ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 560 เกลี้ยกล่อมผมไม่มีประโยชน์
จ้าวหลินเอ๋อร์ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หลังจากเห็นความสง่าของหลินอิ่งแล้ว แล้วไปดูชายอื่น ก็รู้สึกเหมือนพวกไร้ประโยชน์ ไม่มีความสนใจเลยแม้แต่น้อย
อีกอย่าง ตั้งแต่เด็กเธอก็ถูกสั่งสอนมาว่ามีสัญญาหมั้นหมายกับตระกูลฉี ในใจก็จดจำเรื่องนี้อยู่ตลอด
และมีฐานะชาติกำเนิดที่สูงส่ง เป็นหญิงสาวผู้สูงศักดิ์แห่งตี้จิง จากเดิมก็มีผู้ชายน้อยมากที่เข้าตากเธอ
แต่พอดี คู่หมั้นตั้งแต่เด็ก ก็เป็นคนน้อยมากที่สามารถทำให้เธอหวั่นไหวได้
นี่ก็เป็นการตกหลุมรักเพียงฝ่ายเดียวในทันที จนถอนตัวไม่ได้
คราวนี้ ฉีเวิ่นติ่งและผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลจ้าว คนตระกูลจ้าวทั้งหมดในห้องโถงใหญ่ ต่างก็กวาดสายตามองไปที่หลินอิ่ง
รอหลินอิ่งตัดสินใจ
เท่าที่ทุกคนดู คำขอของตระกูลจ้าวนั้นต่ำที่สุดแล้ว ได้ให้เกียรติหลินอิ่งถึงที่สุดแล้ว
ขอแค่หลินอิ่งรักษาสัญญาหมั้นไว้ ยังให้จ้าวหลินเอ๋อร์ติดตามอยู่ข้างกายเขา ให้หลินอิ่งสามารถเรียกใช้อำนาจตระกูลจ้าวได้
การให้เกียรติที่สูงส่งขนาดนี้ ลูกเขยตระกูลจ้าวคนไหนเคยได้รับ?
“เกลี้ยกล่อมผมไม่มีประโยชน์”
หลินอิ่งพูดอย่างเย็นชา
“ผมมาวันนี้ ก็เพื่อจะเคลียร์ทุกอย่าง สัญญาหมั้นหมายในอดีต ยกเลิกเถอะ”
“ผมขอประกาศตรงนี้ ไม่ได้รังเกียจคุณหนูตระกูลจ้าวแต่อย่างใด เพียงแค่ใจมีเจ้าของแล้ว มีครอบครัวแล้ว” หลินอิ่งค่อยๆพูด “ถ้าหากตระกูลจ้าวรู้สึกว่ายกเลิกงานแต่งฉับพลัน ถ้าเช่นนั้นก็สามารถประกาศต่อภายนอกได้ ว่าตระกูลจ้าวไม่ถูกใจผมหลินอิ่ง จึงยกเลิกสัญญาหมั้นหมาย”
“สำหรับเรื่องการต่อสู้กับตระกูลสวี บุญคุณนี้ ผมรับด้วยใจแล้ว”
พูดจบ หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย เงียบไม่พูดอะไร
ทันใดนั้น บรรยากาศในห้องโถงใหญ่ก็เย็นเยือกไปทันที
คำพูดของหลินอิ่งนี้พูดอย่างเปิดอกเปิดเผย
แต่ว่าเข้าหูคนของตระกูลจ้าว นั่นมันก็เหมือนดั่งสายฟ้าแลบ เป็นการเหยียดหยามอย่างที่สุด
จ้าวหลินเอ๋อร์อึ้งไปทันที ความผิดหวังในสายตานั้นไม่อาจปิดบังได้ ก้มหัวลง ดูแล้วน้อยใจมาก
“บังอาจ หลินอิ่ง ตระกูลจ้าวของเราถอยแล้วถอยอีก คำพูดที่ดีก็พูดจนหมดแล้ว เธอไม่ได้ฟังคำพูดของผู้ใหญ่อย่างพวกเราหลายคนเข้าหูเลย?” จ้าวเทียนสงพูดอย่างเคร่งขรึม สีหน้าไม่พอใจอย่างมาก
“เสี่ยวอิ่ง ต่อหน้าปู่ของเรา เราทำแบบนี้ คือจะทำให้ปู่ของเราลำบากใจเหรอ? สัญญาหมั้นหมายในตอนนั้น คือเราสองคนและปู่ของเธอทำสัญญากันด้วยตัวเอง” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวพูดอย่างโมโห “เราต้องจำไว้ อำนาจของเราจะใหญ่โตแค่ไหน พวกเราทั้งหลายก็เป็นญาติผู้ใหญ่ของเรา เราอย่ายโสโอหังเกินไป”
“ฉันก็รู้อะไรได้ฝืนได้มามันไม่หอมหวาน แต่ว่า ยายแก่อย่างฉันก็พูดกับเธออย่างดีแล้ว ให้หลินเอ๋อร์ติดตามเธอ ค่อยๆศึกษากันไป เธอยังจะยกเลิกสัญญาหมั้น นี่มันเหยียดหยามตระกูลจ้าวชัดๆ”
“พี่หก พี่มาพูดดีกว่า”
แม่เฒ่าตระกูลจ้าวพูดอย่างโมโห ค้ำไม้เท้าไม้จันทน์ไว้ โมโหจนดื่มน้ำชาไปหนึ่งแก้ว
หลินอิ่งทำให้เธอโมโหจริงๆแล้ว
ถ้าหากพูดว่า หลินอิ่งเป็นคนที่รักเดียวใจเดียว จะใช้ชีวิตกับผู้หญิงมณฑลตงไห่คนนั้น ถ้าอย่างนั้นก็แล้วไป
แต่ว่า หลินอิ่งถูกตระกูลเล็กๆของมณฑลตงไห่นั้นไล่ออกจากบ้าน หย่าร้างแล้ว แม้แต่ เขาอยู่ข้างนอกเจ้าสำราญขนาดนั้น ที่เห็นอยู่ก็มีผู้หญิงติดตามอยู่หลายคน ในที่ลับยังไม่รู้ว่าซ่อนอยู่เท่าไหร่
สถานการณ์แบบนี้ยังไม่ใส่ใจยายหนูตระกูลตัวเอง นี่ไม่ใช่เหยียดหยันคืออะไร?
“แคกแคก……” ฉีเวิ่นติ่งไอแห้งไปสองครั้ง พูดอย่างจริงจัง “อิ่งเอ๋อ เรื่องนี้เราตัดสินใจเองเถอะ ปู่ไม่เกลี้ยกล่อมเราแล้ว”
เขาสามารถดูการตัดสินใจของหลินอิ่งได้
นิสัยของหลินอิ่งเหมือนกับเขาตอนหนุ่มมาก ทำอะไรเด็ดขาด
เรื่องที่ตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนความคิดได้
“พี่หก พี่ พี่ จะตามใจนิสัยเขาไม่ได้ เห้อ” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวพูดอย่างไม่พอใจอย่างมาก
“เสี่ยวอิ่ง เราจะไม่พิจารณาแม้แต่น้อยเลยเหรอ? ยายหนูหลินเอ๋อร์แย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวต้องหลินอิ่งอย่างเย็นชา “เราสามารถอยู่ในบ้านนอกแบบนั้นอย่างมณฑลตงไห่ไปเป็นลูกเขยแต่งเข้าตระกูลเล็กๆแบบนั้นได้ กลับไม่ยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจ้าวอย่างเรา?”
“นี่มันเหตุผลอะไร? ดูถูกตระกูลจ้าว? ดูถูกตาแก่อย่างเราสองคน? และดูถูกหลินเอ๋อร์ ใช่ไหม?”
แม่เฒ่าตระกูลจ้าวยิ่งพูดยิ่งโมโห อารมณ์เสียโดยตรงเลย
“นี่ก็เพราะปู่ของเราตามใจเรา สมัยก่อน ปู่ทวดของเรา อยู่ในตระกูลฉีก็ตามใจฉัน อย่างเราที่แสดงท่าทางวิปริตต่อหน้าฉันแบบนี้ ลากตัวไปทำโทษประจำตระกูลในห้องโถงตั้งนานแล้ว”
“ช่างทำให้ฉันโมโหจริงๆ”
แม่เฒ่าตระกูลจ้าวตีไม้เท้าไปหลายครั้ง ทำเสียงเย็นชา ไม่พอใจสำหรับพฤติกรรมของหลินอิ่งไม่มาก
“ท่านยาย ท่านไม่ต้องพูดพวกนี้กับผม” หลินอิ่งพูดเรียบเฉย “ท่านเป็นผู้อาวุโสของตระกูลฉี ผมเคารพท่าน”
“หากท่านมีคำสั่งอะไร ผมต้องทำตามอย่างแน่นอน” หลินอิ่งค่อยๆพูด “แต่ว่าเรื่องสัญญาหมั้นหมาย ไม่มีช่องว่างให้เจรจา”
“วันนี้ผมขอประกาศตรงนี้ ขอยกเลิกการหมั้นอย่างทางการ อย่าให้ผมกลับไปแล้ว ต้องประกาศต่อแวดวงลึกลับด้วยตัวเอง”
“อีกอย่าง ท่านยาย ปู่ของผมช่วงนี้สุขภาพไม่ค่อยดี ต้องการรักษาตัวอยู่บ้าน ผมไม่หวังว่า ยังมีคนไปรบกวนท่านอีก”
หลินอิ่งพูดประโยชน์เหล่านี้อย่างเย็นชา ระหว่างคำพูดนั้น แปร่งประกายราศีที่ทำให้คนหวาดกลัว
ใช่แล้ว สัญญาหมั้นหมายไม่ต้องเจรจาแล้ว
ในใจหลินอิ่งก็เริ่มมีความโกรธแล้ว
ร่างกายของคุณปู่ตัวเองยังไม่หายดี ถูกแม่เฒ่าตระกูลจ้าวเชิญออกมา จุดนี้ ทำให้เขาโมโห
แม่เฒ่าตระกูลจ้าวเป็นยายของตัวเอง ทั้งเกียรติและมารยาทก็ให้พอแล้ว
เปลี่ยนเป็นรูปแบบปกติของเขา ทิ้งคำพูดไว้ที่ตระกูลจ้าว หมุนตัวจากไป ดูใครกล้าพูดมาก
“เธอ นี่เธอกำลังสั่งสอนฉันเหรอ?” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวพูดอย่างโมโห “ในเมื่อเราพูดแบบนี้ งั้นก็ช่างเถอะ ยายหนูหลินเอ๋อร์ ตัดความคิดนี้ไปเถอะ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปอย่าไปมาหาสู่กับไอ้เด็กเวรนี่อีก วันนี้หนูก็เห็นแล้ว ไอ้เด็กเวรนี่วันนี้มันรังเกียจหนูขนาดนี้”
“เดี๋ยวฉันก็จะประกาศต่อภายนอก ยกเลิกการหมั้น คือหลินอิ่งไม่เจียมตัว ไม่คู่ควรกับยายหนูบ้านเรา”
“หลินอิ่ง วันนี้เธอถอนหมั้นเดินออกจากประตูนี้ไป ก็อย่าโทษว่าฉันไม่รักษาความสัมพันธ์นะ ถึงเวลา ถึงแม้ตระกูลจ้าวไม่ไปยืนฝั่งตระกูลสวี ก็ต้องทำให้เธอลำบากแน่” จ้าวเทียนสงพูดเสียงเคร่งขรึม ท่าทางยิ่งอยู่ยิ่งโมโห
“นี่ท่านกำลังข่มขู่ผม?” หลินอิ่งน้ำเสียงค่อยๆเย็นชาขึ้น
“ไม่ได้”
คำพูดหลินอิ่งยังพูดไม่จบ จ้าวหลินเอ๋อร์ก็โดดออกมา สีหน้ารีบร้อน
“คุณย่า คุณปู่ ท่านอย่าโมโหใส่หลินอิ่ง”
จ้าวหลินเอ๋อร์พูดขอร้อง สีหน้ากังวลมาก
“หนู……”
“นี่…….”
แม่เฒ่าตระกูลจ้าวกับจ้าวเทียนสงเห็นจ้าวหลินเอ๋อร์กระโดดออกมาช่วยหลินอิ่งพูด ต่างก็สีหน้าโมโห
“เอาตัวเธอลงไป ยายเด็กนี่ไม่รู้จักอายจริงๆ” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวก็โมโหแล้ว ท่าทางโกรธมาก
“คุณย่า ย่าอย่าอารมณ์เสียเลย หลินอิ่ง เขาไม่ได้มีความหมายไม่เคารพท่าน” จ้าวหลินเอ๋อร์ก้มหน้าพูด “ย่าให้หนูพูดกับหลินอิ่งสักสองคำได้ไหม?”
พูดไป ตาของจ้าวหลินเอ๋อร์ก็เริ่มแดง มองไปที่หลินอิ่ง ถามอย่างจริงจัง “คุณต้องถอนหมั้นจริงเหรอ? ฉันตกลงแล้ว แต่ฉันหวังว่า คุณจะตอบตกลงฉันข้อเสนอหนึ่งข้อได้ไหม?”