ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 549 คุณชายอิ่งอย่าบังคับผม
“หวงชิงซาน? เหอะเหอะ ไอ้แก่ยอมออกมาแล้วเหรอ?” พี่เปาวางโทรศัพท์ลง หรี่ตาดูชายวัยกลางคนที่เดินลงมา
“พี่เปา พี่ก็รู้ ร้านของผมมันบริหารไม่ได้ดั่งใจเท่าไหร่นัก เงินนี้ ฉันจะค่อยๆคืนให้” หวงชิงซานพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“แกคืนเงิน? แกมีปัญญาคืนเหรอ?” เปาต๋าพูดด้วยสีหน้าเหยียดหยาม “ฉันไม่ได้ขาดเงินของแกแค่นั้น ไอ้แก่หวง พูดตามตรงกับแกแล้ว ฉันถูกใจลูกสาวแก แกก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้?”
“ต่อจากนี้ให้เธอติดตามฉัน ฉันรับรองว่าพวกแกสองคนจะสุขสบายในตี้จิง อย่ามาหาเรื่องเอง”
“พี่เปา อย่ารังแกคนอื่นกันเกินไปเลย เหลือหนทางไว้ให้ฉันด้วย” หวงชิงซานเดินไปข้างหน้าพี่เปา พูดด้วยสีหน้าจริงใจ
“ตอนแรกฉันยืมเงินหนึ่งล้าน คืนไปแล้วหกเจ็ดแสน ถ้าไม่ได้จริงๆ ร้านนี้ฉันยกให้ จากนี้ ก็อย่ามาหาเรื่องครอบครัวเราอีก ได้ไหม?” หวงชิงซานพูดอย่างถ่อมตัว
“ไอ้แก่เอ้ย ยังมายื่นข้อเสนอกับฉันอีก?” พี่เปาหัวเราะเย็นชา สีหน้าเหยียดหยาม
เพี๊ยะ
พี่เปาสายตาโหดร้าย ตบเข้าที่หน้าของหวงชิงซานอย่างแรง จนเขาถอยไปหลายก้าว
“เย็ดแม่มึงเอ้ย ยังหาเด็กสองคนมาท้าทายฉันเหรอ? ไว้หน้าแกแล้วยังไม่เอา?” พี่เปาพูดเสียงเย็นชา
“แคกแคก……” หวงชิงซานไอไปสองครั้ง สีหน้าดูแล้วอ่อนเพลีย “พี่เปา เป็นคนก็เหลือหนทางกันบ้าง ฉันไม่ได้จะเป็นอริด้วย สองคนนี้ฉันไม่รู้จัก พี่ก็ขูดรีดกำไรจากฉันพอสมควรแล้ว ทำไมยังต้องบีบกันถึงตายด้วย?”
“ไม่ต้องมาไร้สาระกับฉัน วันนี้ไม่ใช่วันที่แกตัดสินได้” พี่เปาพูดอย่างอวดดี “คนของฉันเดี๋ยวก็ถึง วันนี้ลูกสาวแกฉันต้องเอาแน่ อีกอย่าง ไม่คืนเงิน ฉันก็จะปิดร้านของครอบครัวแก”
“แล้วก็ไอ้เด็กเวรสองคนนี้ วันนี้อย่าคิดเดินออกจากประตูนี้ได้”
พูดไป พี่เปาก็จ้องหน้าหลินอิ่งกับเย่เฮยอย่างดุร้าย สีหน้าไม่พอใจ
เท่าที่เขาดูแล้ว หลินอิ่งกับเย่เฮย ก็แค่ไอ้เด็กไม่มีสมองที่ไอ้แก่หวงเรียกมาเท่านั้น กลับกล้าทำร้ายคนของเปาต๋าในซอยหยกมณีแห่งนี้? รนหาที่ตายจริงๆ
“เจ้านายหวงติดเงินแกเท่าไหร่?” หลินอิ่งมองเปาต๋า พูดอย่างเรียบเฉย “ฉันช่วยเขาคืน”
“ออ?” เปาต๋าตาเป็นประกาย มองหลินอิ่งอย่างประหลาดใจ พูดอย่างสงสัย “แกคืน? อย่างแกเหรอมีปัญญาช่วยเขาคืน?”
หลินอิ่งพูดเรียบเฉย “แกว่ามา เขาติดเงินแกเท่าไหร่?”
“ออ? น่าสนุก ไอ้แก่หวง หรือว่าแกรู้จักคุณชายลูกเศรษฐีหน้าโง่เงินเยอะด้วยเหรอ? ช่วยแกคืนเงิน?” พี่เปาหัวเราะอย่างสนุก มองหลินอิ่งอย่างเหยียดหยาม “ต้องคำนวณดอกเบี้ย เขาติดฉันสามสิบแปดล้าน แกมีปัญญาคืนไหม?”
“ได้ เงินฉันโอนให้เดี๋ยวนี้ จากนี้ไป แกอย่ามาปรากฏตัวให้ฉันเห็นอีก” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ
“โอ้โห ปากเก่งไม่เบานะ” เปาต๋าหัวเราะเย็นชา สีหน้าหยอกล้อ
“เจ้าหนุ่ม เรื่องของฉัน คุณไม่ต้องยุ่ง” หวงชิงซานมองหลินอิ่ง ตาเป็นประกายอยู่ครู่หนึ่ง พูดเรียบเฉย “ความสัมพันธ์ของฉันกับครอบครัวคุณ ใช้หมดแล้ว ฉันไม่หวังว่า คนในครอบครัวคุณ จะมารบกวนชีวิตของฉันอีก”
หลินอิ่งขมวดคิ้ว รู้สึกพฤติกรรมของหวงชิงซานผิดปกติ
เขารู้ว่าตัวเองเป็นคนของตระกูลฉี แต่กลับเย็นชาขนาดนี้ หรือว่าระหว่างนี้จะมีเรื่องราวพลิกผันอะไร?
อีกอย่าง หลินอิ่งรู้สึกได้ว่า หวงชิงซานเป็นยอดฝีมือที่มีวิชาไม่ธรรมดาคนหนึ่ง ทำไมถึงได้ทนคนชั่วร้ายอย่างเปาต๋าตบหน้า?
“พี่เปา เงินที่ฉันติด ฉันจะคิดหาวิธีจัดการเอง เขาเป็นแค่คนธรรมดา คืนเงินมากมายขนาดนี้ไม่ได้” หวงชิงซานพูดอย่างจริงจัง “เพราะฉะนั้น เรื่องของเรา ไปคุยกันข้างบน ไม่เกี่ยวกับหนุ่มสองคนนี้ อย่าไปทำให้เขาลำบากใจเลยนะ”
“หลบไป”
พี่เปายื่นมือผลักหวงชิงซานไปด้านข้างอย่างแรก สีหน้าสนุก เดินไปข้างหน้าหลินอิ่ง นั่งลงอย่างสง่าผ่าเผย
เขานั่งอยู่ข้างหน้าหลินอิ่ง สายตาอวดดี จ้องสังเกตบนตัวหลินอิ่งอย่างโอหัง แววตาอันโลภนั้นเหมือนกับมองภูเขาทองคำอยู่ แต่ไม่ใช่มองคน
“อย่าเพิ่งพูด ไอ้เด็กหนุ่มนี่นั่งตรงนี้ ยังพอมีบุคลิกของคุณชายลูกเศรษฐีอยู่บ้าง” พี่เปาพูดอย่างสนุก “ดีไม่ดี ไอ้หนุ่มนี่อาจจะช่วยไอ้แกหวงคืนเงินก็ได้”
หลินอิ่งพูดเสียบเรียบ “เงินในบัตรใบนี้พอเพียงแล้ว เอาไปถอน”
พูดจบ เขาก็โยนบัตรธนาคารใบหนึ่ง ไปไว้ข้างหน้าเปาต๋า
เปาต๋าหัวเราะเย็นชา ไม่ดูบัตรธนาคารเลยแม้แต่น้อย จ้องหน้าหลินอิ่งอย่างเย็นชาโหดร้าย
“ไอ้แก่หวงติดเงินฉันสามสิบหกล้านจริง แต่แกอยากจัดการเรื่องนี้ให้จบ เงินแค่นี้ไม่พอหรอก” เปาต๋าพูดอย่างหยอกล้อ “บอดี้การ์ดแกทำร้ายคนของฉัน นั่นก็เท่ากับตบหน้าฉัน”
“ตามกฎของฉันแล้ว วันนี้อย่างน้อยต้องหักแขนแกหนึ่งข้าง”
เปาต๋าพูดอย่างใจเย็น “เพราะฉะนั้น อย่างน้อยแกต้องเอามาห้าพันล้าน รวมทั้งหมดแปดพันล้าน ไม่อย่างนั้น วันนี้แกอย่าคิดออกไปจากร้านนี้เลย”
“หมายความว่ายังไง?” หลินอิ่งถามเสียงเรียบ
“หมายความว่ายังไง? เหอะเหอะ แกชอบเสนอหน้าไม่ใช่เหรอ? คิดว่าที่บ้านมีเงินหน่อย ก็มาอวดดีได้เหรอ?” เปาต๋าพูดอย่างโหดเหี้ยม “วันนี้ฉันเอาไอ้หน้าโง่อย่างแกไว้แน่ ไม่ให้ที่บ้านเอาเงินมา แกก็รอพิการได้เลย”
เขาดูแม่นยำแล้ว ต้องถลกหนังของไอ้ลูกเศรษฐีหลินอิ่งคนนี้ให้ได้
“เหอะ” หลินอิ่งหัวเราะเย็นชา ยกน้ำชาขึ้นดื่ม
เปาต๋าหรี่ตาลง ยิ่งมองหลินอิ่งยิ่งไม่พอใจ “ยังดื่มชา? วันนี้ฉันให้แกดื่มจนพอ”
พูดไป เปาต๋าก็ยกกาน้ำชาร้อนบนโต๊ะขึ้น เทไปที่หน้าของหลินอิ่ง ลงมืออย่างโหดเหี้ยม
“แกรนหาที่ตาย”
เสียงซั๊ว หลินอิ่งยื่นมือฟากกาน้ำชากระเด็น ลุกขึ้นจับตัวเปาต๋าไว้ กดตัวเขาไว้บนโต๊ะ
เพี๊ยะ
หลินอิ่งตบหน้าเปาต๋าอย่างแรง ตบจนเขากระอักเลือด
“แก แกกล้าตบหน้าฉันเหรอ?” เปาต๋าพูดอย่างโหดเหี้ยม ท่าทางสีหน้าไม่พอใจ
หลินอิ่งยกกาน้ำร้อนขึ้นมา เปิดฝาของกาน้ำร้อนไว้บนฝ่ามือเปาต๋า เทน้ำร้อนลงไป
ซือ ซือ ซือ
ทันใดนั้น มือของเปาต๋าก็ถูกน้ำร้อนลวกจนบวมขึ้นมา
“อ้าก”
เปาต๋าร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เจ็บจนตัวสั่นไปทั้งร่าง
ภาพนี้ ลูกน้องของเปาต๋ามองจนรู้สึกหวาดกลัว มองชายหนุ่มแปลกหน้าหลินอิ่งคนนี้ด้วยแววตาหวาดกลัว
“เจ้านายหวง ผมก็ไม่อยากพูดอะไรไร้สาระแล้ว” หลินอิ่งมองหวงชิงซาน พูดอย่างจริงจัง “ไม่ว่าหลายปีที่ผ่านมาคุณเจออะไรมาบ้าง ผมจะช่วยคุณจัดการเอง”
“วันนี้ ผมมาเชิญคุณกลับสู่แวดวง”
หวงชิงซานถอนหายใจยาว ส่ายหน้า พูดว่า “คุณชายอิ่ง คุณอย่าบังคับผมเลย ผมผิดหวังสิ้นหวังไปนานแล้ว ผมไม่ได้ติดค้างหนี้บุญคุณตระกูลฉีแล้ว……..”