ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 541 ไม่ยอมไม่ได้
พอไหม?
คุณชายอันดับหนึ่งแห่งตี้จิงทั้งคน จ้าวเฉิงเฉียนคุณชายแห่งตระกูลจ้าว กำลังถามความเห็นของคุณชายอิ่ง?
นี่คือกำลังลดตัว ก้มหัวให้เขาก่อน?
ไม่กลัวที่จะสร้างความขุ่นเคืองให้กับชีซิงกรุ๊ป เพียงแค่ให้หลินอิ่งมีภาพลักษณ์ที่ดีต่อตระกูลจ้าว?
นี่อธิบายได้ว่าอย่างไร?
นี่อธิบายได้ว่าจ้าวเฉิงเฉียนยอมรับและเลื่อมใสหลินอิ่งอย่างเต็มใจ ในสถานที่สาธารณะก็ไม่ได้ยึดถืออำนาจฐานะของตัวเอง
ภาพนี้ ทำให้แขกทั้งหมดในงานต่างก็ดูจนอึ้งพูดไม่ออก สีหน้าต่างก็ตะลึงตาค้าง
“คิดไม่ถึง ว่าคุณชายอิ่งท่านนี้จะแข็งแกร่งยิ่งกว่าคุณชายจ้าว ดูเหมือนทั้งสองจะมีความสัมพันธ์กันบ้าง”
“สามารถทำให้คุณชายจ้าวปฏิบัติตัวด้วยความถ่อมตนแบบนี้ ก็เห็นได้ว่า คุณชายอิ่งแข็งแกร่งขนาดไหน”
ทุกคนในตี้จิงต่างก็รู้ดี จ้าวเฉิงเฉียนถูกเรียกว่าคุณชายอันดับหนึ่ง หยิ่งยโสขึ้นชื่อ คนรุ่นเดียวกันไม่มีใครกล้าชิงดีชิงเด่นกับเขา
หลังจากนั้น เมื่อหลินอิ่งกลับคืนสู่ตี้จิง กวาดล้างตระกูลเหวิน แสดงพลังอำนาจออกมาแล้ว
ในที่ลับ มีคนมากมายที่เอาหลินอิ่งและจ้าวเฉิงเฉียนเปรียบเทียบกัน มีข่าวลือต่างๆนานากันมากมาย ต่างก็คาดเดาว่าสองคนนี้ ใครกันที่จะเป็นบุคคลสำคัญของคนรุ่นหลังในตี้จิง
เท่าที่ดูจากคืนนี้แล้ว สามารถแยกระดับได้แล้ว
จ้าวเฉิงเฉียนมองหลินอิ่งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เหงื่อไหลลงจากหน้าผากอย่างควบคุมไม่ได้
ความแข็งกล้าของผู้ชายคนนี้ สร้างความกดดันมหาศาลในใจให้กับเขา
หลินอิ่งส่ายหน้า ยกแก้วไวน์ทางสูงขึ้นมาจีบไวน์
ไม่ได้แสดงปฏิกิริยา แต่ทัศนคติชัดเจนมาก
“อาหก มานี่” จ้าวเฉิงเฉียนสีหน้าเย็นชา โบกมือ “คืนนี้อาเป็นคนทำผิด ขอโทษคุณชายอิ่งซะ”
“หา?”
เมื่อถูกเรียกชื่อแล้ว จ้าวหงหยังก็ร้องออกมาด้วยเสียงตกใจ สีหน้าหวาดกลัวยังไม่ปรับตัวไม่ทัน
ใช่แล้ว เขายังอยู่ในอาการตกใจอย่างขีดสุด
คราวนี้ ถูกจ้าวเฉิงเฉียนเรียกออกมา ความกลัวในใจก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ตัวสั่นไปทั้งร่างอย่างควบคุมไม่ได้
“คุณชายใหญ่ นี่ มันไม่ค่อยเหมาะสมมั้ง?” จ้าวหงหยังสีหน้าลำบากใจ พูดอย่างไม่เต็มใจ
เมื่อครู่ยังชี้หน้าต่อว่าหลินอิ่งอย่างน่าเกรงขาม และยังออกคำสั่งให้บอดี้การ์ดซ้อมหลินอิ่ง
ตอนนี้ กลับถูกบังคับให้คุกเข่าต่อหน้าหลินอิ่ง ในใจของเขาไม่เต็มใจเลย ไม่ยอมลดศักดิ์ศรีตัวเอง
นี่มันพลิกผันแต่งต่างกันมากเกินไปแล้ว
หากต้องก้มหัวขอโทษต่อหลินอิ่ง ศักดิ์ศรี ตำแหน่ง ฐานะ ยังต้องรักษาไว้ไหม?
“อาหก ผมขอพูดเป็นครั้งสุดท้าย ขอโทษเดี๋ยวนี้” จ้าวเฉิงเฉียนพูดอย่างเคร่งขรึม พูดอีกประโยค “ขอโทษคุณชายอิ่ง อาไม่ได้ขายหน้า”
ได้ยินแล้ว จ้าวหงหยังเหมือนดังสะดุ้งตื่น ใบหน้าอันชราแดงก่ำ สีหน้าหดหู่ลำบากใจ
ก็ใช่ คุณชายอิ่งแห่งตี้จิงทั้งคน แม้แต่หัวหน้าตระกูลสวี สวีไป๋เห้อยังถูกเขาบังคับให้คุกเข่า
จากฐานะตำแหน่งของเขาจ้าวหงหยัง ยังห่างจากสวีไป๋เห้อสองระดับ ขอโทษหลินอิ่ง ก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไร
เพียงแค่ ความรู้สึกแตกต่างในใจ มันทนรับไม่ได้
สถานการณ์เหนือกว่าคน ไม่ยอมไม่ได้
“ขอโทษ คุณชายอิ่ง ผมผิดไปแล้ว เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนนี้ เป็นความผิดของผมทั้งหมด ผมมีตาหามีแววไม่ สร้างความขุ่นเคืองให้กับท่าน หวังว่าท่านจะไม่ถือสา”
จ้าวเฉิงเฉียนเดินออกจากที่นั่งไปหาหลินอิ่ง ก้มตัวเก้าสิบองศาต่อหลินอิ่ง ก้มคำนับอย่างเคารพ ขอโทษกิริยาที่จริงใจ
หลินอิ่งไม่ได้แสดงปฏิกิริยา จ้าวหงหยังก้มหัวอย่างเช่นนี้ เหงื่อไหลท่วมหน้าผาก ไม่กล้าขยับตัว
เวลาเดียวกัน จ้าวหลันเอ๋อร์ที่ยืนข้างหลินอิ่ง ก็ตกใจจนหน้าซีดขาว
แม้แต่อาหกก็ก้มหัวขอโทษหลินอิ่งต่อหน้าผู้คนมากมายแล้ว เธอ ก่อนหน้านี้เธอด่าหลินอิ่งรุนแรงขนาดนั้น ควรทำยังไงดี……
“คุณชายอิ่ง ต้องขอโทษจริงๆ ฉัน ฉันไม่รู้ว่าคุณมาที่นี่ ถึงไม่ได้รู้ตัวไปพูดจาไม่ดีกับคุณ ขอให้คุณอภัยให้ฉันด้วย ฉัน เมื่อก่อนฉันนับถือคุณมาตลอด คุณเป็นไอดอลของฉัน” จ้าวหลันเอ๋อร์ท่าทางสีหน้าน่าสงสาร พูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
หลินอิ่งมุมปากยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา ไม่สะทกสะท้าน
ภาพเช่นนี้ ทำให้บรรยากาศภายในงานตึงเครียดไปทันที ทุกอย่างต่างก็รักษาความสงบไม่กล้าส่งเสียง
หลินอิ่ง พลังอำนาจแข็งแกร่งเกินไป
ภายในงานมีคนตระกูลจ้าวมากมายขนาดนี้ แต่ละคนต่างก็เป็นผู้มีอำนาจน่าเกรงขาม
ทุกคนรวมกันแล้ว แต่กลับถูกหลินอิ่งกดทับราศีไปหมด แม้กระทั่ง ต้องก้มหัวขอโทษทีละคน
นี่มัน ไม่เสียชื่อที่เป็นคุณชายอิ่งผู้ประคองตระกูลฉีแห่งตี้จิงขึ้นมาแต่เพียงผู้เดียว
ทันใดนั้น แขกภายในงานต่างก็พากันชื่นชมในใจ ต่างก็มองหลินอิ่งด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความเคารพ
“คุณชายอิ่ง ผมรับรอง ขอแค่ผมอยู่ในตี้จิง ชีซิงกรุ๊ปจะไม่สามารถก้าวก่ายในเมืองเทคโนโลยีเทียนหลงแม้แต่ก้าวเดียว” จ้าวเฉิงเฉียนพูดอย่างจริงจัง “ผมมาหาคุณวันนี้ ก็เพื่อจะคุยเรื่องของเมืองเทียนหลง ตระกูลจ้าวของเราอยู่ที่นี่ ยังถือว่ามีผลกระทบพอสมควร”
“ความผิดที่อาหกและน้องหลันทำไว้ ยังหวังว่าคุณชายอิ่ง จะให้อภัย”
จ้าวเฉิงเฉียนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
ทุกคนต่างก็รอดูปฏิกิริยาของหลินอิ่งด้วยความตื่นเต้น
ผ่านไปสักครู่
หลินอิ่งวางแก้วไวน์ในมือลง ค่อยๆลุกขึ้น มองจ้าวเฉิงเฉียนอย่างเรียบเฉย
“พวกเขาสองคนไม่รู้เรื่อง คุณจ้าวเฉิงเฉียน ยังถือว่ารู้เรื่อง” หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย “ธุรกิจในเมืองเทคโนโลยีเทียนหลง ผมไม่เอาเปรียบตระกูลจ้าวแม้แต่น้อยแน่นอน เงินห้าพันล้านที่ผมรับปาก ต้องให้แน่นอน”
“สำหรับเรื่องของเมืองเทคโนโลยีเทียนหลง ก็นั่งลงมาคุยกัน”
จ้าวเฉิงเฉียนทำงานมีหลักการ เขาก็ต้องเหลือทนทางให้ตระกูลจ้าวแน่นอน
จ้าวเฉิงเฉียนรู้สึกโล่งใจ ถือว่าทำให้หลินอิ่งพอใจแล้ว
“คุณชายอิ่ง เชิญ”
จ้าวเฉิงเฉียนโบกมือทำท่าเชิญ ชี้ไปทางห้องรับรองหรูด้านข้าง
อาคารเลคอาร์ตเป็นกิจการของตระกูลจ้าวอยู่แล้ว จะเจรจางาน เขาสามารถจัดห้องรับรองให้ว่างได้เสมอ
หลินอิ่งพยักหน้าเล็กน้อย ส่งสายตาให้กับฉู่ฉู่และกงซุนชิวอวี่
จากนั้น ท่ามกลางสายตาผู้คน เขาก็เดินเข้าไปในห้องรับรองอย่างสง่า
เมื่อหลินอิ่งเดินเข้าไปในห้องรับรองแล้ว จ้าวเฉิงเฉียนก็มองเผียวเจียงลี่ด้วยสายตาเย็นชา
“หักแขนหักขา ส่งกลับชีซิงกรุ๊ป”
จ้าวเฉิงเฉียนออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา สายตาส่อแววสังหาร
ชีซิงกรุ๊ปที่มาจากต่างแดน ระหว่างหลินอิ่ง ต้องเลือกยังไง ในใจของเขาสามารถแยกแยะหนักเบาได้
ยอมที่จะสร้างความขุ่นเคืองกับชีซิงกรุ๊ปอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็ไม่มีวันมีเรื่องขุ่นเคืองกับหลินอิ่ง
ได้ยินประโยคนี้แล้ว เผียวเจียงลี่ก็ตกใจจนหน้าซีด บอดี้การ์ดที่เขาพามายังอยากต่อต้าน ก็ถูกเผยหวูหมิงและหม่าผิงชวนเข้าไปทั้งต่อยทั้งถีบจนล้มนอนอยู่กับพื้นจนหมด
“นี่……คุณชายใหญ่ เรื่องนี้” จ้าวหงหยังสีหน้าซีดขาว คนทั้งคนเหมือนจะเป็นลมแล้ว ถามอย่างตื่นเต้น
“อาหก เรื่องนี้อาเป็นคนทำผิด รอกลับไปถึงตระกูลจ้าวแล้ว ผมจะจัดตำแหน่งบริหารธุรกิจในต่างประเทศให้” จ้าวเฉิงเฉียนพูดอย่างเคร่งขรึม
“แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ไม่มีเรื่องแล้ว พวกท่านเชิญสนุกกับงานเลี้ยงต่อ ผมยังมีธุระ ไม่อยู่ดูแล้ว”
จ้าวเฉิงเฉียนทักทายแขกในงาน จากนั้นก็พาจ้าวหลินเอ๋อร์เดินเข้าไปในห้องโถงรอง
เหลือเผยหวูหมิงและหม่าผิงชวน ยอดฝีมือสองคนนี้ไว้ ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูเหมือนเทพหน้าประตู