ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 550 ความลับในอดีต
“ไม่ติดหนี้บุญคุณตระกูลฉี?” หลินอิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย มองหวงชิงซานอย่างลึกซึ้ง
“ใช่” หวงชิงซานถอนหายใจยาว สีหน้าโศกเศร้า “ครั้งที่แล้วผมช่วยตระกูลฉีของพวกคุณจัดการเรื่องมาเยอะแล้ว ผมก็สูญเสียอย่างมหาศาล จากนี้ ไม่อยากยุ่งเกี่ยวเรื่องใดๆ……”
ได้ยินแล้ว หลินอิ่งสีหน้าแปลกใจ
ฟังความหมายในคำพูดของหวงชิงซาน หมายถึงเคยช่วยหลินอิ่งมาครั้งหนึ่งแล้ว?
“ไอ้เด็กเวร ยังไม่ปล่อยพี่เปาของเราอีก แกอยากตายใช่ไหม?”
“แม่งเอ้ย แกหากินอยู่ซอยไหน? ในถิ่นซอยหยกมณีนี้ ยังกล้ามาอวดดี?”
ชายหนุ่มร่างใหญ่ที่ถูกเย่เฮยตบล้มอยู่บนพื้น ลุกขึ้นมากันหมด จ้องหลินอิ่งอย่างไม่พอใจ
เท่าที่พวกเขาดูแล้ว เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่กับไอ้แก่หวง จะไปมีความสามารถอะไร? ยังกล้าลงมือกับพี่เปาในถิ่น? ยังลงมือหนักขนาดนี้?
นี่ไม่ใช่รนหาที่ตายแล้วมันคืออะไร?
หลินอิ่งหันไปมองเด็กหนุ่มรอยสักเต็มแขนอย่างเรียบเฉย ยิ้มอย่างเย็นชา
“เอื้อก อ้าก ไอ้เด็กเวร แกตายแน่ วันนี้ไม่เอาแกให้ตาย ฉันไม่แซ่เปาแล้ว” เปาต๋าจ้องหลินอิ่งอย่างโหดเหี้ยม ตะโกนพูดอย่างโมโหร้าย
มือข้างหนึ่งของเขา ถูกน้ำร้อนลวกจนหนังถลอกแล้ว บวมจนเปลี่ยนรูป หน้าตาก็บูดเบี้ยวแดงก่ำ
“ไอ้แก่หวง แกจบแน่ ฉันต้องเอาแกให้ตายล้างตระกูลแน่”
เพี๊ยะ
หลินอิ่งสะบัดมือตบหน้าเปาต๋า ตบหน้าอ้วนของเขาจนร่างกระเด็น ล้มไปไกลสิบกว่าเมตร กลิ้งอยู่บนพื้นอย่างแรง ร้องโอดโอยเสียงดัง
หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ “ต่อจากนี้ ถ้าแกกล้าหาเรื่องครอบครัวหวงชิงซานอีก มาหาเรื่องที่นี่ ฉันจะให้แกหายไปจากบนโลกนี้”
“เย่เฮย โยนพวกนี้ออกไป”
“ครับ”
เย่เฮยได้รับคำสั่ง ก็พุ่งเข้าไปอย่างไม่ลังเล ดึงตัวเปาต๋าขึ้น ทั้งต่อยทั้งถีบ จนเด็กหนุ่มนักเลงกลุ่มนี้ร้องหาพ่อหาแม่ หน้าบวมช้ำ แล้วโยนออกไปบนถนนอย่างรุนแรง
“แก แกรออยู่นี่เลย ไอ้เด็กเวร แน่จริงแกอย่าหนีไปไหน”
เปาต๋าถูกซ้อมจนเลือดเต็มตัว ยังแสดงท่าทางไม่พอใจ นั่งเข้าไปในรถเก๋งสีดำ หยิบโทรศัพท์ออกมา
หลินอิ่งไม่สนใจพวกนักเลงไร้สมองพวกนั้นอีก หมุนตัวมา มองไปที่หวงชิงซานและหวงเสี่ยวเหมย
หวงชิงซานสีหน้าเคร่งขรึม ท่าทางเหมือนมีความในใจ
หวงเสี่ยวเหมยหลบอยู่ด้านหลังหวงเสี่ยวเหมย มองหน้าหลินอิ่งอย่างแปลกใจ ในสายตามีความเคารพนับถืออยู่บ้าง
“ท่านปู่หวง คุณบอกว่าคุณใช้หนี้บุญคุณตระกูลฉีแล้ว มันเรื่องอะไรกัน?” หลินอิ่งถามอย่างจริงจัง
หวงชิงซานเงียบไปครู่หนึ่ง สีหน้าเหมือนคิดย้อนเรื่องในอดีตที่นานมาก เปิดปากพูดว่า “คุณชายอิ่ง ผมเรียกคุณแบบนี้น่าจะถูก? คุณน่าจะคล้ายพ่อของคุณ กับนายท่านฉีสมัยหนุ่ม เหมือนเกาะมาจากพิมพ์เดียวกัน”
“หลายปีนานมาแล้ว พ่อของคุณมาหาผม ให้ผมออกไป” หวงชิงซานน้ำเสียงเคร่งขรึม “ผลสุดท้าย สาหัสมาก พ่อของคุณและตระกูลฉีถูกฆ่าล้างหมด ผมก็สูญเสียงเพื่อนและคนรัก และลูกบุญธรรมหลายคน”
“สำหรับตระกูลฉี ผมทำสุดความสามารถแล้ว ขอโทษด้วย ไม่สามารถช่วยตระกูลฉีจากอันตรายได้”
“เพราะฉะนั้น คุณชายอิ่ง คุณอย่าบังคับผมอีกเลย ชีวิตที่เหลือ ผมอยากดูแลลูกสาวให้ดี ใช้ชีวิตธรรมดาก็พอแล้ว”
พูดจบ หวงซิงซานก็ไม่อยากพูดอะไรอีก ท่าทางปวดใจเหนื่อยล้า
“ผมพูดจบแล้ว ยายหนู ส่งแขก” หวงชิงซานพูด ยื่นมือบอกหวงเสี่ยวเหมย
ได้ยินคำพูดพวกนี้แล้ว หลินอิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย
ครั้งที่แล้วตอนตระกูลฉีเจอวิกฤติฆ่าล้างตระกูล ฉีเหอถูเคยหาหวงชิงซานออกไปแล้ว?
ตอนนั้นเป็นช่วงที่นายท่านอยู่ในอาการสลบ คิดว่าคงไม่รู้เรื่อง
หวงชิงซานเคยออกไปแล้ว ตระกูลฉีผลลัพธ์ก็ยังน่าเศร้าขนาดนี้ นี่…….
หากหลินอิ่งจำไม่ผิด ตระกูลฉีถูกฆ่าล้างตระกูล เบื้องหลังตระกูลเหวินน่าจะเป็นท่านมังกรดำแห่งแก๊งมังกร
ดูเหมือน เหตุการณ์ฆ่าล้างตระกูลครั้งนั้น ยังมีความลับเรื่องราวมากมายที่เขายังไม่รู้……..
“คุณทั้งสอง ลุงฉันไม่อยากคุยกับพวกคุณแล้ว เชิญกลับเถอะ” หวงเสี่ยวเหมยพูดอย่างระวัง
“เดี๋ยวก่อน”
คิดไปครู่หนึ่ง หลินอิ่งก็เปิดปากพูด
“ท่านปู่หวง ดูแล้วผมเสียมารยาทแล้ว ผมไม่รู้มาก่อนว่าฉีเหอถูเคยเชิญคุณออกไปแล้ว” หลินอิ่งพูดอย่างจริงจัง “ถือว่าผมมาโดยเสียมารยาท ยังให้ท่านปู่หวง ช่วยเล่าเรื่องครั้งนั้นอย่างละเอียดหน่อย”
หวงชิงซานดูแล้วผิดหวังเศร้าโศก ถอนหายใจพูด “เรื่องในอดีตอย่างพูดอีกเลย คุณชายอิ่ง ไม่ใช่ผมไม่ช่วยนายท่านฉี แต่ว่า ผมไร้ความสามารถ ทุกวันนี้ลูกศิษย์ผมตายหมดแล้ว และยังมีศัตรูคอยตามหาผมทั่วทุกทิศ เป็นแค่ไอ้แก่ที่เหลือชีวิตไม่มากแล้ว ช่วยอะไรตระกูลฉีไม่ได้แล้ว”
“อีกอย่าง ผมไม่อยากให้ชีวิตถูกรบกวนอีก จากนี้ไป ผมจะพาลูกสาว ออกจากตี้จิง คุณชายอิ่ง อย่าบังคับกันเลย ให้โอกาสคนแก่อย่างผมได้ใช้ชีวิตอย่างสงบเถอะ”
หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย พูดว่า “ท่านปู่หวง รบกวนคุณเล่าให้ผมฟังหน่อย ตอนนั้นหลังจากคุณออกไปแล้ว เจอกับสถานการณ์อะไรกันแน่ ถ้าหากไม่ยินดีออกไปอีก ผมก็ไม่ฝืน”
“เพียงแค่ ท่านปู่หวง ในเมื่อคุณสูญเสียสาหัสขนาดนี้ ลูกศิษย์ตายหมด คนรักก็ตาย ยังถูกตามฆ่า”
“ยอมทนกลืนความขมขื่นนี้ได้เหรอ?”
พูดถึงตรงนี้ แววตาหลินอิ่งมีประกายเย็นชา จ้องอยู่ที่หวงชิงซาน
ทันใดนั้น สายตาของหวงชิงซานก็มีแววเย็นชา ลมหายใจก็แรงขึ้นไม่สม่ำเสมอ
“คุณชายอิ่ง คุณพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์ ดึงผมไปด้วย ไม่เพียงช่วยอะไรนายท่านไม่ได้ ยังจะเพิ่มปัญหาให้กับตระกูลฉีอีก” หวงชิงซานพูดอย่างจริงจัง
พูดไป หวงชิงซานดึงตัวหวงเสี่ยวเหมย หมุนตัวขึ้นชั้นสอง
“ช้าก่อน ท่านปู่หวง เรื่องในวันนี้ ไม่ว่ายังไง คุณก็ต้องอธิบายให้ผมฟัง” หลินอิ่งพูดอย่างจริงจัง
“ทำไม? คุณชายอิ่ง? หรือคุณจะบังคับผม?”
หวงชิงซานหันกลับมาทันที สายตาเป็นประกาย ดูมีอำนาจแข็งแกร่ง
เสมือน เขาสิ้นหวังกับการเข้าสู่แวดวงแล้ว พฤติกรรมของหลินอิ่ง กระตุ้นขีดจำกัดของเขาแล้ว
“คุณชายอิ่ง คุณอย่าบังคับให้ผมต้องลงมือ เชิญพวกคุณออกไป” หวงชิงซานพูดอย่างเคร่งขรึม
“เย่เฮย เชิญท่านปู่หวงนั่ง” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบ
เสียงชิ้ว เย่เฮยก้าวออกไปทันที ร่างเหมือนดั่งสายลม พุ่งข้าหาหวงชิงซาน
“อือ?”
หวงชิงซานสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ขยับร่างกายทันทีเช่นกัน ร่างที่แก่ชราร่างกายรวดเร็วดั่งสายฟ้า ประลองมือกับเย่เฮยขึ้นมา
ปัง ปัง ปัง
จากนั้น ภายในร้านก็มีเสียงเปรี้ยงปร้าง เหมือนดั่งเสียงกังวาน แปร่งประกายน่าสะพรึงกลัว
เห็นเพียงร่างสองคนไปๆมาๆ กระทบกันจนเกิดเสียงดัง
สามนาทีผ่านไป เสียงดังปังขึ้นมา
ร่างทั้งสองถอยออกห่าง ต่างคนต่างถอยออกไปสิบเมตร
“นี่? คุณ วิชาการต่อสู้ของคุณกับคนผ่านทางผู้นั้น มาจากสำนักเดียวกัน?”
หวงชิงซานสีหน้าแปลกใจ จ้องเย่เฮยตาไม่กะพริบ เหมือนดั่งพบเห็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ