ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 548 ไปสอบถามในซอยนี้ดูว่าฉันเป็นใคร
“ไม่ใช่ พี่เปา พี่ให้เวลากันหน่อยนะ ลุงของฉันไม่ได้ตั้งใจจะค้างเงินพี่ แต่ว่าช่วงนี้กิจการไม่ค่อยดี อีกอย่าง ถ้าพวกพี่จะทุบร้านจริง ยิ่งไม่มีเงินคืนพี่แล้ว” หวงเสี่ยวเหมยพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“เห้อ บ้านเธอนี่ให้หน้าไม่เอาใช่ไหม ไม่สั่งสอนพวกเธอหน่อย ยังคิดว่าฉันพูดง่าย? ทุกคน ทุบที่นี่ซะ” พี่เปาโบกมือ พูดด้วยท่าทางเหิมเกริม
ทันใดนั้น ชายหนุ่มร่างใหญ่ด้านหลังเขาเจ็ดแปดคน ต่างก็เอากระบองไม้ออกมา กระจายไปทั่วร้าย ทุบโต๊ะ ประตูกระจก หน้าต่างกระจก เคาน์เตอร์แคชเชียร์ก็ไม่ปล่อยไว้ ทุบทำลายกระจายไปทั่ว
“อ้าก นี่มันอะไรกันเนี่ย?”
“ทำร้ายคนแล้ว ข้าวมื้อนี้กินไม่ได้แล้ว รีบไปกันเถอะ”
ทันใดนั้น แขกที่กินข้าวในร้านต่างก็สีหน้าตกใจ ข้าวกินไปแค่ไม่กี่คำ ก็พากันวิ่งหนีออกไป
หลินอิ่งมองภาพนี้ด้วยแววตาเรียบเฉย
พวกพี่เปากลุ่มนี้เข้ามาไม่กี่นาที ก็ทุบทำลายร้านเก่าแก่อย่างจ้วยเจียงซานอย่างพังทลาย ขวดเหล้าน้ำถ้วยชามกระจายไปทั่วทุกทิศ กระจกก็กระจายเต็มพื้น
“พี่เปา ขอร้องเถอะ อย่าทุบอีกเลย หรือว่าพี่จะบีบฉันกับลุงจนหมดหนทางเหรอ?” หวงเสี่ยวเหมยพูดขอร้องด้วยตาแดงก่ำ
สำหรับคำขอร้องของหญิงสาวคนหนึ่ง พี่เป่าหัวเราะเย็นชาอย่างดูถูก แววตาส่อแววชั่วร้าย
“ติดหนี้ก็ต้องคืน มีเหตุมีผล” พี่เปาพูดและหัวเราะเย็นชา “พวกเธอไม่คืนเงิน ฉันก็ทุบร้าน ไม่ได้เหรอ? หรือว่าพวกเธอไม่ยอม?”
“แน่นอน ก่อนหน้านี้ฉันก็บอกลุงเธอแล้วว่าเอาวิธีอื่นมาทดแทนก็ได้” พี่เป่าพูดอย่างสนุก ยื่นมือไปจับหน้าของหวงเสี่ยวเหมย หวงเสี่ยวเหมยตกใจจนถอยหลังหลายก้าว
“เด็กผู้หญิงอย่างเธอก็น่าตาหน้ารักดี” พี่เปาพูดอย่างหยอกล้อ “ได้ข่าวว่าเธอยังเรียนมหาลัยอยู่? เอาอย่างนี้ จากนี้ไปก็ติดตามพี่เปา ค่าเทอมมหาลัยของเธอ ฉันออกให้ อีกอย่าง หนี้ของลุงเธอก็ถือว่าชำระแล้ว”
“เป็นยังไง? ติดตามฉัน มีอนาคตกว่าเรียนมหาลัยเยอะเลย จากนี้ไปรับรองเธอกินดีอยู่ดี ขอแค่เธอตามฉันไปตอนนี้ ฉันจะคืนหนังสือเงินกู้ของลุงเธอทันที” พี่เปาพูดอย่างโน้มน้าว
หวงเสี่ยวเหมยมองพี่เปาด้วยสีหน้าซีดขาว ตกใจจนตัวสั่น
“พี่เปา เงินพวกเราต้องคืนแน่ พี่ก็รู้ดี ลุงของฉันเป็นคนซื่อสัตย์ ทั้งหมดเขาก็ยืมไปแค่หนึ่งล้าน เอาร้านนี้ค้ำประกันให้พี่แล้ว มูลค่าของร้านนี้ไม่ใช่แค่นี้หรอกมั้ง?” หวงเสี่ยวเหมยรวบรวมความกล้าเพื่อพูด “อีกอย่าง ตลอดมา ลุงของฉันก็คืนไปแล้วหกเจ็ดแสน ทำไมพี่ยังบีบบังคับกันแบบนี้?”
หลินอิ่งมองสองคนนี้ ได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
เขาเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เจ้านายหวงท่านนี้ติดหนี้คนอื่น?
เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นพวกหนี้นอกระบบที่ไร้เหตุผล
จ้วยเจียงซานร้านนี้ถึงแม้จะเก่าแก่ ไม่ว่ายังไงก็มีมูลค่าหลายร้าน? กลับยืมแค่ล้านเดียวก็เอาไปค้ำประกัน คืนไปหกเจ็ดแสน ยังถูกบีบบังคับทุบร้านอีก?
นี่มันรังแกคนชัดๆ?
สถานการณ์แบบนี้ยิ่งทำให้หลินอิ่งรู้สึกแปลกใจ
เจ้านายหวงท่านนี้ เป็นคนมีความสัมพันธ์กับคุณปู่ในอดีต ไม่ว่ายังไง ก็ไม่น่ามาถึงจุดเวทนาขนาดนี้ได้? ยังถูกพวกขยะสังคมมาเหยียดหยามถึงที่?
“เหอะเหอะ นางเด็กน้อย เธอจะพูดเหตุผลกับฉันเหรอ?” พี่เปาสีหน้าเยาะเย้ยพูดอย่างเย็นชา “หนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร ลุงของเธอยืมไปสิบล้าน ทำไมถึงปากของเธอ ก็กลายเป็นหนึ่งล้าน?”
“พูดไปเรื่อย นั่นมันเพราะพวกคุณปลอมแปลง แก้ไขลายมือบนสัญญา ลุงของฉันยืมไปแค่ล้านเดียว” หวงเสี่ยวเหมยพูดอย่างโศกเศร้า
“เหอะเหอะ หนังสือมีลายมือลายลักษณ์อักษร ลุงของเธอหวงชิงซานติดหนี้ฉันสิบล้าน เธอหนีไม่พ้นแน่” พี่เปาพูดอย่างได้ใจ เนื้อบนหน้าสะเทือน
“ฉันก็ขี้เกียจพูดกับเธอแล้ว ฉันรู้สึกหิวโหยร่างของนางเด็กอย่างเธอแล้ว ว่ายังไง? นี่มันเป็นบุญของเธอ” พี่เปาพูดด้วยสีหน้าชั่วร้าย “เอานางเด็กนี่ขึ้นรถค่อยว่ากัน ไอ้แก่หวงไม่ออกมา ก็เอาลูกสาวมันไป”
กำลังพูดอยู่ ชายหนุ่มหลายคนก็พุ่งเข้าไปจับตัวหวงเสี่ยวเหมย
“ท่านประมุข นี่…….” เย่เฮยถามหลินอิ่งอยู่ด้านข้าง ทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว
หลินอิ่งพยักหน้าตอบเล็กน้อย
“พวกคุณทำแบบนี้ต่อฉันจะแจ้งความแล้วนะ พี่เปา อย่าทำเรื่องจนเกินไปนะ”
หวงเสี่ยวเหมยถอยหลังไปหลายก้าวอย่างหวาดกลัว บนใบหน้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
หญิงสาวที่อ่อนแอแบบนี้ ดูแล้วท่าทางแบบนี้ ช่างทำให้คนรู้สึกสงสาร
เปาต๋า เป็นคนโหดปล่อยหนี้นอกระบบขึ้นชื่อในดินแดนซอยหยกมณีแห่งนี้ ควบควบคุมทั้งธุรกิจสุจริตและธุรกิจมืด อำนาจไม่เล็ก
สำหรับร้านค้าที่ทำธุรกิจเล็กๆธรรมดาอย่างพวกเขา ทำอะไรไม่ได้เลย
“ยังแจ้งความ? ฉันถูกใจเธอ นั่นมันเป็นบุญของเธอ นางแพศยาน้อยไว้หน้าแล้วยังไม่รับไว้” เปาต๋าพูดอย่างยโสโอหัง “เร็ว ลากตัวมันขึ้นรถ”
เสียงฮวั๊ก ชายหนุ่มหลายคนเข้ามาดึงเสื้อของหวงเสี่ยวเหมย ดึงไปอย่างไม่สนใจอะไรเลย
เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ
เย่เฮยเดินเข้าไป ฮวั๊กตบเข้าไปที่ไปหลายที ตบจนชายหนุ่มวัยรุ่นร่างใหญ่หลายคน กลิ้งล้มบนพื้น
“ไสหัวไป”
เย่เฮยยืนอยู่ข้างหน้าหวงเสี่ยวเหมย ตะโกนเสียงเย็นชา
“อ้าก ไอ้เวรเอ้ย กล้าลงมือทำร้ายคนเหรอ? แกอยากตายใช่ไหม?”
“แม่งเอ้ย พี่เปา ยังมีคนกล้าลงไม้ลงมือต่อหน้าพี่”
หนุ่มวัยรุ่นหลายคนตะโกนอย่างไม่พอใจ ยกเก้าอี้ขึ้นมายังอยากสู้ต่อ เย่เฮยถีบไปสองที ก็ถีบจนพวกเขากระเด็นกลิ้งอยู่บนพื้น
“อือ? แกเป็นใคร? มายุ่งเรื่องคนอื่นที่นี่?”
เปาต๋าหรี่ตามองเย่เฮย สังเกตเห็นหลินอิ่งที่นั่งดื่มน้ำชาอย่างใจเย็นอยู่ด้านข้าง เหล่ดูอย่างเย็นชา
“เอากันใหญ่แล้ว หวงเสี่ยวเหมย นี่เป็นคนที่ลุงเธอเชิญมาขวางเรื่องเหรอ?” เปาต๋าพูดอย่างหัวเราะเย็นชา “ทำไม? กล้ามาใช้ไม้แข็งกับฉันเหรอ?”
“ไม่ใช่ พี่เปา พี่ อย่าเข้าใจผิด เขาเป็นแค่แขกที่เพิ่งเข้ามา พวกเราไม่ได้จะต่อต้านพี่” หวงเสี่ยวเหมยพูดอย่างกังวล ในใจรู้สึกหวาดกลัวกับความโหดร้ายของเปาต๋า
“ไอ้แซ่เปา ไสหัวออกจากที่นี่เดี๋ยวนี้” หลินอิ่งวางแก้วน้ำชาลง มองเปาต๋าอย่างเย็นชา “สายไป แกจะไม่ทันเสียใจ”
“ฮาฮาฮาฮา ช่างน่าขำจริงๆ แกมันไอ้เวรที่ไหนมาขู่ฉัน? น้ำหน้าอย่างแกเหรอ เป็นเพื่อนนักเรียนของหวงเสี่ยวเหมยซินะ? เด็กมหาลัยคนหนึ่งกล้ามาขู่ฉัน?” เปาต๋าสีหน้าเยาะเย้ย หัวเราะบ้าคลั่ง
“พวกแกไอ้เด็กเวรทั้งสองคน ไม่รู้จักไปสืบดูในซอยนี้ว่าฉันคือใคร”
พูดไป เปาต๋าก็หยิบมือถือมาโทรออก “รีบพาคนมาที่ซอยหยกมณีเดี๋ยวนี้ ใช่ เอาของมาให้หมด”
“พี่เปา พอเถอะ ไว้หน้าฉันหน่อยนะ อย่าทำเรื่องใหญ่โตเลย เงินฉันคืนแน่”
เวลาเดียวกันนั้น ชายวัยกลางคนเดินลงจากชั้นบน สีหน้าหม่นหมอง พูดขอร้องเปาต๋า