ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 612 พวกคุณคิดจะใช้ความรุนแรงหรือไง?
ณ การประชุมสุดยอด อาคารเทียนหลง
ตรงโต๊ะเจรจา มือทั้งสองของสวีจิ่วหลิงกุมไม้เท้าหัวมังกรเอาไว้ ข้างกายเขามีพนักงานเข้ามารินชาให้ เขาหรี่ตามองลงไปบริเวณด้านล่างเวทีด้วยท่าที่สุดผ่อนคลาย
“เรียบร้อยแล้วครับ นายท่านสวี ประธานเผียว ตอนนี้คะแนนมติได้นับเสร็จสิ้นแล้ว !”
ในตอนนั้น มีตัวแทนผู้จัดการของชีซิงกรุ๊ปคนหนึ่งเดินขึ้นมา พร้อมกับผู้จัดการงานประชุมอีกกลุ่มหนึ่งที่ตามมา โดยในมือกำลังถือสำเนาเอกสาร
“ดี ผมขอดูหน่อยสิ” เผียวจินฮุนพูดด้วยสีหน้าพึงพอใจ พร้อมยื่นมือออกไปรับรายการเอกสารมาใช้ในการตรวจสอบอ้างอิง
“ทั้งเหล่าสมาชิกของประชุมธุรกิจใหญ่ตี้จิง และตัวแทนยักษ์ใหญ่ต่างๆ ได้มีการลงนามเห็นด้วยกับข้อเสนอของพวกเราด้วยตัวเองมากกว่าครึ่งเลยทีเดียว” รอยยิ้มแห่งชัยชนะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเผียวจินฮุน พร้อมกับหันไปพูดกับสวีจิ่วหลิง “นายท่านสวี ตามกฎระเบียบของประชุมธุรกิจใหญ่ตี้จิงของพวกคุณแล้ว หลังจากนี้เมืองเทียนหลงก็จะขึ้นอยู่กับฝ่ายพวกเราในการตัดสินแล้ว”
“ถูกต้อง!” สวีจิ่วหลิงหรี่ตาลงเล็กลงด้วยท่าทีที่เบิกบาน “เมื่อลงนามกันหมดแล้ว หลังจากนี้พวกเราก็จะกลายเป็นผู้มีอำนาจดูแลจัดการกับเมืองเทียนหลงแล้ว หากหลินอิ่งยังคิดที่จะมาก่อเรื่องอีก ก็คงจะมีเพียงแต่ต้องถูกสมาชิกทุกคนขับไล่เท่านั้น”
“หลินอิ่งแห่งตระกูลฉี คนนั้น อายุยังน้อย คิดว่าแค่อาศัยกำหมัดเดียวก็จะสามารถเอาชนะได้แล้ว แต่ความจริงยังอ่อนหัดเกินไป” สวีจิ่วหลิงพูดด้วยสีหน้าภูมิใจ
ความภาคภูมิในใจของสวีจิ่วหลิง นั้น มีความสุขบางอย่างจากการที่สามารถลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง ความอัปยศอดสูของตระกูลสวีที่เคยถูกหลินอิ่งกดขี่เมื่อในอดีต ตอนนี้ได้ถูกชำระล้างออกไปจนหมดจดแล้ว!
หลินอิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นแล้วจะทำอะไรได้อีก?
ก็แค่คนชอบใช้กำลังไร้ความคิดเท่านั้น
วันนี้ไม่ว่าจะเป็น ประชุมธุรกิจใหญ่ตี้จิง , ตระกูลใหญ่ต่างๆ ,กลุ่มผู้มีอำนาจทางการเงิน หรือแม้แต่สมาคมธุรกิจต่างประเทศต่างก็ได้ลงนามในหนังสือสัญญามากกว่าครึ่งของคนทั้งหมดแล้ว
ผลประโยชน์ของทุกคนถูกมัดรวมเข้าด้วยกันหมด
ต่อให้หลินอิ่งจะมีความสามารถล้นฟ้ามากแค่ไหน มีหรือที่จะสามารถพลิกเเต้มได้อีก ?
ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่รู้เลยว่าหลินอิ่งจะสามารถรอดจากการลอบฆ่าของมุซาชิ จูโตะได้หรือเปล่าด้วย……
“ทุกท่าน!โปรดอยู่ในความสงบสักครู่!”
สวีจิ่วหลิงลุกขึ้นยืนตรงอย่างช้าๆ พูดด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลังอย่างมาก
“ผลสรุปของการประชุมสุดยอดเทียนหลงได้ออกมาแล้ว จากความเห็นของผู้ร่วมประชุมทั้งหมดมีคนจำนวนมากกว่าครึ่งที่ให้การสนับสนุนตระกูลสวีของเรา” สวีจิ่วหลิงพูดอย่างผ่อนคลาย “ผมขอขอบพระคุณทุกท่านเป็นอย่างยิ่งที่ทุกท่านให้ความไว้วางใจและสนับสนุนโครงการความร่วมมือของตระกูลสวี อนาคตจากนี้จะต้องเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนครับ”
“ต่อจากนี้ผมจะจัดงานแถลงข่าวเพื่อประกาศผลสรุปของการประชุมยอดเทียนหลงครั้งนี้ให้แก่สาธารณชนได้รับทราบ” สวีจิ่วหลิงพูดอีกครั้งอย่างสบายใจ “จากนั้น หลังจากที่ทุกท่านกลับไปแล้วก็สามารถเริ่มที่จะมาติดต่อเจรจาเกี่ยวกับธุรกิจทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเมืองเทียนหลงกับตระกูลสวีของเราได้เลยนะครับ”
“ครับ!มีนายท่านสวีเป็นผู้ดูแล พวกเราก็วางใจแล้วครับ เมืองเทียนหลงจะต้องพัฒนาไปข้างหน้าได้อย่างราบรื่นดุจสายน้ำแน่นอน”
“ใช่แล้วครับ ด้วยบารมีของนายท่านสวี และเกียรติยศของตระกูลสวีที่มีมานับศตวรรษ แล้วยังมีการสนับสนุนที่แข็งแกร่งของชีซิงกรุ๊ปจากธุรกิจนอกประเทศอีก พวกเราทุกคนล้วนเดินตามแสงสว่าง รับรองว่าจะต้องได้รับผลเก็บเกี่ยวที่มั่งคั่งแน่นอน!”
“จริงที่สุดครับ นอกจากคนระดับนายท่านสวี ยังจะมีใครมีคุณสมบัติและบารมีที่มากพอจะดูแลเมืองเทียนหลงได้อีก ?เป็นแค่หลินซื่อกรุ๊ปก็ยังคิดเพ้อเจ้อจะมาเป็นผู้นำงั้นหรอ?ตลกสิ้นดี!”
เสียงปรบมือดังครึกโครมไปทั่ว
หลังจากที่สวีจิ่วหลิงพูดจบ ผู้คนด้านล่างเวทีมากกว่าครึ่งต่างก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับปรบมือด้วยสีหน้ายินดี และพูดจาโอ้อวดต่างๆ นานา
แต่ก็ยังมีคนอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้ลุกขึ้นยืน ใบหน้าเต็มไปด้วยความซับซ้อน แววตายังคงแสดงออกถึงความลังเล ภายในใจเต้นตึกตักอย่างหนัก
“อะแฮ่ม……” สวีจิ่วหลิงกระแอมออกมา พร้อมกับกวาดมองไปยังผู้นั่งทุกคนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “แน่นอนว่าผมก็มีเรื่องไม่ดีบางอย่างที่จะแจ้งให้ทราบด้วย”
“วันนี้ยังมีผู้คนอีกจำนวนมากที่มีความคลางแคลงใจต่อตัวผมและตระกูลสวี ไม่ยอมลงนาม และไม่ยอมลงมติด้วย”
“ในการประชุมสุดยอดเทียนหลงครั้งนี้ ทุกอย่างได้สิ้นสุดลงแล้ว ตัวผมเองก็คร้านที่จะไปคิดบัญชีกับเรื่องเล็กน้อยพวกนี้แล้วด้วย แต่ว่าผมจะให้เวลาพวกคุณหนึ่งวัน ถ้าหากว่าไม่มากล่าวขอโทษ และขอเข้าร่วมกับตระกูลสวี”
“อย่างนั้น เมื่อถึงเวลาแล้วอย่ามาโทษว่าผมไม่เกรงใจแล้วกัน !พร้อมกับคิดบัญชีกับแต่ละคนด้วย!”
เมื่อพูดจบ สวีจิ่วหลิงก็นั่งลงด้วยท่าทางของผู้ชนะพร้อมกับยกชาขึ้นมาจิบอย่างผ่อนคลาย
ทว่าเหล่าแขกผู้มีเกียรติที่นั่งอยู่ด้านล่างกลับมีสีหน้าที่เคร่งเครียดมากขึ้น
เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกครั้ง
ในตอนนั้นเอง บริเวณประตูทางเข้างานประชุม จู่ๆ ก็มีกลุ่มชายชุดสูทพุ่งเข้ามา ทุกคนต่างก็มีสีหน้าเย็นชาเคร่งขรึม พร้อมท่าทีที่น่าเกรงขาม มองดูแล้วแต่ละคนดูไม่ต่างกับนักฆ่าที่โหดเหี้ยมเลย
จ้าวเฉิงเฉียนและนิ่งซวนที่ยืนนำอยู่ข้างหน้าสุด มองไปยัง สวีจิ่วหลิงที่นั่งอยู่บนโต๊ะเจรจา
“สวีจิ่วหลิง คุณทำตัวโอหังเร็วเกินไปหน่อยแล้ว!” นิ่งซวนพูดด้วยเสียงหนักแน่น “คุณคิดว่าการประชุมสุดยอดเทียนหลงกลายเป็นอะไรไปซะแล้ว?คิดว่าเป็นเวทีแสดงเดี่ยวของตระกูลสวีหรือไงครับ ?ตัวแทนผู้บริหารทั้งสี่ของประชุมธุรกิจใหญ่ตี้จิงยังไม่พยักหน้าเห็นด้วยเลย ดังนั้นโครงการของคุณก็เป็นเรื่องไร้สาระเท่านั้น!”
“หึ!” สวีจิ่วหลิงพ่นเสียงเยาะเย้ยออกมา พร้อมมองนิ่งซวนด้วยใบหน้าเย็นชา “ทำไม?เจ้าเด็กตระกูลนิ่งอย่างแก ยังไม่ยอมแพ้อีกงั้นหรอ ?”
“ตัวแทนผู้บริหารทั้งสี่จะเห็นด้วยหรือไม่ มันก็ไม่ได้สำคัญอีกแล้ว พวกคุณถูกเตะออกจากบอร์ดแล้ว” สวีจิ่วหลิงพูดอย่างแข็งกร้าว
“เมืองเทียนหลง ไม่ต้องการให้คนตระกูลพวกคุณมายุ่งด้วย”
“อีกอย่างหากต้องแสดงออกถึงสถานะของตระกูลใหญ่ คนอย่างพวกคุณยังมีคุณสมบัติไม่มากพอ !”
“เหอะ” นิ่งซวนหัวเราะเยาะออกมา “สวีจิ่วหลิง ออกจากบอร์ดหรือไม่คิดว่าแค่คุณพูดก็ได้แล้วงั้นหรือไง ?วันนี้ คุณชายอิ่งไม่อยู่ในงาน ส่วนตระกูลกงซุน ตระกูลจ้าวและตระกูลนิ่งยังไม่เห็นด้วยเลย โครงการของคุณถือว่าเป็นโมฆะ !”
“ตัวแทนผู้ร่วมการประชุมมากกว่าครึ่งได้มีการลงนามเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างได้มีการสรุปผลและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว พวกคุณยังจะดิ้นรนทำไมกันอีก ?” สวีไป๋เห้อพูดพลางมองไปยังกลุ่มของนิ่งซวนด้วยสีหน้าขี้เล่น “อย่าบอกนะว่า คุณอยากจะบาดหมางกับเหล่าตัวแทนผู้ร่วมประชุมจำนวนมากกว่าครึ่งนี้หน่ะ ?คิดให้ถี่ถ้วนด้วยว่าจากนี้ตระกูลนิ่งของคุณยังจะต้องโลดแล่นอยู่ในตี้จิงอีกหรือเปล่า !”
“พวกคุณทุกคนถอยออกไปได้แล้ว อีกเดี๋ยวก็จะมีงานแถลงข่าวประกาศผลสรุปให้กับสาธารณชนแล้ว” สวีไป๋เห้อพูดอย่างภาคภูมิใจ
“ผลสรุปนี้ไม่นับว่าเป็นผล และพวกคุณจะไม่มีทางได้แถลงให้กับสาธารณชนด้วย” นิ่งซวนแย้งอย่างแข็งกร้าว
ตัวแทนนักธุรกิจมากกว่าครึ่งที่ตกไปเป็นของตระกูลสวีแล้ว
และในเมื่อทุกอย่างมาถึงขั้นนี้แล้วก็มีเพียงแต่ต้องล้มโต๊ะแล้วเท่านั้น
ไม่อย่างนั้น ถ้าหากทุกอย่างจบลงก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่แน่
“ทำไม?แกบอกไม่ได้ก็ไม่ได้งั้นหรอ?แกมันอะไรกัน?” สวีจิ่วหลิงถลึงตาจ้องนิ่งซวน “หรือว่าพวกแกคิดที่จะใช้กำลัง?คิดจะให้คนล้อมอาคารเทียนหลงงั้นหรอ?”
“ถ้าใช่แล้วจะยังไง?”
นิ่งซวนพูดด้วยความแข็งกร้าวพร้อมกับโบกมือส่งสัญญาณ
“ล้อมงานประชุมเอาไว้ ใครก็ห้ามออกไปทั้งนั้น!”
เมื่อพูดจบ กลุ่มสุดยอดทหารลับก็เริ่มเคลื่อนไหว ก่อนจะปิดล้อมทางเข้าออกทั้งหมดเอาไว้
“หึ!ฉันจะดูสิว่าพวกแกจะทำได้ขนาดไหนเชียว!” สวีจิ่วหลิงตบโต๊ะไปหนึ่งที
เสียงฝีเท้าดังขึ้น เพียงครู่เดียว ทั้งบันไดของประตูทางเข้าด้านบน และภายในทางฉุกเฉินก็มีกลุ่มบอดี้การ์ดสวมชุดสูทวิ่งพรั่งพรูเข้ามา
รวมทั้งกลุ่มสุดยอดนักเตรียมการของตระกูลสวีก็มาถึงสถานที่เตรียมตัวพร้อมโจมตีแล้วเช่นกัน
คราวนี้บรรยากาศทั้งหมดก็ดูตื่นตระหนกอย่างมาก
เหล่าแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมประชุมต่างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป ด้วยความตื่นใจกลัว