ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 589 มุซาชิ จูโตะ
“ไม่ใช่มั้ง? คนลึกลับแข็งแกร่งอย่างคุณกง จะตายง่ายๆได้อย่างไร?”สวีไป๋เห้อสีหน้าเปลี่ยน พูดอย่างประหลาดใจ
“ใช่แล้ว พ่อ ข่าวผิดพลาดหรือเปล่า? ฝีมือความสามารถของคุณกงพวกเราเคยเห็นกับตา เกินขีดจำกัดของมนุษย์ธรรมดาแล้ว”สวีฉางชิงก็เปิดปากพูด
จากที่สวีจิ่วหลิงเปิดเผยข่าวนี้ออกมา คนตระกูลสวีที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็แสดงสีหน้าตกใจ รู้สึกไม่อยากเชื่อ
กงจิ่วตายแล้ว?
นี่เป็นไปได้ยังไง
คุณกงจิ่วท่านนั้น ไปมาไร้ร่องรอย มีฝีมืออันยอดเยี่ยมที่สุด เกินขีดจำกัดของมนุษย์ เป็นยอดฝีมือระดับสูงในแวดวงลึกลับ
คนระดับนี้ ทำไมถึงหายไปจากโลกอย่างไร้ร่องรอย ไร้ข่าวคราว?
“แต่ว่า จนวันนี้กงจิ่วก็ไม่ได้ตอบพวกเธอ แล้วบวกกับ ทางด้านสำนักยุทธ์เชียนก็โมโหขนาดนี้”สวีจิ่วหลงพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “อีกอย่าง องค์กรของสำนักยุทธ์เชียนถูกทำลายอย่างสาหัส คาดว่า คงเกิดเหตุการณ์คาดไม่ถึงกับกงจิ่วแล้ว”
“มิเช่นนั้น ไม่สูญเสียการติดต่อแน่ ยอมให้องค์กรถูกคนทำลายล้าง”
“นี่……”สวีไป๋เห้อหน้าดำเคร่งเครียด “พ่อ ข่าวที่พ่อได้รับถูกต้องหรือไม่? องค์กรของสำนักยุทธ์เชียนถูกคนทำลายล้าง?”
“แน่นอน นี่เป็นข่าวกรองอันแม่นยำที่ทหารลับตระกูลสวีของเราแจ้งมา แน่ใจได้ เมื่อคืน จุดรวมตัวเดิมของสำนักยุทธ์เชียนในตี้จิง ว่างเปล่าคนหายไปหมดแล้ว”สวีจิ่วหลินพูดช้าๆ “ทางด้านบริษัทยามาโตะหยิงหวาตี้จิง ก็มีผู้นำระดับสูงหลายคนหายสาบสูญ ไร้ร่องรอย”
“นี่ สถานการณ์กลับเลวร้ายขนาดนี้แล้ว?”สวีไป๋เห้อพูดด้วยสีหน้าตกใจ “ใครเป็นคนลงมือ? คือหลินอิ่งเหรอ?”
“แต่ว่า สองวันก่อนหลินอิ่งยังควบคุมโครงการอยู่ที่ภูเขาฉางชิง สองวันนี้หลินอิ่งเจ้าตัวก็ปรากฏตัวที่เมืองเทียนหลง”สวีไป๋เห้อพูดอย่างประหลาดใจเล็กน้อย “ใครเป็นคนลงมือกันแน่?”
สวีจิ่วหลิงถอนหายใจพูด “ดูจากเหตุการณ์แล้ว เจ้าตัวหลินอิ่งไม่ได้ออกไปเอง แต่ลูกน้องของหลินอิ่งพวกหยูจื๋อเฉิงกลุ่มนั้น ก็อยู่ในเขตหัวหยางสู้รบกับชีซิงกรุ๊ปในที่ลับ”
“แต่ว่า นอกจากหลินอิ่ง จะมีใครอีก ที่จะลงมือโหดร้ายขนาดนี้ต่อกงจิ่วและสำนักยุทธ์เชียน?”
“ซือ”
สวีไป๋เห้อสูดหายใจเข้าไปทีหนึ่ง เหงื่อย้อยลงมาจากหน้าผาก
ไม่เพียงแค่เขา คนของตระกูลสวีในเหตุการณ์ต่างก็สีหน้าหม่นหมองลงมา ล้วนตระหนักความรุนแรงของสถานการณ์
อำนาจที่ลับในตี้จิงของสำนักยุทธ์เชียนล่มสลายจนหมด กงจิ่วตาย……
นี่ นี่มันหมายความว่า ตัวช่วยสำคัญของตระกูลสวีของพวกเขาที่จะท้าทายกับหลินอิ่ง เสียไปแล้ว……
โดยเฉพาะ ในสถานการณ์ที่เจ้าตัวหลินอิ่งไม่ได้ลงมือเอง ก็ทำลายล้างสำนักยุทธ์เชียนอย่างไร้วี่แวว ความสามารถในที่ลับของหลินอิ่ง มันช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว
ข่าวที่เหมือนดั่งฝันร้าย ทำให้เป็นในใจของคนตระกูลสวีเหมือนดั่งมีเงามืดอยู่ชั้นหนึ่ง
“พ่อ แล้วทหารลับตระกูลสวี สืบออกมาได้หรือไม่ว่า ใครเป็นคนช่วยหลินอิ่งฆ่าล้างสำนักยุทธ์เชียน?”สวีไป๋เห้อถามอย่างจริงจัง
สวีจิ่งหลิงส่ายหน้า พูดว่า “ไม่รู้”
“จากความสามารถแล้ว ทหารลับตระกูลสวียังห่างอยู่ระดับหนึ่ง สืบหาร่องรอยของคนกลุ่มนั้นไม่ได้”สวีจิ่วหลิงพูดอย่างเชื่องช้า หรี่ตาเล็กน้อย “ที่หลินอิ่งสามารถใช้ได้ ก็เป็นเพียงอำนาจลึกลับตระกูลนิ่งเท่านั้น”
“ดูแล้ว ฉันต้องเชิญยอดฝีมือออกมาแล้ว”
“พ่อ ทางด้านกงจิ่วทำพังแล้ว ตัวช่วยในที่ลับไม่มีแล้ว คราวนี้ก็ต้องดูเครือข่ายความสัมพันธ์ของพ่อแล้ว……”สวีไป๋เห้อพูดอย่างจริงจัง
อำนาจในแวดวงลึกลับของตระกูลสวี เครือข่ายความสัมพันธ์ นั้นล้วนควบคุมอยู่ในมือของนายท่านสวีจิ่วหลิง
อำนาจแวดวงลึกลับของตระกูลผู้ดีชั้นสูงนั้น ถ้าไม่ถึงขั้นที่สูญสิ้นวงศ์ตระกูล ไม่ใช้ง่ายๆแน่นอน
“อืม ผมจะจัดการเอง”สวีจิ่วหลิงพยักหน้า พูดอย่างเชื่องช้า “ไป๋เห้อ พวกแกก็ดูแลจัดการกิจการของตระกูลสวีในแวดวงธุรกิจให้ดี พึ่งแค่พวกแก สู้กับหลินอิ่งไม่ได้เลย ประชุมธุรกิจใหญ่ตี้จิงในอีกไม่กี่วัน ฉันจะไปด้วยตัวเอง”
“ครับ พ่อ จัดการประชุมสุดยอด นั้นจำเป็นที่พ่อต้องไปเองอยู่แล้ว ถึงจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้”สวีไป๋เห้อพูดอย่างจริงจัง
“ใช่แล้ว ทางด้านชีซิงกรุ๊ป ประธานเผียว แกได้เรียกเขามาปรึกษาหารือเรื่องใหญ่ที่ตระกูลสวีหรือเปล่า?”สวีจิ่งหลิงคิดอะไรขึ้นมาได้กะทันหัน ถามอย่างสงสัย
“พ่อ ตอนเช้าผมแจ้งทางประธานเผียวแล้ว สำหรับเรื่องของคุณกงเขาก็เป็นห่วงอย่างมาก บอกว่าจะรีบมาที่ตระกูลสวี คาดว่า ตอนนี้ก็น่าจะใกล้ถึงแล้ว”สวีไป๋เห้อพูดอย่างจริงจัง
“อืม เวลาประชุมสุดยอดเทียนหลงใกล้ถึงแล้ว เรื่องนี้ ต้องปรึกษาหารือกับชีซิงกรุ๊ปให้ดี”สวีจิ่วหลิงพูดอย่างเชื่องช้า
คนตระกูลสวีในห้องโถง เงียบกันอยู่สักพัก
เสียงฮวั๊กฮวั๊ก
ทันใดนั้น ชายหนุ่มในชุดสูทเป็นแถวๆเดินเข้ามาในห้องโถง สีหน้าของทุกคนต่างก็เคร่งขรึม
ชายวัยกลางคนใบหน้าน่าเกรงขาม บุคลิกไม่ธรรมดาคนหนึ่ง ท่ามกลางการปกป้องของบอดี้การ์ด เดินเข้ามาในห้องโถงตระกูลสวี
“นี่คือ คนของชีซิงกรุ๊ป?”
“ประธานเผียวมาแล้ว? เชิญนั่ง”
จากการมาถึงของชายวัยกลางคน คนตระกูลสวีในห้องโถงล้วนลุกขึ้นมาต้อนรับ
เผียวจินฮุนสีหน้าเคร่งเครียด ใบหน้าบึ้งตึง ดูเหมือนไม่มีอารมณ์ทักทายกับพวกสวีไป๋เห้อ เดินไปถึงเก้าอี้ปรมาจารย์ของสวีจิ่วหลิง
“นายท่านสวี ผมก็ได้รับข่าวกรองแล้ว คุณกง น่าจะตายไปแล้ว……”เผียวจิงฮุนพูดอย่างเปิดอก สีหน้าเคร่งเครียดอย่างมาก
สวีจิ่วหลิงพยักหน้า พูดอย่างจริงจัง “ประธานเผียว ผมได้รับข่าวที่ทางสำนักยุทธ์เชียนส่งมา ไม่ทราบว่าคุณได้รับหรือยัง?”
“ได้รับแล้ว ทางสำนักงานใหญ่ของสำนักยุทธ์เชียนโทรหาผม”เผียวจินฮุนพูดอย่างจริงจัง “เพราะฉะนั้น ผมถึงได้รีบมาตระกูลสวีเพื่อหารือกับคุณ”
สวีจิ่วหลิงไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ถามอย่างจริงจัง “ในโทรศัพท์ผมได้ยินว่า ทางด้านสำนักยุทธ์เชียนจะมีคนรีบมาตี้จิงโดยด่วน แทนตัวเองว่าศิษย์พี่ของกงจิ่ว ประธานเผียว คุณกับคุณกงเป็นเพื่อนเก่า รู้สถานการณ์ที่ชัดเจนไหม?”
เผียวจินฮุนนิ่งไปครู่หนึ่ง พูดว่า “ใช่แล้ว คนที่คุยโทรศัพท์กับผม ก็คือศิษย์พี่ของกงจิ่ว รหัสประจำตัวในสำนักยุทธ์เชียนคือ มุซาชิ จูโตะ”
“กงจิ่วและศิษย์พี่ของเขาความสัมพันธ์เหมือนพี่น้อง พูดแล้วว่าจะมาช่วยกงจิ่วแก้แค้น ให้ผมเตรียมข้อมูลข่าวกรองของคุณชายอิ่งแห่งตี้จิงให้ดี มุซาชิ จูโตะคนนี้ เป็นหัวหน้าของสำนักงานใหญ่สำนักยุทธ์เชียน ความสามารถแข็งแกร่งกว่ากงจิ่ว”
“คนนี้มาที่ตี้จิง คาดว่าต้องระบายความโกรธมาที่พวกเราชีซิงกรุ๊ปและพวกคุณตระกูลสวี เพราะฉะนั้น ต้องเตรียมตัวรับมือไว้ให้ดี”เผียวจินฮุนพูดอย่างเคร่งขรึม
“มุซาชิ จูโตะ?”สวีจิ่วหลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ในความทรงจำของเขา ไม่เคยได้ยินชื่อของคนนี้
แต่ว่า กฎระเบียบของสำนักยุทธ์เชียนเขารู้ดี รหัสประจำตัวตัวเลขยิ่งสูง ก็หมายความว่าตำแหน่งในสำนักยุทธ์เชียนก็ยิ่งสูง
“แบบนี้ก็ดี”สวีจิ่วหลิงพูดอย่างเด็ดขาด “พวกเราร่วมมือกันสามฝ่ายต่อต้านหลินอิ่ง กงจิ่วตายแล้วก็เป็นการสูญเสียอันใหญ่หลวงสำหรับพวกเรา แต่ว่าศิษย์พี่ของเขามา ต้องเป็นตัวช่วยที่สำคัญแน่นอน”