ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 54อาจารย์หู
บทที่ 54อาจารย์หู
“ของที่อาจารย์หูนำมาปล่อยที่หมิงเป่าซวน ทุกครั้งล้วนเป็นของมีค่าที่ทำให้ผู้คนตะลึง ครั้งนี้ไม่ทราบว่าได้นำอะไรมาอีก” ผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างนับถือ ตั้งตารอคอย
เวลาที่พูดกัน ชายหนุ่มสองก็ยุ่งกับของที่อาจารย์นำมา จัดวางบนโต๊ะเรียบร้อย เป็นภาพอักษรฝืนหนึ่ง แจกันสีขาวน้ำนมคู่หนึ่ง
“ทุกคนต่างก็สนิทสนมกันพอสมควรแล้ว น่าจะรู้ระเบียบของฉันนะ?” หูหมิงหยินพูดขึ้นเสียงเรียบ
“รู้ครับ รู้ครับ ระเบียบของอาจารย์หูพวกเรารู้กันดีครับ” ผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่งพูดขึ้น
“จะไม่รู้ได้อย่างไร? ระเบียบของอาจารย์หูนับว่าขึ้นชื่อในวงการเมืองชิงหยูนของเรา” คุณชายท่านหนึ่งพูดขึ้น “ขอให้เป็นของที่อาจารย์หูนำมา ใครถูกใจแล้วก็แจ้งราคา ถ้าคิดว่าตัวเองมีหน้าพอหรือมีความสามารถพอ ก็สามารถยื่นข้อเสนอได้ นำของมีค่ากลับมือเปล่าได้”
“แน่นอน ครั้งก่อนคุณชายสามของตระกูลซูน ได้หยกมรกตแกะสลักต้นสนราคาเก้าล้านไปจากอาจารย์หู และตกลงจะช่วยเหลืออาจารย์หูหนึ่งครั้ง” หญิงวัยกลางคนพูดขึ้น
“ทุกคนก็อย่าคิดจะเอาของมีค่าไปมือเปล่าเลย ก็ไม่ดูว่าคุณชายสามตระกูลซูนเป็นใคร? หนึ่งในผู้ถือกรรมสิทธิ์ของตระกูลซูน ในเมืองชิงหยูนจะมีใครสักกี่คนที่จะมีสิทธิ์แบบเขา?”
เพราะการมาเยือนของหูหมิงหยิน แขกในงานต่างก็พูดคุยสนทนากับขึ้นมา บรรยากาศก็ครึกครื้นขึ้นมา ต่างก็ใจจดใจจ่อรอของที่เขานำมา
“กฎระเบียบของหูหมิงหยินฟังแล้วก็น่าสนใจดี ยังยินดีให้ของสะสมราคาแพงไปแบบฟรี?” จางฉีโม่พูดขึ้นอย่างสงสัย สายตาเหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่
“ฉีโม่ เธอไม่รู้แล้วซิ? นี่ก็คือความไม่ธรรมดาของหูหมิงหยิน ใจเด็ดมาก” จางหงอี้ยิ้มพูด อธิบายอยู่ข้าง ๆ “ของที่หูหมิงหยินนำมาปล่อย ขอให้มีคนเสนอราคา ไม่ว่าราคาสูงหรือต่ำ ขอให้เขาพอใจเป็นอันตกลง อีกอย่างของสะสมที่เขาให้ฟรี นั่นคือบุญคุณ มีค่ากว่าเงินทองอีก”
“กฎระเบียบของเขาถือว่ามีชื่อเสียงในวงการทีเดียว ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัวที่หมิงเป่าซวน ล้วนทำให้บรรยากาศครึกครื้นผู้คนติดตามกันมากมาย ชื่อเสียงก็มีแล้ว มนุษยสัมพันธ์ก็มีแล้ว คนมีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนไม่น้อยที่ติดหนี้บุญคุณเขา” จางหงอี้พูดเสียงเรียบ ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความนับถือ
“ฟังแล้วก็คงเป็นแบบนี้” จางฉีโม่พยักหน้าเบา ๆ
“ได้เลย ทุกท่าน วันนี้ผมนำของมาสองชิ้น ท่านที่สนใจก็แจ้งราคาได้เลย” หูหมิงหยินพูดขึ้นเสียงเรียบ ให้ลูกศิษย์หนุ่มสองคนที่ตามมาชงชาเหยือกหนึ่ง นั่งชิมชาอย่างสบาย
พอพูดจบ แขกในงานต่างลุกขึ้น สีหน้าจริงจังล้อมอยู่รอบโต๊ะไม้แดงเพื่อดูของที่เขานำมา
“ของที่อาจารย์หูนำมาไม่ธรรมดาจริง ๆ พูดตามตรง จากประสบการณ์ของผมเองแล้วไม่กล้าประเมินของสองชิ้นนี้ว่าจริงหรือปลอม เพราะที่มาไม่ธรรมดา” นักสะสมใส่แว่นท่านหนึ่งพูดขึ้น
“ถือเป็นบุญตาแล้ว ของสะสมสองชิ้นนี้จริงหรือปลอม ผมก็ไม่กล้าประเมิน”
“น่าเสียดาย ของสองชิ้นนี้ไม่ว่ายังไง ผมคงเสนอราคาที่อาจารย์หูพอใจไม่ได้”
แขกในงานชมกันเสร็จแล้ว ล้วนเหมือนยังดูไม่พอ สีหน้าต่างกัน เสียงทึ่งต่างกันไป
เห็นชัดว่า ของสะสมสองชิ้นที่หูหมิงหยินนำมา ไม่ธรรมดาแน่นอน
“แค่ก แค่ก” หวางจื่อเหวินยืนสังเกตข้างโต๊ะไม้แดงไปครู่หนึ่ง สายตาเล่นสนุกมองไปที่หลินอิ่ง “ผู้เชี่ยวชาญหลินทำไมไม่เดินมาดูหน่อยหรือ? มีความเห็นอะไรเกี่ยวกับภาพวาดนี้ไหม?”
“ใช่ ผู้เชี่ยวชาญหลิน คุณไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญหรอกหรือ? ของที่ทุกคนต่างไม่กล้าประเมิน ได้เวลาแสดงของคุณแล้ว ไม่แสดงความเห็นของคุณดูหน่อยหรือ” พอหวางจื่อเหวินพูด ฉินเฟยก็รีบพูดขึ้นอีกคน มองหลินอิ่งแล้วพูดขึ้น
“ภาพวาดของชูเวย ของจริง” หลินอิ่งพูดขึ้นเสียงเรียบ สั้นและชัดเจน
“พวกเราผู้เชี่ยวชาญตั้งเยอะดูใกล้ขนาดนี้ ดูไปครู่ใหญ่ ไม่มีใครกล้าสรุป คุณดูอยู่ตั้งไกลแค่นี้สรุปได้ทันที? คุณจะอวดดีไปไหม?” นักสะสมชราคนหนึ่งพูดขึ้น รู้สึกวิธีการสรุปของหลินอิ่งเหมือนดูถูกพวกเขา
“เหอะ นี่มันคุณสมบัติขยะอะไรของนาย? มีใครไม่รู้ว่านี่คือภาพวาดของชูเวย?” หวางจื่อเหวินพูดขึ้นอย่างได้ใจ และถามขึ้นอย่างคิดสนุก “ถ้านายบอกว่าเป็นของจริง? แล้วนายดูออกจากตรงไหน? ว่านี่คือภาพวาดของชูเวย มีจุดพิเศษตรงไหน? พูดซิ”
หลินอิ่งยิ้มไม่ตอบ ชิมชาในมือ ไม่ให้คำอธิบาย
“พูดไม่ออกแล้วซิ? ไม่รู้แล้วใช่ไหม? ฉันยังนึกว่านายจะแก่งขนาดไหน ดูท่าแล้วคงได้แต่เดา” หวางจื่อเหวินหันไปหัวเราะเยาะหลินอิ่ง แล้วหันไปยิ้มให้แขกในที่นั่งพิเศษ
หวางจื่อเหวินชี้ไปที่ภาพวาดบนโต๊ะไม้แดง พูดขึ้นอย่างมั่นใจ “ภาพวาดสายสมกับต้นกล้วยนี้ คือภาพจริงจากชูเวยราชวงศ์หมิง ”
หวางจื่อเหวินท่าทางมั่นใจ พูดขึ้นช้า ๆ “ผมพอจะศึกษามาบ้างสำหรับภาพวาดโบราณ ชูเวยเป็นนักปราชญ์หนึ่งในสามของราชวงศ์หมิง มีสมญานามว่าชิงเถิง ภาพวาดของเขานั้นมีรูปแบบลักษณะเด่นของเขาเอง นับเป็นปรมาจารย์เลย และถนัดวาดแนวดอกไม้”
“สมัยเด็กผมก็ติดตามคุณปู่ได้เห็นผลงานจริงของชูเวยไม่น้อย มีดอกบัว ใบไผ่ องุ่น และดอกไม้ต่าง ๆ ค่อนข้างที่จะคุ้นเคยกับพวกนี้ ภาพวาดของชูเวยมีความตระหง่าน ตรงไปตรงมา และละเอียดอ่อน ภาพที่อาจารย์หูนำมาภาพลมฝนกับต้นกล้วยนี้ ไม่ว่าจะเป็นฝีมือ และความรู้สึก จนถึงความละเอียดอ่อน ล้วนเป็นจุดเด่นและตัดสินใจได้ว่าคือภาพจริงของชูเวย
พูดจบ หวางจื่อเหวินก็ได้ใจ ถามขึ้น “ไม่ทราบว่าทุกท่านมีความเห็นอย่างไร?”
“เยี่ยมมาก คุณชายหวางสมควรที่มาจากครอบครัวนักสะสม ความรู้ลึกซึ้ง ใช้เวลาสั้น ๆก็ประเมินได้ว่าเป็นของจริง อย่างมีข้อมูล ความเห็นตรงกับพวกเราเลยครับ” ผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่งตบมือพูดขึ้น เห็นด้วยอย่างยิ่งกับความเห็นของหวางจื่อเหวิน
“ที่คุณชายหวางพูดมา ถูกต้องครับ” หูหมิงหยินพยักหน้าพูด เห็นด้วยกับคำพูดของหวางจื่อเหวิน
เห็นเหตุการณ์แล้ว จางหงอี้ก็ยิ้มขึ้น พูดขึ้นกับจางฉีโม่ “ฉีโม่ ความรู้ของจื่อเหวินไม่ธรรมดานะ ไม่เหมือนคนไร้ค่าอย่างหลินอิ่ง ไม่รู้แล้วยังอวดรู้ เธอบอกเขาอย่าพูดอีก ไม่มีความรู้ยังพูดไปเรื่อย ไม่รู้จักดูว่านี่มันที่ไหน เขาล้วนมาจากตระกูลผู้ดีนักสะสม รู้แค่นั้นทำมาอวดดีอีก ชั่งไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ”
หลินอิ่งไม่อยากสนใจจางหงอี้ แต่กลับดูแจกันคู่นั้นบนโต๊ะไม้แดง
“คุณชายหวางถ้าประเมินออกแล้ว คงเตรียมตัวจะออกราคาให้กับภาพลมฝนกับต้นกล้วยนี้แล้วซิ?” คุณชายท่านหนึ่งถามขึ้น
“ภาพลมฝนกับต้นกล้วยนี้ อย่างต่ำก็ต้องประมาณห้าล้าน ดูแล้วคุณชายหวางคงมีความคิดอะไรแล้ว” ผู้เชี่ยวชาญสูงอายุท่านหนึ่งพูดขึ้น
หวางจื่อเหวินยิ้ม ท่าทางภูมิใจพูดขึ้น “ไม่ครับ ทุกท่าน ภาพลมฝนกับต้นกล้วยนี้ก็ดี มูลค่าก็สูง แต่ผมยังไม่ถูกใจ ผมสนใจแจกันคู่นี้มากกว่า มันน่าสนใจกว่า