ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 630 เตรียมกลับไปเมืองตุงไห่
“เสียใจ?”
หลินอิ่งมุมปากยกขึ้นยิ้มอย่างเย้ยหยัน
“พวกคุณ ยังไม่มีความสามารถนี้ที่ทำให้ผมเสียใจ”
พูดพลาง หลินอิ่งก็ชำเลืองมองไปยังหลินหวูเว่ยด้วยสายตาเย็นชา
“รีบไสหัวออกไปจากตี้จิงเดี๋ยวนี้ จากนี้ไป ถ้ายังมาโผล่หน้าที่ตี้จิงอีก ผมจะทำให้พวกคุณหายไปจากโลกนี้ซะ”
พอน้ำเสียงที่เยือกเย็นของหลินอิ่งจบลง
หลินหวูเว่ยกับหลินเจว๋ต่างก็ใจเต้นขึ้นมา มองหลินอิ่งด้วยสายตาชั่วร้ายแล้วก็ไม่เต็มใจ
พวกเขารู้สึกไม่ยอมจำนนอยู่ภายในใจ แล้วก็ไม่เต็มใจที่จะแลกมาด้วยค่าตอบแทนที่หนักหน่วงร้ายแรงขนาดนี้ด้วย ออกไปจากตี้จิงอย่างหมองหม่นผิดหวัง
กลับไปยังตระกูลหลินแห่งลังยาด้วยสภาพที่ถูกทำลายศิลปะการต่อสู้ทั้งอย่างนี้ พวกเขาสองคนยังไม่รู้ว่าจะได้รับการลงโทษอะไรบ้างจากลุงสามตระกูลหลิน
แต่ถึงจะไม่ยอม แล้วจะทำอะไรได้ล่ะ?
“หลินอิ่ง แกอย่านึกว่า เรื่องมันจะจบลงแบบนี้นะ……”หลินหวูเว่ยสีหน้าดุร้าย พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม
“ทำลายศิลปะการต่อสู้ของฉันสองคน แกจะต้องถูกตระกูลหลินมาชำระแค้น!เรื่องในวันนี้ ฉันจะดูว่าในอนาคตแกจะไปอธิบายต่อหน้าของแม่เฒ่ายังไง!”
หลินหวูเว่ยปากพูดขู่ แต่ตัวกลับค่อยๆ ถอยไปข้างหลังอย่างช้าๆ
ส่วนหลินเจว๋ก็พาคนรุ่นหลังของตระกูลหลินทั้งสองคนถอยออกไปข้างนอกประตูอย่างระมัดระวัง ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด
พวกเขาคิดที่จะอาศัยโอกาสก่อนที่หลินอิ่งยังไม่ได้เปลี่ยนความคิด หนีออกไปจากสถานที่ที่น่าสยองขวัญแห่งนี้
ถึงยังไง ถ้าหลินอิ่งมีจิตสังหารแล้วล่ะก็
แค่ออกแรงหายใจไม่กี่ที ก็สามารถทำให้พวกเขาสองคนนอนตายคาที่ได้เลย
หลังจากที่ปะทะกันแล้ว หลินอิ่งทำให้พวกเขารู้สึกกดดันอยู่ภายในใจอย่างมาก ขอแค่มีผู้ชายคนนี้อยู่ด้วย ต่อไปเกรงว่าจะกลายเป็นฝันร้ายของพวกเขาทั้งสองคนไปแล้วแน่ๆ
“อธิบาย? เหอะ”
หลินอิ่งหัวเราะอย่างเย้ยหยันออกมาหนึ่งที หันตัวกลับมามองไปยังพวกหลินหวูเว่ยทั้งสองคนที่ค่อยๆ ถอยกลับไปอย่างช้าๆ
ในใจของเขารู้ดี ว่าสองคนนี้ถูกทำลายความกล้าหาญไปจนป่นปี้แล้ว แค่ปากแข็งเท่านั้น
“หลังจากที่พวกคุณกลับไปที่ตระกูลหลินแห่งลังยาแล้ว ไปบอกแม่เฒ่าซะ ว่าถ้าอยากจะเสวนากับผม ให้ส่งคนที่พูดคุยสื่อสารกันได้ ระวังเรื่องการวางตัวและรู้จักขอบเขตในการพูดด้วย”หลินอิ่งพูดไปอย่างง่ายๆ
“ส่วนเรื่องท่านเฉินเฟิงอะไรนั่น ผมยังไม่ต้องการให้ตระกูลหลินมาช่วยรั้งเขาเอาไว้”
“แก……ช่างไม่รู้ผิดชอบชั่วดีจริงๆ !”
ท่านเฉินเฟิงพูดเสียงเบา เต็มไปด้วยความโกรธสุมทรวง
ท่าทีของหลินอิ่งชัดเจนมาก
ท่าทางไม่แยแสสนใจตระกูลหลินแห่งลังยาเลยแม้แต่นิดเดียว
เรื่องที่ตระกูลหลินช่วยขวางรั้งท่านเฉินเฟิงเอาไว้ให้เรื่องนี้ ไม่คิดว่าเขาจะไม่มีท่าทีที่จะขอบคุณใดๆ เลย
ท่านเฉินเฟิงเป็นเจ้าหุบของหุบเฉินเฟิง แล้วก็เคยเป็นยอดฝีมือไร้เทียมทานที่เคยขึ้นไปอยู่บนบัลลังก์ของระดับสวรรค์ด้วย
แม้ว่าจะเป็นตระกูลหลินแห่งลังยาที่พื้นหลังแข็งแกร่งมั่นคงขนาดนี้ ก็ไม่มีทางยอมสร้างความอาฆาตแค้นนองเลือดกับยอดฝีมือระดับนี้แน่นอน
ไม่ว่ายังไง ยอดฝีมือระดับสวรรค์ นั่นก็คือการฝึกฝนวิชาการต่อสู้จนเก่งกล้า มันเหนือขอบเขตความคิดของคนปกติทั่วไปไปโดยสิ้นเชิง
ระดับนี้มันหายากมากๆ ในประเทศหลุง ถ้าเกิดไปสร้างความบาดหมางด้วยล่ะก็ ต่อให้ทำอะไรคุณไม่ได้ แต่ก็สามารถแอบทำให้คุณปางตายได้อย่างลับๆ ได้อยู่ดี
ส่วนหลินอิ่ง ไม่คิดว่าจะมีท่าทางไม่แยแสเลยแม้แต่น้อยขนาดนี้?
“ถ้าอย่างนั้น หลินอิ่ง แกไม่สนใจเรื่องที่ตาของแกอยู่ที่ตระกูลหลินแห่งลังยาเลยหรือไง? แกเล่นงานพวกฉันสองคนจนหมดสภาพ!แกว่าตาของแก หลินซวนหวาควรจะอธิบายเรื่องนี้กับแม่เฒ่ายังไง!”หลินหวูเว่ยพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม
หลินอิ่งมองหลินหวูเว่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ แววตาแฝงไปด้วยความเยือกเย็น
เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตัวเองมีตาตระกูลหลินด้วย แม่ไม่เคยพูดถึงมาก่อน
แต่ ถ้าเป็นความจริงล่ะก็ มันก็เป็นธรรมดาที่จะไม่มีทางที่ไม่สนใจตาแท้ๆ ของตัวเอง
ตระกูลหลินแห่งลังยา หลินอิ่งกะที่จะไปที่นั่นสักครั้ง
แต่แค่ ต้องชัดเจนว่าจะไปยังตระกูลหลินแห่งลังยาด้วยท่าทีแบบไหน ถูกคนมาบีบคั้นบังคับให้ไป หรือว่าไปขอคำชี้แนะถึงที่ด้วยตัวเอง ความต่างของสองอย่างนี้มันมากเกินไป
“ถ้าตาของผมยังอยู่ที่ตระกูลหลิน ใครกล้ามาแตะเขาแม้แต่นิดเดียว พวกคุณก็จะเป็นจุดจบของเขาแน่นอน”หลินอิ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา”หลังจากกลับไปก็บอกแม่เฒ่า ว่าผมไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลหลินแห่งลังยาเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าอยากที่จะเอาความอาวุโสมากดขี่ ก็อย่ามาหาว่าผมไม่เกรงใจก็แล้วกัน”
“ไสหัวไปซะ!”
พูดจบ หลินอิ่งก็ตะคอกออกมาอย่างเย็นชา
คำคำนี้ ราวกับสายฟ้าฟาดลงมาที่หน้าอกของพวกหลินหวูเว่ยทั้งสองคน ทำให้พวกเขาใจเต้นแรงทันที สัมผัสได้ถึงเจตนาที่จะฆ่ามาจากในน้ำเสียงของเขา
“ได้ หลินอิ่ง แกรอก่อนเถอะ ฉันจะเอาคำพูดของแกไปบอกแม่เฒ่าทุกคำทุกประโยคไม่บิดเบือนแม้แต่คำเดียว ถึงตอนนั้นตอนที่แม่เฒ่าโมโห ดูซิว่าแกจะยโสโอหังขนาดนี้ได้อีกไหม!”
หลินหวูเว่ยพูดขู่ทิ้งท้ายเอาไว้หนึ่งประโยค ก่อนจะพาพวกหลินเจว๋ออกไปจากอาคารเทียนหลงอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็หายไปจากสายตาของหลินอิ่ง
หลังจากที่พวกเขาจากไปแล้ว หลินอิ่งก็มองไปยังหยูจื๋อเฉิงที่อยู่ข้างๆ ก่อนจะพูดขึ้น”ซ่อมแซมห้องโถงใหญ่ใหม่ทั้งหมด”
“ช่วงนี้ให้ระวังแนวโน้มการพัฒนาของอุตสาหกรรมทุกอย่างในตี้จิง ถ้ายังมีคนแปลกหน้าแบบนี้ปรากฏตัวขึ้นมาอีก ก็แจ้งหวงชิงซานให้เขามาจัดการ”
“ทราบครับ!”หยูจื๋อเฉิงพยักหน้าด้วยความเคารพ ก่อนจะพูดถามขึ้นด้วยสีหน้าท่าทีไม่เข้าใจ”ท่านอิ่ง ช่วงนี้ท่านกะที่จะออกจากตี้จิง?”
เขาฟังออกถึงเจตนาในคำพูดของหลินอิ่ง เหมือนกับว่าช่วงนี้จะไม่อยู่ที่ตี้จิง
ไม่อย่างนั้น ไม่มีทางสั่งเขาว่าถ้ามีเรื่องอะไรให้ไปหาหวงชิงซานให้มาจัดการแทนแน่นอน
หลินอิ่งพยักหน้า พูดขึ้น”ช่วงนี้ฉันจะไปที่เมืองตุงไห่”
“ช่วงเวลาที่ฉันไม่อยู่ นายมีอำนาจทั้งหมดในการดูแลจัดการเรื่องงานของเมืองเทียนหลง นิ่งซวนจะช่วยนายเอง ถ้าอย่างมีเรื่องอะไรที่สงสัยไม่เข้าใจ ก็ไปหาหวงชิงซานกับเย่เฮยให้พวกเขาจัดการ “หลินอิ่งพูดกำชับด้วยสีหน้าจริงจัง
“ท่านอิ่ง ผมเข้าใจแล้วครับ” หยูจื๋อเฉิงพยักหน้าด้วยความเคารพ
หลินอิ่งพยักหน้าเล็กน้อย สายตาดูซับซ้อนนิดหน่อย เดินออกจากอาคารเทียนหลง
เรื่องของตี้จิงจัดเตรียมไว้เรียบร้อยหมดแล้ว เขาตัดสินใจที่จะกลับไปหา ฉีโม่ที่เมืองตุงไห่ พูดอธิบายเรื่องที่ยังพูดไม่เคลียร์เมื่อครั้งที่แล้วให้เข้าใจกระจ่างแจ้ง
ส่วนคนของตระกูลหลินแห่งลังยา การสูญเสียครั้งใหญ่ในครั้งนี้ พวกเขาน่าจะเข้าใจแล้วว่ากิจการธุรกิจในตี้จิงของตนเอง ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถเอาไปได้อย่าง่ายดาย
แถมแม้ว่าตัวเองจะไม่อยู่ ก็ยังมียอดฝีมือทั้งสองคนแบบเย่เฮยและหวงชิงซานคอยสั่งการดูแลตี้จิงอยู่ด้วย
ขอแค่ตระกูลหลินแห่งลังยาไม่ส่งกองกำลังทั้งหมดของพวกเขามา ก็คิดว่าน่าจะพอจัดการได้อยู่
……
รถเก๋งสีดำคันหนึ่งแล่นบนทางด่วนของตี้จิง มารับพวกหลินหวูเว่ยกับหลินเจว๋ทั้งสองคน
ทั้งสองคนนั่งอยู่เบาะหลังรถ สีหน้ามืดมนบึ้งตึง ในตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“พี่ห้า พวกเราออกมาจากตี้จิงด้วยสภาพที่ถูกทำลายศิลปะการต่อสู้ไปทั้งแบบนี้ มันช่างอัดอั้นตันใจจริงๆ !ผมอดกลั้นความโกรธแค้นนี้เอาไว้ไม่อยู่แล้ว!”หลินเจว๋พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม กำหมัดแน่น ในตาเต็มไปด้วยความไม่ยอม
หลินหวูเว่ยสายตาดุร้าย รู้สึกไม่ยอมยิ่งกว่าหลินเจว๋
“กลับไปที่ตระกูลหลินก่อนเถอะ เรื่องที่จะแก้แค้นหลินอิ่ง คิดให้รอบคอบ ภายภาคหน้าพวกเรายังมีโอกาสอีกแน่นอน”หลินหวูเว่ยค่อยๆ พูดขึ้น”
“พวกเรากลับมาที่ตี้จิงครั้งหน้า ฉันจะต้องให้หลินอิ่งมาคุกเข่าสำนึกผิดต่อหน้าพวกเราให้ได้!”
“ใช่เลย พี่ห้า ถ้าไม่ให้หลินอิ่งมาคุกเข่าต่อหน้าพวกเรา ความโกรธแค้นนี้คงอัดอั้นต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว!ทักษะพลังหลายสิบปีของพวกเรา ถูกทำลายไปขนาดนี้!”หลินเจว๋พูดขึ้นอย่างโหดเหี้ยม
“แต่ว่า พี่ห้า ตอนนี้ภารกิจในการมาตี้จิงล้มเหลวแล้ว แม้แต่ภารกิจที่ลุงสามแอบมอบหมายให้กับพวกเราก็ไม่สำเร็จเหมือนกัน……”หลินเจว๋ค่อยๆ พูดขึ้น”คุณกะจะกลับไปรายงานเรื่องนี้กับแม่เฒ่ายังไง แล้วจะรายงานกับลุงสามยังไงด้วย?”
หลินหวูเว่ยพูดขึ้นด้วยสายตาเยือกเย็น”รายงานท่าทีที่ยโสโอหังของหลินอิ่งกับแม่เฒ่าไปตามตรง จะต้องสร้างความประทับใจที่ไม่ดีต่อหลินอิ่งให้กับแม่เฒ่า นอกจากนี้ กลับไปบอกกับลุงสามว่าระดับอันตรายของหลินอิ่งนี่มันมีมากขนาดไหน จากนิสัยของลุงสามแล้ว จะต้องหาโอกาสขจัดทำลายหลินอิ่งแน่นอน!”