ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 607 อย่ามาขัดขวางโอกาสแห่งความมั่งคั่งของแขกผู้มีเกียรติ
- Home
- ซุปเปอร์เจ้าสำราญ
- บทที่ 607 อย่ามาขัดขวางโอกาสแห่งความมั่งคั่งของแขกผู้มีเกียรติ
ใบหน้าของสวีจิ่วหลิงเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและความเคร่งขรึมจ้องมอง นิ่งซวน
แต่ว่านิ่งซวนกลับไม่ได้หลบสายตาของเขาเลย ทั้งยังหัวเราะเยาะออกมา
“สุนัขเฒ่าแซ่สวีย่างคุณ ใกล้จะตายอยู่แล้วยังมีหน้ามาเบ่งอำนาจอยู่แถวนี้อีกงั้นหรอครับ?คุณจะมาเสแสร้งทำตัวใหญ่โตในฐานะอะไรกันครับ?” นิ่งซวนพ่นคำด่าออกมา “ผมตระกูลนิ่งที่อยู่ภายใต้การดูแลของคุณชายอิ่ง ผมถือเป็นตัวแทนผู้บริหารของประชุมธุรกิจใหญ่ตี้จิงเหมือนกัน เมื่อเป็นแบบนี้ผมยังมีอะไรที่ด้อยกว่าคุณอีกหรอครับ?”
“แก!” สวีจิ่วหลิงโกรธฟึดฟัด พร้อมกับโต้กลับด้วยความโมโห “เจ้าเด็กรุ่นหลังอย่างแก รอให้การประชุมสิ้นสุดลง สิ่งแรกที่ฉันจะจัดการคือจัดการตระกูลของแกให้สิ้นซากซะ !”
“ตระกูลนิ่งของพวกแกสมควรที่จะหายไปตั้งนานแล้ว นิ่งไท่จี๋ไม่เอาไหนถึงได้ให้เด็กอย่างแกไปตามก้นหลินอิ่งต้อยๆ คอยเห่าหอนหรือไง?ไร้ยางอายซะจริง!”
สวีจิ่วหลิงที่โดนนิ่งซวนด่าทอ ถึงกับโกรธจนลนลานไม่น้อย
เมื่อลองคิดตามคนระดับเขา ตลอดเวลาอายุแปดสิบกว่าปีมานี้ยังไม่เคยมีใครในตี้จิงมาด่าว่าเขาเป็นสุนัขเฒ่าต่อหน้าเลยสักครั้ง!
และยิ่งไปกว่านั้นยังมาเกิดขึ้นในการประชุมสุดยอดเทียนหลงอีก
“เหอะๆ ๆ ” นิ่งซวนหัวเราะเยาะเย้ย “คุณยังจะถือตัวเรื่องสถานะมาข่มขู่ผมอีกไหมครับ?คนแก่คร่ำครึอย่างคุณ ไม่มีเกียรติ ไร้ยางอาย อายุอานามก็เยอะขนาดนี้แล้วจะสมรู้ร่วมคิดกับคนต้าเหอทำเรื่องเลวๆ อีกหรอครับ?
“ลอบไปทำร้ายคุณชายอิ่งยังไม่เท่าไหร่ แต่ยังกล้าส่งคนให้ไปลอบฆ่า ฉู่ฉู่แล้วก็ผู้หญิงในบ้านตระกูลกงซุนอีก?คุณนี่ช่างไม่มีศักดิ์ศรีสักนิดเลยนะครับ !”
นิ่งซวนจงใจพูดเสียงดัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
ในระหว่างทางที่เขาเดินทางมาที่นี่ ก็ได้รับข่าวที่เกี่ยวข้องกับฝั่งนั้นมาจากเย่เฮยแล้ว
“อะไรนะ?”
ทันใดนั้น กงซุนเฟยหงที่นั่งเอาแต่นั่งนิ่งเงียบมาตลอดอยู่บนโต๊ะเจรจาก็ส่งเสียงตกใจขึ้นมา
เขามองไปหาสวีจิ่วหลิงอย่างกะทันหัน พร้อมถาม “คุณท่านสวี นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
” คุณกงซุน ตอนนี้คุณลองโทรไปหาทหารลับที่ดูแลที่พักของกงซุนชิวอวี่เดี๋ยวคุณก็จะรู้สถานการณ์เองครับ” นิ่งซวนพูดด้วยเสียงหนักแน่น “คนตระกูลสวีที่บ้าคลั่งไร้สติพวกนี้ เพียงเพื่อที่จะต่อกรกับคุณชายอิ่ง สามารถทำได้ทุกอย่างไร้ขีดจำกัด”
“แกพูดจาเหลวไหล!ใส่ร้ายคนอื่น!เรื่องที่ไม่มีหลักฐาน จะเอามาใส่ร้ายตระกูลสวีของพวกเราได้ยังไง?” สวีจิ่วหลิงโต้กลับด้วยเสียงขุ่นเคือง “ตระกูลสวีของพวกเราเป็นตระกูลใหญ่ที่ทำคุณประโยชน์มานับร้อยกว่าปี จะมาทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร?”
ตอนนี้ ในใจของสวีจิ่วหลิงเริ่มตื่นตระหนกขึ้นมา
คิดไม่ถึงเลยว่านิ่งซวนจะนำเอาข่วเรื่องนี้มาที่นี่ด้วย !ทั้งยังจงใจพูดให้ทุกคนได้ยินอีก
เดิมทีแผนการของตระกูลสวี คือการลอบฆ่าคุณหนูของตระกูลกงซุน และก็ฆ่าฉู่ฉู่คนนั้นทิ้ง โดยไม่คิดจะให้มีใครรอดทั้งนั้น
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า การดำเนินการของทางฝั่งสำนักยุทธ์เชียน จะเกิดปัญหาอันใหญ่หลวงขึ้น
“หึๆ ๆ คุณยังไม่ยอมรับอีกหรอครับ?” นิ่งซวนพูดพลางหัวเราะเยาะเย้ย “คนที่ตระกูลสวีของพวกคุณส่งไปลอบฆ่า ล้วนถูกคนของพวกเราจับไว้หมดแล้ว คุณยังคิดจะเล่นลิ้นอีกหรอครับ?”
ใช่แล้ว ก่อนที่จะมาถึงงานประชุม เย่เฮยได้โทรมาแจ้งแล้วว่าเขาเร่งเดินทางไปที่นั่นได้ทันเวลาและได้ควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งฆ่ากลุ่มนักฆ่าพวกนั้น และเหลือไว้เพียงแค่สองคนที่ยังมีชีวิตอยู่
จุดประสงค์ของการดึงเรื่องนี้ออกมาก็เพื่อที่จะยับยั้งสถานการณ์ต่างๆ แล้วทำให้งานประชุมเกิดความวุ่นวาย
ตื้ด ตื้ด!
กงซุนเฟยหงหันไปมองสวีจิ่วหลิงด้วยสายตาที่โกรธเคือง ใบหน้าร้อนรน พร้อมกับกดโทรศัพท์โทรออกไปทันที
“ฮัลโหล ชิวอวี่ ทางนั้นเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?” กงซุนเฟยหงถามอย่างตื่นตระหนก
เขามีเพียงลูกสาวคนเดียวเท่านั้น จึงต้องดูแลดุจแก้วตาดวงใจ
“สวัสดีครับ คุณกงซุน ตอนนี้คุณกงซุนชิวอวี่ไม่เป็นอะไรแล้วครับ แค่เพียงได้สูดดมธูปสลบเข้าไปจนสลบไปเท่านั้น ตอนนี้ผมได้คุ้มกันส่งเธอไปโรงพยาบาลแล้วครับ” ปลายสายมีเสียงของชายหนุ่มที่ทุ้มเข้มดังออกมา
“แต่ว่า มีข่าวร้ายอย่างหนึ่งที่ต้องบอกคุณคือทหารลับในบ้านตระกูลกงซุนพวกคุณถูกฆ่าตายหมดแล้ว ……”
“คุณ คุณคือใคร?” กงซุนเฟยหงถามด้วยความสงสัย “แล้วเป็นฝีมือใครอีก?”
“ผมเป็นคนของคุณชายอิ่ง ชื่อว่าเย่เฮยครับ” เย่เฮยตอบกลับตามตรง “ผมจับตัวคนลงมือได้แล้วครับ ในนั้นมีทหารลับของตระกูลสวีอยู่ด้วย”
“ครับ ครับ ขอบคุณคุณมากๆ ที่ช่วยเหลือ” กงซุนเฟยหงพยักหน้าซ้ำๆ ก่อนจะวางสายลง
จากนั้นก็รีบส่งข้อความบางอย่างออกไปอย่างเร่งด่วน ราวกับกำลังแจ้งให้คนของตระกูลกงซุนเร่งไปที่นั่น
เมื่อเสร็จสิ้น กงซุนเฟยหงก็ลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน พร้อมกับถลึงตาจ้องสวีจิ่วหลิงด้วยความโกรธสุดขีด
“ตระกูลสวีของพวกคุณคิดจะทำอะไร?ไม่มีแม้แต่กฎเกณฑ์สักนิดเลยหรือไง?คิดจะรังแกตระกูลกงซุนของพวกเรายังไงก็ได้หรือไรกัน?” กงซุนเฟยหงแทบจะคำรามถามออกมาโดยไม่คิดจะไว้หน้าสวีจิ่วหลิงอีกต่อไป
สีหน้าของสวีจิ่วหลิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย พร้อมแย้งกลับด้วยเสียงหนักแน่น “กงซุนเฟยหง คุณโปรดระวังท่าทีของคุณด้วย !กับแค่โทรศัพท์สายเดียวคุณก็เชื่อแล้วงั้นหรอ?นี่มันเรื่องที่ไม่มีหลักฐานเลยสักนิด แต่งขึ้นมาทั้งนั้น”
“จากมุมมองของผม นี่เป็นแผนการที่หลินอิ่งทำกับ ตระกูลกงซุนของพวกคุณต่างหาก ทำไมคุณถึงไม่ลองคิดสักหน่อยว่าอาจจะเป็นฝีมือหลินอิ่งที่ส่งคนไปทำเรื่องแบบนี้ แล้วใส่ร้ายตระกูลสวี ของเรา?”
สวีจิ่วหลิงไม่ได้หน้าแดง ใจไม่ได้เต้นแรง พลางหรี่ตามองกงซุนเฟยหง
“สวีจิ่วหลิง มาจนถึงขนาดนี้แล้ว คุณยังคิดจะแถอีกหรอ” นิ่งซวนพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา “ความอัปลักษณ์ของตระกูลสวี ได้เปิดเผยต่อหน้าสาธารณชนแล้ว ยังคิดจะปิดบังอะไรอีก?”
“หึ!” สวีจิ่วหลิงพ่นเสียงเย็นชาออกมา “เด็กอย่างคุณมาพูดโวยวายอะไรอยู่ที่นี่ เอาแต่พูดอย่างนั้นอย่างนี้? ต้องการมาทำให้ทุกคนไขว้เขวงั้นหรอ?คิดจะทำให้แผนการของผมวุ่นวายสินะ?หรือเป็นเพราะหลินอิ่งมาไม่ได้อีกแล้ว?ถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ้บสาหัสแล้ว?ใช่หรือเปล่า?”
“การเล่นกลยุทธ์เบนความสนใจพวกนี้ เด็กอย่างคุณอย่างอ่อนหัดนัก”
สวีจิ่วหลิงพูดด้วยสีหน้าดูถูก
“วันนี้ พวกคุณจะพูดอะไรก็เชิญตามสบาย แต่ตระกูลสวีของเราจะต้องได้เมืองเทียนหลง ถ้าหากพวกคุณยังกล้าช่วยหลินอิ่งมาขัดคอพวกเรา หลังจบเรื่องผมจะคิดบัญชีพวกคุณทีละคนให้สาสม!”
“ประธานเผียว คุณเริ่มนับคะแนนมติได้เลย ถามให้ชัดเจนว่าในที่นี้ยังมีใครคัดค้านอีก?”
สวีจิ่วหลิงพูดประโยคนี้ออกมาอย่างรุนแรง ราวกับนักพนันขี้แพ้ที่กำลังอิจฉาตาร้อนที่ยอมสละทุกอย่างเพื่อเอาชนะ
ถูกต้องแล้ว ตอนนี้ใจของเขาตื่นตระหนกจนนั่งไม่ติดเก้าอี้อีกแล้ว
สถานการณ์เริ่มควบคุมไม่ได้มากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนทางทางด้านมุซาชิ จูโตะก็ไม่รู้สู้กันไปถึงไหนแล้วด้วย
ดังนั้นจึงต้องรีบแก้ไขปัญหานี้ให้เด็ดขาดรวดเร็ว ไม่ว่าผลสรุปจะเป็นอย่างไร แต่ก่อนที่หลินอิ่งจะมาถึง จะต้องรีบให้คนที่เห็นด้วยเซ็นสัญญาให้เสร็จโดยเร็ว
“ครับ” เผียวจินฮุนพยักหน้ารับ พร้อมกล่าวขึ้นอย่างอ้อยอิ่ง “วันนี้เป็นการประชุมสุดยอดเทียนหลง พวกคุณที่มีปัญหาส่วนตัวที่คับข้องใจโปรดไปจัดการเป็นการส่วนตัว อย่าได้มารบกวนโอกาสในการสร้างโชคลาภของทุกคน เข้าใจหรือเปล่า?”
“ผมเชื่อว่า ทุกท่านที่นั่งอยู่ที่นี่ล้วนแต่คิดหาวิธีที่จะสร้างผลประโยชน์ที่มากขึ้นใช่ไหมล่ะครับ?
“แล้วแบบนี้ยังมีใครคิดจะไปสนใจเรื่องดำขาวพวกนั้นของพวกคุณ?พวกคุณไม่สามารถมอบผลประโยชน์ที่เพียงพอให้กับทุกคน เลยคิดจะมาใส่เรื่องคุณธรรมของคุณท่านสวีใช่หรือเปล่า?ตลกสิ้นดี”