ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 608 สถานการณ์ตึงเครียด
เผียวจินฮุนพูดประโยคนี้อย่างมาอย่างแข็งกร้าว ก่อนที่เขาจะเหลียวสายตาไปมองยังที่นั่งของแขกผู้มีเกียรติ
“ทุกท่าน ควรรู้ว่าสิ่งไหนจะนำสู่ความสำเร็จสิ่งไหนนำสู่ความล้มเหลว จากน้จะตัดสินใจยังไง ในใจของทุกท่านน่าจะรู้ดีนะครับ” เผียวจินฮุนพูดชัดถ้อยชัดคำอย่างช้าๆ “วันนี้ ถ้าใครก็ตามที่ต่อต้าน ตระกูลสวีและชีซิงกรุ๊ปของพวกเรา หลังจากนี้จะถูกคิดบัญชี!”
เมื่อพูดจบ เผียวจินฮุนแหงนหน้าขึ้นสูงด้วยสายตาที่ภาคภูมิ พร้อมกับแสดงท่าทีราวกับผู้ชนะ
“นี่มัน……”
“ดูแล้ววันนี้ถ้าไม่เลือกฝ่ายก็คงจะไม่ได้แล้ว ตอนแรกผมอยากจะติดตามคุณชายอิ่ง แต่ในสถานการณ์แบบนี้ เกรงว่าจะลำบากแล้ว ……”
“ใช่แล้ว ตระกูลสวีกำลังใช้อำนาจเพื่อได้มาในสิ่งที่ต้องการ ลองคิดดูแล้วทางด้านคุณชายอิ่งก็คงจะยากที่จะมาที่นี่ได้”
เมื่อต้องเผชิญกับคำข่มขู่ที่แสนเผด็จการของเผียวจินฮุน สีหน้าของผู้คนในงานประชุมก็สับสนขึ้นมาอย่างมาก
หลินอิ่งสามารถแข่งขันกับตระกูลสวีและชีซิงกรุ๊ป แต่พวกเขาทำไม่ได้
วันนี้ ตระกูลสวีทำตัวหัวรุนแรงแบบนี้ ถ้าเกิดว่าพวกเขาคัดค้าน ถ้าเกิดว่าโครงการเมืองเทียนหลงสิ้นสุดลง ก็คงไม่เป็นผลดีกับพวกเขาแน่นอน
“เผียวจินฮุน นี่คุณหมายความว่ายังไง?นี่คุณกำลังข่มขู่เหล่าสมาชิกอย่างเปิดเผยงั้นหรอ?” นิ่งซวนพูดด้วยเสียงโกรธเคือง
“ผม คุณนิ่ง แล้วก็ คุณกงซุนยังนั่งอยู่บนโต๊ะเจรจา พวกคุณคิดว่าตัวเองเป็นผู้นำของการประชุมสุดยอดหรือยังไง?” จ้าวเฉิงเฉียนเองก็พูดด้วยความหนักแน่น พร้อมกับมองสวีจิ่วหลิงและเผียวจินฮุนอย่างเย็นชา
“เหอะ” สวีจิ่วหลิงแหยะเสียงดูถูกออกมา พร้อมกับมอง นิ่งซวนและจ้าวเฉิงเฉียนอย่างเหยียดหยาม “สถานการณ์เป็นยังไงใจพวกคุณยังไม่ชัดเจนอีกหรอ?ตอนนี้พวกคุณไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะมาท้าทายผมในงานประชุมนี้แล้ว !ก็แค่พวกคุณไม่กี่คนยังคิดจะมาต่อรองกับผมที่นี่อีกงั้นหรอ?ถ้าให้ตาเฒ่าในตระกูลพวกคุณออกมาก็ว่าไปอีกอย่าง”
“เอาเถอะ เดี๋ยวผมกลับไปค่อยเขียนจดหมายส่งไปให้เหล่าคุณท่านของพวกคุณ ให้พวกเขาสั่งสอนๆ พวกเด็กไม่เอาไหนอย่างพวกคุณ !” สวีจิ่วหลิงพูดอย่างวางมาด
“ฮื้ม!” กงซุนเฟยหงสีหน้าโกรธเคือง พร้อมกับลุกขึ้นมาจ้องสวีจิ่วหลิงราวกับต้องสูบเลือดสูบเนื้อเขาซะ
“คุณท่านสวี เรื่องลูกสาวของผม ถ้าคุณไม่ให้คำอธิบายกับผมมาให้ชัดเจน ผมจะไม่มีทางปล่อยให้คุณบรรลุผลไปอย่างง่ายดายแบบนี้แน่ !” กงซุนเฟยหงพูดด้วยเสียงทุ้มหนัก
สำหรับตัวหลินอิ่งนั้นเขามีความไว้วางใจเป็นอย่างมาก
ซึ่งหลินอิ่งไม่มีทางที่จะไปทำร้ายลูกสาวของเขาแน่นอน และก็ยังไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องมาต่อกรกับคนของตระกูลกงซุนด้วย
ตรงกันข้าม ตระกูลสวีกับกลุ่มคนเกาหลีและคนต้าเหอสมรู้เรื่องคิดกัน ไม่ว่าจะเป็นกลอุบายแบบไหนพวกเขาก็สามารถทำได้ทั้งนั้น
และเมื่อดูจากสถานการณ์แล้ว การที่หลินอิ่งถูกลอบฆ่าระหว่างทาง รวมทั้งสายโทรศัพท์ที่เพิ่งได้รับเมื่อสักครู่นี้ เขาก็สามารถมั่นใจได้เลยว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ตระกูลสวีเป็นคนทำ
“กงซุนเฟยหง ถ้าหากไม่มีหลักฐานยืนยัน ทางที่ดีคุณอย่ามาพูดจาเหลวไหลดีกว่า” สวีไป๋เห้อพูดขึ้นด้วยความเย็นชา “คุณท่านของเราเป็นคนระดับไหน?คนที่มีชื่อเสียงคุณธรรมมาโดยตลอดจะไปวางแผนทำร้ายเด็กสาวอะไรแบบนั้นได้ยังไงกัน?”
“ถ้าหากว่าคุณรู้สถานการณ์ อย่างนั้นก็กลับไปตรวจสอบเป็นการส่วนตัว ที่นี่กำลังอยู่ระหว่างการประชุม ไม่ใช่เวลาที่คุณจะมาอาละวาด !”
“ระวังตัวการสร้างความวุ่นวายของพวกคุณจะไปสร้างความบาดหมางกับทุกคนในการประชุมนี้ แบบนั้นอนาคตความก้าวหน้าของพวกคุณคงจะยากแล้ว !”
“พวกคุณ!” สีหน้าของกงซุนเฟยหงเคร่งขรึมขึ้นมาทันที ภายในใจเต็มไปด้วยไฟโกรธ ก่อนจะหันหลังไปโทรศัพท์ เพื่อสอบถามความเห็นจากคุณท่านในตระกูลของตน
ส่วนจ้าวเฉิงเฉียนกับนิ่งซวนต่างหันมาสบตากันด้วยสีหน้าที่ผ่าเผย
ทั้งสองคนต่างลุกขึ้นไปโทรศัพท์ พร้อมเริ่มปฏิบัติการอะไรสักอย่าง เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถมองดูสวีจิ่วหลิงสะกดจิตของทุกคน และควบคุมสถานการณ์แบบนี้อย่างเงียบๆ
“เหอะ” สวีจิ่วหลิงหัวเราะเยาะและร่องรอยของชัยชนะก็ปรากฏบนใบหน้าเหี่ยวแห้งของเขา
เขากวักมือขึ้นเรียก สวีไป๋เห้อให้เข้ามาข้างกาย พร้อมกระซิบพูด “ไป๋เห้อ ทางด้านเหอซานจินกับมุซาชิ จูโตะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?ทำไมถึงได้ปล่อยให้นิ่งซวนมาที่นี่ได้?หรือพวกเขายับยั้งหลินอิ่งเอาไว้ไม่ได้?”
สวีไป๋เห้อขมวดคิ้วพร้อมกระซิบข้างหู สวีจิ่วหลิง “พ่อ เมื่อกี้นี้ผมกับ ประธานเผียวได้ส่งข้อความไปถามสถานการณ์แล้วครับ เหอซานจินตอบกลับมาว่ามุซาชิ จูโตะกับหัวหน้ายามเผียวสกัดกั้นหลินอิ่งเอาไว้ได้แล้ว และมีความเป็นไปได้ที่จะชนะ”
“อ๋อ?สกัดเอาไว้ได้แล้ว?” สีหน้าของสวีจิ่วหลิงมีความสุขขึ้นมาทันทีพร้อมกับความตระหนกในใจก็ค่อยๆ ลดลง “อย่างนั้นก็ดีๆ ”
ตอนแรกเขาก็แอบกังวลอย่างมากว่ายอดฝีมือทั้งสามจะไม่สามารถจัดการหลินอิ่งได้
แต่ในเมื่อตอนนี้มีข่าวมาแล้วว่าหลินอิ่งถูกสกัดเอาไว้ได้แล้ว อย่างนั้นเขาก็สามารถทำงานใหญ่ได้โดยไม่ต้องคิดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว
“แล้วทางด้านลูกสาวสาวของตระกูลกงซุนแล้วก็ ฉู่ฉู่ ปฏิบัติการล้มเหลวแล้วงั้นหรอ?” สวีจิ่วหลิงถามอย่างเคร่งเครียด
“อันนี้……การลอบฆ่าน่าจะล้มเหลวแล้วครับ” สวีไป๋เห้อกดเสียงทุ้มต่ำ “คนที่พวกเราส่งไปทั้งหมดล้วนขาดการติดต่อ ดูท่าแล้วหลินอิ่งจะมีแผนการรับมือเอาไว้แล้วเลยไปที่นั่นได้ทันกันเลยทำให้ต้องปล่อยผู้หญิงสองคนนั้นไป”
“แต่ว่า พ่อไม่ต้องเป็นกังวลใจเกินไป ถึงการลอบฆ่าผู้หญิงสองคนนั้นจะล้มเหลว แต่นั่นก็ไม่มีผลกระทบอะไรกับงานใหญ่ของพวกเรา” สวีไป๋เห้อพูด
“ต่อให้พวกเขาจะจับคนลงมือได้ และบีบคั้นจนสารภาพว่าเป็นฝีมือของตระกูลสวีแต่จะทำอะไรได้อีก?ขอเพียงพวกเรายึดเมืองเทียนหลงได้ และกลายเป็นมหาอำนาจของตี้จิง พร้อมด้วยความร่วมมือกันของชีซิงกรุ๊ปกับสำนักยุทธ์เชียน แบบนี้ต่อจากนี้ไปในตี้จิงก็จะไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเราได้อีก”
“อืม ถูกแล้ว” สวีจิ่วหลิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ขอเพียงหลินอิ่งถูกสกัดเอาไว้จนมาไม่ได้ แบบนี้ก็จะไม่มีปัญหาอะไรอีก จะดีที่สุดก็คือขอให้หลินอิ่งตายไปซะ แบบนี้พวกเรา ตระกูลสวีก็จะไม่มีภัยคุกคามและอุปสรรคใดๆ อีกต่อไป”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน เผียวจินฮุนก็โน้มตัวเข้ามาพร้อมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “คุณท่านสวี ภายในงานประชุมส่วนมากเอนเอียงมาฝั่งเราแล้วครับ ตอนนี้กำลังนับการลงลายเซ็นของทุกคน”
“ทว่าผมรู้สึกว่า นิ่งซวนกับจ้าวเฉิงเฉียนทั้งสองคนนั้นจะยังมีความแคลงใจอย่างมาก ทั้งยังเดินออกไปโทรศัพท์ด้วย ไม่รู้ว่าจะมีการล้มโต๊ะหรือเปล่า”
“ฮือ?ล้มโต๊ะ?พื้นที่ขนาดใหญ่แบบนี้อย่างเมืองเทียนหลง มีคนอยู่ตั้งมากมาย พึ่งแค่พวกเขาสองคนจะล้มได้งั้นหรอ?” สวีจิ่วหลิงพูดด้วยเสียงที่ดูถูก พลางหรี่ตาลงพร้อมกับเหลียวหันไปมองยังร่างของนิ่งซวนกับจ้าวเฉิงเฉียนที่ยืนอยู่ไกลๆ
“อย่างนี้ก็พูดยาก ขนาดสุนัขที่ร้อนรนยังสามารถกระโดดกำแพงได้” เผียวจินฮุนพูดด้วยท่าทีจริงจัง “ผมว่าคุณควรจะไปจัดเตรียมคนเอาไว้สักกลุ่มดีกว่า แล้วให้เตรียมตัวอยู่บริเวณอาคารเทียนหลง เผื่อเจ้าหนุ่มนิ่งซวนคนนั้นจะเล่นหนักและบังคับให้ยุติมติประชุม”
“อืม สุขุมรอบคอบถึงจะกุมเรื่องสำคัญได้” สวีจิ่วหลิงพยักหน้าเข้าใจ “จุดนี้ผมได้มีการคาดเดาไว้ตั้งนานแล้ว ทั้งยังได้จัดเตรียมเอาไว้แล้วด้วย”
“ไป๋เห้อ ไปแจ้งกับสมาชิกทหารลับให้มารวมตัวกันที่อาคารเทียนหลง แล้วก็จับตาดู เจ้าหนุ่มนิ่งซวนคนนั้นให้ดี” สวีจิ่วหลิงกล่าวสั่งอย่างจริงจัง
“ครับ”
สวีไป๋เห้อพยักหน้า พลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดปลดล็อกรหัสแล้วโทรติดต่อไปหาสมาชิก
สำหรับการประชุมสุดยอดเทียนหลงครั้งนี้ สถานการณ์ในรูปแบบต่างๆ ความเป็นไปได้ต่างๆ พวกเขาได้มีการวิเคราะห์มาก่อนแล้ว ทั้งยังมีการเตรียมตัวรับมือเอาไว้อย่างดีแล้วด้วย
อีกทางด้านโต๊ะเจรจา นิ่งซวนกับจ้าวเฉิงเฉียนทั้งสองคนก็กำลังปรึกษาหารือกันอยู่
“โทรศัพท์ของคุณชายอิ่งยังติดต่อไม่ได้อีกหรอ?” จ้าวเฉิงเฉียนมองนิ่งซวนพร้อมถามด้วยสีหน้าเคร่ง
นิ่งซวนสีหน้าเคร่งขรึมก่อนจะวางโทรศัพท์ลง “ยังติดต่อไม่ได้เลยครับ คุณชายอิ่งยังจัดการคนต้าเหอกลุ่มไม่เรียบร้อย……”
“จะปล่อยให้คน ตระกูลสวี บรรลุผลกลายเป็นผู้นำในการประชุมสุดยอดอย่างราบรื่นแบบนี้ไม่ได้” จ้าวเฉิงเฉียนพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “สั่งให้คนล้อมอาคารเทียนหลงเอาไว้เป็นไง?”
แววตาของนิ่งซวนประกายแสงทันที พร้อมกับครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งกก่อนจะพยักหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว “ดี ผมเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน”
“ไม่ว่าพวกเขาจะทำยังไง ก่อนที่ คุณชายอิ่งจะเดินทางมาถึง ใครก็ห้ามออกไปจากอาคารเทียนหลงเด็ดขาด” นิ่งซวนพูดขึ้นอย่างหนักแน่น โดยมีแสงของความมุ่งมั่นประกายขึ้นมาในแววตา จากนั้นเขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกไปหาทหารลับของตระกูลนิ่งที่อยู่ด้านนอกอาคารพร้อมกล่าวสั่ง