ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 625 ลองศิลปะการต่อสู้?
หลินอิ่งไม่เข้าใจจริงๆ พวกหลินเจว๋เอาความมั่นใจมาจากไหน มาถึงก็จะให้ตัวเองส่งมอบอุตสาหกรรมทั้งหมดของตี้จิงให้?
รู้ไหมว่าอุตสาหกรรมภายใต้ชื่อของตนเองมีจำนวนเท่าไร?
หรือว่าควรจะเสียสละและตอบแทนให้กับตระกูลหลิน?
พูดตามตรง ถ้าคนกลุ่มนี้ไม่มาถึงที่ หลินอิ่งก็ไม่รู้ว่าตัวเองมีความสัมพันธ์อะไรกับตระกูลหลินแห่งลังยาเลยด้วยซ้ำ
ก่อนหน้านี้ ก็ไม่เคยได้ยินแม่พูดถึงมาก่อน
ตอนเด็ก หลินซูชิงแม่แค่บอกว่าเธอเป็นเด็กกำพร้า พ่อแม่บุญธรรมเสียไปตั้งนานแล้ว ไม่มีภูมิหลังอะไร
“ขายขำ? เหอะๆ “หลินเจว๋ท่าทีขี้เล่น สายตามืดมนลง”หลินอิ่ง แกคิดว่าพวกเรากำลังล้อแกเล่นอยู่จริงๆ เหรอ?”
“แกจะมาท้าทายความยิ่งใหญ่ทรงอำนาจของตระกูลหลินแห่งลังยาได้อย่างนั้นเหรอ?”
“ถ้าไม่เห็นแก่แม่ของแกว่ามีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับตระกูลหลิน อย่างแกน่ะ ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นลูกหลานของตระกูลหลินของพวกเราด้วยซ้ำ!”หลินเจว๋พูดขึ้นด้วยสีหน้ามั่นใจ
“ตอนนี้แกไม่เชื่อว่าแม่ของแกหลินซูชิงมีความสัมพันธ์กับตระกูลหลินใช่ไหม?”หลินเจว๋พูดขึ้นอย่างช้าๆ ไม่รีบไม่ร้อน”สิ่งนี้ น่าจะรู้จักสินะ?”
“นี่เป็นหลักฐานยืนยันที่แม่เฒ่ามอบให้กับคนรุ่นหลังของตระกูลหลิน แกดูให้ชัดๆ !”
พูดจบ หลินเจว๋ก็ซัดหยกหนึ่งชิ้นมา
หลินอิ่งรับเอาไว้ มองดู นี่เป็นหยกฟีนิกซ์สีขาวบริสุทธิ์ไร้ที่ติ ข้างบนมีลายเส้นที่พิเศษไม่เหมือนใคร
“สิ่งนี้……”
หลินอิ่งมองหยกชิ้นนี้ ขมวดคิ้วเล็กน้อย แววตาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นลึกซึ้ง
หยกที่เหมือนกัน ในมือของเขาก็มีอีกหนึ่งชิ้น
หลินอิ่งก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแกะสลักหยก จากลายเส้นของหยกชิ้นนี้มันบ่งบอกได้ว่า หยกชิ้นนี้กับหยกชิ้นที่แม่ทิ้งไว้ให้กับตัวเองในตอนนั้น มันมาจากช่างฝีมือคนเดียวกัน เป็นของคู่กัน
ตอนแรกที่แม่มอบหยกให้กับตัวเอง ก็ไม่ได้บอกอะไร
หลินอิ่งก็แค่เก็บไว้เป็นที่ระลึกของแม่ตัวเองเท่านั้น
คิดไม่ถึงเลยว่า ข้างในนี้จะมีต้นสายปลายเหตุที่ลึกซึ้งยาวนานขนาดนี้
แม่หลินซูชิง มาจากตระกูลหลินแห่งลังยา?
ตอนนี้ หลินอิ่งรู้สึกซับซ้อนอยู่ภายในใจทันที อยากที่จะพูดอธิบาย
เพราะว่าเขานึกขึ้นมาได้ ว่าตอนนั้นแม่ของเขาถูกขับไล่ออกจากตระกูลฉี เพียงเพราะว่าฉีเหอถูอยากที่จะหยิบยืมอำนาจจากข้างนอกเท่านั้น……
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า แมหลินซูชิงจะมีภูมิหลังชีวิตที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แถมยังต้องตัดความสัมพันธ์ตระกูลหลินไปเพราะฉีเหอถูอีกด้วย
สุดท้าย กลับได้รับผลลัพธ์แบบนี้
หลินอิ่งส่ายหัว
“ได้ยังไง? หลินอิ่ง ดูท่าแกน่าจะรู้จักของสิ่งนี้แล้วสินะ”หลินเจว๋มองสังเกตทุกการกระทำและอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงของเขา พบว่าท่าทีของหลินอิ่งผิดปกติไป
“ตอนนี้แกน่าจะรู้สักทีแล้วสินะว่าแม่หลินซูชิงเป็นคนของตระกูลหลินแห่งลังยา?”
“ถ้าใช่ แล้วมันจะทำไม?”
หลินอิ่งดึงสติกลับมา มองไปยังหลินเจว๋ พร้อมกับพูดถามขึ้นอย่างนิ่งๆ
เขาไม่ได้มีความสนใจอะไรต่อตระกูลหลินแห่งลังยาเลย
แม้ว่าแม่หลินซูชิงจะเป็นคนของตระกูลหลินจริงๆ นั่นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเองอยู่ดี
ถึงยังไง แม่ของตัวเองตั้งแต่แรกก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องของตระกูลหลินแห่งลังยาให้กับตัวเองฟังเลย
นี่ก็อธิบายชัดเจนแล้วว่า แม่ไม่ได้มีเจตนาที่จะให้ตนเองกลับไปข้องเกี่ยวกับตระกูลหลิน
ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลหลินแห่งลังยาก็ไม่ได้จะอะไรมากมาย
หลังจากที่แม่หลินซูชิงถูกตระกูลฉีขับไล่ออกมา แต่ไหนแต่ไรตระกูลหลินแห่งลังยาก็ไม่ได้เข้ามาก้าวก่ายเลย แล้วก็ไม่มีใครตามหาเบาะแสเลยด้วย
ตอนนี้ ตนเองมาเริ่มต้นตั้งตัวที่ตี้จิง เพิ่งจะส่งคนมาตามหา?
มาถึงก็จะให้ตัวเองกลับไปหาบรรพบุรุษที่ตระกูลหลิน แถมยังให้ยกอุตสาหกรรมให้กับตระกูลหลินอีก?
น่าขำสิ้นดี!
“อ้อ? หรือว่าแกไม่อยากกลับไปหาบรรพบุรุษที่ตระกูลหลินอย่างนั้นเหรอ?”หลินเจว๋พูดขึ้นด้วยใบหน้าบึ้งตึง”อะไรคือ แล้วทำไม? หลินอิ่ง แกนี่ไม่รู้จักกฎสักนิดเลยหรือไง?”
“ว่ากันตามหลักแล้ว แกก็เป็นคนที่เคยฝึกฝนศิลปะการต่อสู้โบราณมาก่อน ควรจะรู้กฎของตระกูลใหญ่ของกลุ่มสันโดษ ดีนะว่ามันเข้มงวดขนาดไหน แล้วก็ควรจะรู้ว่า ตระกูลหลินแห่งลังยาเป็นยังไงด้วย”
หลินเจว๋ในใจรู้สึกสงสัยไม่น้อยกับท่าทีที่แสดงออกมาของหลินอิ่ง
จากสายตาของเขา สามารถมองออกว่าหลินอิ่งมีพลังบูโดระดับโลกนี่บอกได้ว่าหลินอิ่งจะต้องเคยสัมผัสกับกลุ่มสันโดษ มาแล้วแน่นอน
ตระกูลสันโดษ ที่แข็งแกร่งขนาดนั้นแบบตระกูลหลินแห่งลังยา ที่พึ่งพิงที่มีอำนาจอิทธิพลยิ่งใหญ่ขนาดนี้ หลินอิ่งกลับไม่รู้สึกอะไรในใจสักนิดเลยเหรอ?
หรือว่าหลินอิ่งไม่อยากจะพึ่งพิงผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่แบบตระกูลหลินแห่งลังยา?
“ตระกูลหลินแห่งลังยาแล้วทำไม ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผมเลยสักนิด”หลินอิ่งพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ
“แล้วแกไม่ได้สกุลหลินหรือไง? แม่ของแกไม่ใช่คนของตระกูลหลินแห่งลังยาหรือไง? ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับแกเนี่ยนะ?”หลินเจว๋ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม ไม่พอใจกับท่าทีแข็งกระด้างของหลินอิ่งอย่างมาก
ว่ากันตามปกติแล้ว เขามาเป็นตัวแทนของตระกูลหลินแห่งลังยา แถมยังเป็นคนที่แม่เฒ่าตระกูลหลินส่งมาด้วย ตอนนี้หลินอิ่งควรที่จะรอรับคำสั่งด้วยความดีใจและเคารพนับถือสิถึงจะถูก!
สามัญชนคนธรรมดาทั่วไป จะมีท่าทีเย่อหยิ่งทะนงตัวแบบนี้ได้ยังไง?
หลินอิ่งคิดว่าเงินอำนาจในตี้จิงแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นของเขา จะสามารถมาท้าทายเยาะเย้ยตระกูลหลินแห่งลังยาได้อย่างนั้นเหรอ?
“สกุลหลินของผม ได้มาจากแม่ของผม ไม่ใช่ตระกูลหลินแห่งลังยาของพวกคุณ”
หลินอิ่งพูดขึ้นอย่างนิ่งเฉย
“เรื่องของตระกูลหลินแห่งลังยาของพวกคุณ ผมก็ไม่อยากรู้ ยิ่งไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรเลยด้วย”
พูดจบ หลินอิ่งก็มองไปยังชายหนุ่มสองคนที่อยู่ข้างกายของหลินเจว๋ด้วยสายตาเย็นชา
“ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหน มาถึงตี้จิงแล้ว ก็ต้องปฏิบัติตามกฎของหลินอิ่งคนนี้”
“เมื่อตะกี้ เป็นฝีมือของพวกแกสองคนสินะ?”
พอหลินอิ่งน้ำเสียงที่เยือกเย็นของหลินอิ่งจบลง ชายหนุ่มสองคนที่อยู่ข้างกายของหลินเจว๋ก็ยกคิ้ว หันมองสบตากันอย่างอมทุกข์และระแวง
“เป็นฝีมือของพวกเราสองคนแล้วจะทำไม?”
“ใครให้ความกล้านี้กับพวกแกมา?”หลินอิ่งมองทั้งสองคนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“หลินอิ่ง ว่ากันตามลำดับความอาวุโสแล้ว แกต้องเรียกพวกเราว่าพี่ ลูกน้องพวกนั้นของแก ก็เป็นแค่คนรับใช้ของตระกูลหลินเท่านั้น ยังกล้ามาขวางทางพวกเรา พวกเราแค่สั่งสอนคนรับใช้เท่านั้น มันมีปัญหาอะไรเหรอ?”
หลินอิ่งยิ้มเย้ยหยันไม่พูดอะไร
“ฉันให้ความกล้ากับพวกเขาเอง!”หลินเจว๋พูดขึ้นอย่างทรงพลัง”แกคิดที่จะทำอะไรกันแน่? ไม่อยากมีชีวิตอยู่ที่ประเทศหลุงแล้วใช่ไหม?”
“ฉันในฐานะที่เป็นน้าผู้อาวุโสของแก มาเป็นตัวแทนของตระกูลหลินแห่งลังยากำลังนั่งอยู่ตรงนี้ กิริยาท่าทางแบบนี้ของแก รู้สึกว่าตัวเองปีกกล้าขาแข็งสินะ? สามารถรับความโกรธเกรี้ยวของตระกูลหลินได้?”
เพี๊ยะ!เพี๊ยะ!
หลินเจว๋เพิ่งจะพูดจบ จู่ๆ ก็มีเสียงอู้อี้ดังขึ้น
ไม่รู้ว่าเงาของหลินอิ่งจู่ๆ มาโผล่ที่โซฟาตั้งแต่เมื่อไร
เขาตบไปที่หน้าของทั้งสองคนอย่างแรง ตบจนชายหนุ่มสองคนที่อยู่ข้างกายของหลินเจว๋ลอยกระเด็นออกไปไกลสิบกว่าเมตร แล้วร่วงตกลงมากลิ้งบนพื้น
“เห้ย!”
“แกกล้าตบพวกเรา?”
ชายหนุ่มทั้งสองคนร้องตะโกนออกมาเสียงดัง นอนราบกับพื้นชักกระตุกเหมือนไฟฟ้าช็อต หน้าบวมเหมือนกับหัวหมู เลือดกบปาก สภาพน่าสมเพช
ทั้งสองคนสีหน้าอับอายและโมโห มองหลินอิ่งด้วยความตกใจและสับสน
ทั้งสองคนคิดไม่ถึงว่า จู่ๆ หลินอิ่งจะลงมือ แถมแค่ตบเดียวจะมีพละกำลังที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนี้ ตบจนยอดฝีมือแบบพวกเขาทั้งสองคนไม่มีแรงสวนกลับ ร่างกายถูกพลังภายในอัดฉีด อวัยวะภายในเจ็บปวดจนแทบจะตายแดดิ้นอยู่ตรงนั้น!
“บังอาจ!แกกล้ามาตบคนของฉันต่อหน้าฉัน?”
เสียงดังปึ้ง
หลินเจว๋โมโหเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที ตบโต๊ะลุกขึ้นยืน ใบหน้าทรงพลังน่าเกรงขามมองหลินอิ่งด้วยความโมโห
“หลินอิ่ง วันนี้ฉันจะมาลองศิลปะการต่อสู้ของแกดูซิ!ทำไมถึงได้กล้ายโสโอหังขนาดนี้!”