐานะก็ต้องไม่ต่ำกว่าจ้าวหลันเอ๋อร์
“นี่…….พี่หลัน ท่านนี้ ท่านนี้คือใครกัน” สวุ่หมิงถามด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“สวุ่หมิง ฉันว่านายนี่รนหาที่ตายจริงๆ ท่านนี้คือกงซุนชิวอวี่ คุณหนูตระกูลกงซุน นายกล้าด่าเธอ? ถูกตบแค่ครั้งเดียวก็ดีแล้ว ยังอยากให้บอดี้การ์ดลงมืออีก?” จ้าวหลันเอ๋อร์ต่อว่าตำหนิเป็นขบวน เหมือนสั่งสอนลูกชายสั่งสอนสวุ่หมิง
นับตามอายุแล้ว สวุ่หมิงอายุมากกว่าจ้าวหลันเอ๋อร์สองปี แต่ว่าฐานะต่างกันเยอะมาก จึงต้องเรียกจ้าวหลันเอ๋อร์ว่าพี่สาว
“หา? คุณหนูตระกูลกงซุน?” สวุ่หมิงสีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ มองกงซุนชิวอวี่อย่างไม่น่าเชื่อ
“ถ้าฉันไม่รีบมา นายยังอยากให้คนลงมือกับชิวอวี่ใช่ไหม? นายก็รนหาที่ตายจริงๆ” จ้าวหลันเอ๋อร์พูดต่อว่า “อย่าทำตัวเจ้าสำราญไปวันๆ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย”
“พี่หลันสั่งสอนได้ดี ขอโทษครับ ขอโทษครับ” สวุ่หมิงก้มหน้าขอโทษไม่หยุด มองไปที่กงซุนชิวอวี่อย่างเกรงกลัว “คุณหนูกงซุน ผมผิดไปแล้ว ผมพูดผิดไปแล้ว”
กงซุนชิวอวี่หัวเราะเย็นชา ขี้เกียจสนใจคนอย่างสวุ่หมิง
“ชิวอวี่ เธอว่า คนก็ตบแล้ว ไว้หน้าฉันหน่อยละกันนะ เรื่องนี้ก็ให้มันจบแบบนี้เลยนะ” จ้าวหลันเอ๋อร์พูดอย่างจริงจัง “แม่ของสวุ่หมิงกับตระกูลจ้าวเป็นญาติกัน เธอว่า ไว้หน้าฉันสักครั้งละกันนะ?”
กงซุนชิวอวี่ไม่ได้แสดงทัศนคติ หันไปมองหลินอิ่ง
“นายลืมทำเรื่องหนึ่งไปแล้วใช่ไหม?” หลินอิ่งมองไปที่สวุ่หมิงอย่างเย็นชา พูดด้วยเสียงเย็นชา
“แก” สวุ่หมิงมองไปที่หลินอิ่ง โมโหขึ้นทันที อัดอั้นอารมณ์ไว้ในใจ “แกมีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนฉัน ฉันให้เกียรติคุณหนูกงซุน ไม่จำเป็นต้องให้เกียรติคนอย่างแก”
ปัง
สวุ่หมิงเพิ่งพูดจบ หลินอิ่งเดินเข้าไปถีบเขาจนล้มอยู่กับพื้น
จากนั้น ก็เหยียบหน้าสวุ่หมิงไว้อย่างแรง
“เอื้อก อ้าก แก ไอ้เหี้ย แกอยากทำอะไร”
สวุ่หมิงร้องเสียงดังอย่างเจ็บปวด หน้าทั้งใบถูกเหยียบจนเปลี่ยนรูป ดวงดาแดงก่ำ สีหน้าเต็มไปด้วยความพอใจ
หลินอิ่งยื่นมือชี้ไปทางฉู่ฉู่
“ขอโทษเธอเดี๋ยวนี้”
น้ำเสียงอันเย็นชาพูดออกไป สวุ่หมิงรู้สึกถึงความเย็นชาและแรงสังหาร
จ้าวหลันเอ๋อร์มองอยู่ด้านข้างอย่างขมวดคิ้ว รู้สึกว่าหลินอิ่งทำเกินไปแล้ว ทำให้เธอรู้สึกเสียหน้า
“สวุ่หมิง รีบขอโทษ” จ้าวหลันเอ๋อร์พูดอย่างเคร่งขรึม
สวุ่หมิงก้มหน้า พูดอย่างไม่เต็มใจ “ขอ ขอโทษ คุณผู้หญิงท่านนี้ เมื่อครู่ผมพูดจาไม่ดี”
ปัง
หลินอิ่งยกเท้า แล้วกระทืบลงบนหัวของสวุ่หมิงอย่างแรง กระทืบจนเขาหน้าบวมเขียว
“แล้วก็หมอบคลานอยู่ที่นี่”
สวุ่หมิงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ล้มคลานอยู่บนพื้น ตัวสั่นไปทั้งร่าง จ้องหน้าหลินอิ่งด้วยความโหดเหี้ยม
ภาพนี้ จ้าวหลันเอ๋อร์มองจนขมวดคิ้ว สีหน้าไม่ค่อยดี ท่าทางอยากพูดอะไรแต่ก็ไม่ได้พูด
เธอก็เปิดปากพูดกับกงซุนชิวอวี่แล้ว บอกว่าให้เกียรติหน่อย
เพื่อนของชิวอวี่คนนี้ช่างยโสอวดดีเหลือเกิน ไม่รู้จักหลักการในสังคมแม้แต่น้อย
“คุณหลิน พอเถอะค่ะ พวกเราอย่าไปถือสากับผู้ชายน่าอนาถแบบนี้เลย เข้าไปกันเถอะ” ฉู่ฉู่พูดอยู่ด้านข้าง
ฉู่ฉู่แก้มแดง ในใจรู้สึกซาบซึ้ง คิดไม่ถึงว่าหลินอิ่งจะปกป้องกันแบบนี้ ปกป้องเธอ
โดยเฉพาะ ยังใส่ใจรายละเอียดแบบนี้ สวุ่หมิงแค่ขอโทษชิวอวี่ คุณหลินก็รีบพูดขึ้นมา ให้สวุ่หมิงขอโทษเธอโดยเฉพาะ
หลินอิ่งพยักหน้า หมุนตัวเดินเข้าไปในงาน ไม่ได้สนใจสวุ่หมิงอีก
“หลันหลัน พวกเราก็เข้าไปกันเถอะ สองท่านนี้เป็นเพื่อนของฉัน” กงซุนชิวอวี่พูด
พวกเขาทั้งหลายเดินเข้าไปในอาคารประมูลเลคอาร์ต ภายในงานจัดได้อย่างหรูหรา มีคนใส่ชุดราตรีมากมายเดินไปมา
จ้าวหลันเอ๋อร์ พูดเสียงเบาอยู่ข้างกงซุนชิวอวี่ “ชิวอวี่ เพื่อนเธอที่ชื่อคุณคนนั้น จะใช้อำนาจรังแกคนเกินไปไหม พึ่งอำนาจของเธอ แล้วทำร้ายสวุ่หมิงจนขนาดนั้น”
“แหม หลันหลัน นั่นก็ไม่มีอะไร สวุ่หมิงคนนั้นพูดจาเกินไปจริงๆ” กงซุนชิวอวี่ตอบ
“ก็ได้ รู้ว่าเธอปกป้องคนกันเอง แต่ว่าฉันจะบอกเธอนะ ชิวอวี่ เธอต้องระวังผู้ชายพวกไม่เอาไหนด้วยนะ เห็นแต่อำนาจเงินทองของเธอ หวังผลประโยชน์จากเธอ” จ้าวหลันเอ๋อร์เหมือนพูดอ้างอิงถึงคนอื่น
แน่นอน พฤติกรรมของคุณหลินคนนั้น ทำให้จ้าวหลันเอ๋อร์รู้สึกเสียหน้ามาก ความทรงจำครั้งแรกก็ไม่ค่อยดี รู้สึกโกรธแค้นแล้ว
กงซุนชิวอวี่หัวเราะ ไม่ได้พูดอะไรอีก
ตามนั้น ทั้งสี่คนมาถึงโต๊ะในงานโต๊ะหนึ่ง ต่างก็ยกไวน์ขึ้นมาดื่ม
“ฉู่ฉู่ ฉันเห็นทางโน้นมีบาร์เหล้า เธอไปเป็นเพื่อนฉันหน่อย ไปเลือกเหล้าด้วยกัน” กงซุนชิวอวี่พูดชักชวนอย่างยิ้มแย้ม
ฉู่ฉู่พยักหน้า ลุกขึ้นเดินตามกงซุนชิวอวี่เดินไปที่บาร์เหล้าที่ตกแต่งอย่างหรูหรา
“คุณหลิน ฉันมีอะไรจะพูดกับคุณ” จ้าวหลันเอ๋อร์พูดอย่างเย็นชา มองหลินอิ่งอย่างยโส
“ออ?” หลินอิ่งเอียงหน้ามองจ้างหลันเอ๋อร์ “เรื่องอะไร พูดเลย”
เขากับจ้าวหลันเอ๋อร์เพิ่งเจอกันครั้งแรก
แต่ว่าได้ยินชื่อเธอ รู้ว่าเป็นคนของตระกูลจ้าวแห่งตี้จิง ดูเหมือนยังเป็นพี่น้องรุ่นเดียวกันกับจ้าวหลินเอ๋อร์
“พฤติกรรมของคุณฉันมองอยู่ในสายตาหมด ฉันรู้สึกว่าคุณอยู่ต่อหน้าชิวอวู่จะเก๊กเกินไปแล้ว ทั้งๆที่อาศัยอำนาจของชิวอวี่” จ้าวหลันเอ๋อร์พูด “เพราะฉะนั้น ฉันหวังว่าต่อจากนี้คุณจะอยู่ห่างกับเพื่อนฉันหน่อย คนอย่างคุณจะทำเธอเสียคนได้”
“ออ?” หลินอิ่งถามอย่างรู้สึกสนใจ “พฤติกรรมของผม มีปัญหาอะไร?”
จ้าวหลันเอ๋อร์หัวเราะ มองหลินอิ่งตั้งแต่หัวจรดเท้า ในสายตามีความชื่นชมเล็กน้อย จากนั้นก็ส่ายหน้า ยิ้มพูด “หน้าตาใช้ได้ แต่เสียดายว่าเกาะผู้หญิงกิน พฤติกรรมของคุณไม่ได้มีปัญหาอะไร เพียงแค่คุณควรจะรู้ว่า ระดับของคุณ ไม่คู่ควรเป็นเพื่อนกับชิวอวี่ พูดแบบนี้ คุณเข้าใจหรือยัง?”