ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 634 เกิดเรื่องขึ้น
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? ฉีโม่ พูดแค่ไม่กี่ประโยคก็โมโหแล้วเหรอ?”ลู่ฉ่ายเชียพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ”กว่าจะได้มาทานข้าวที่บ้านป้าสักมื้อมันไม่ได้มีมาบ่อยๆนะ แถมยังมาโยนตะเกียบอีก? ทำตัวอะไร?”
จางฉีโม่สายตารู้สึกไม่เป็นธรรม ถอนหายใจออกมายาวๆหนึ่งที พูดขึ้น”ป้า วันนี้ฉันไม่ค่อยอยาก กินอิ่มแล้ว จะออกไปเดินเล่นสักหน่อย พวกคุณค่อยๆทานแล้วกัน”
“เหอะ คนบางประเภท คิดว่าตัวเองเป็นประธานของบริษัทที่ได้รับการจดทะเบียนแล้ว คำพูดคำจากับผู้อาวุโสในครอบครัว เหมือนกับกำลังพูดสั่งสอนลูกน้องอย่างไรอย่างนั้น”
ไอ้เฉียนพูดขึ้นอย่างคลุมเครือ”ฉันออกไปทำมาหากินทำธุรกิจในสังคมมานานขนาดนี้ ยังไม่เคยเห็นประธานคนไหนที่พูดจาแบบนี้มาก่อน”
“มีคำโบราณพูดเอาไว้ดีมาก ยิ่งเจริญก้าวหน้าเท่าไร ก็ต้องยิ่งถ่อมเนื้อถ่อมตัวต่อผู้อาวุโสเท่านั้น ยิ่งเป็นคนที่ไม่มีความสามารถ ก็จะชอบแสร้งทำเป็นว่าตัวเองมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ชอบโมโห คำพูดนี้พูดได้ถูกต้องจริงๆ”
พอได้ฟังแบบนี้แล้ว กำปั้นของจางฉีโม่ก็สั่นเล็กน้อย เบะปากอยากที่จะระเบิดโมโหออกมา
แน่นอนว่าเธอเข้าใจอย่างดี ว่าลุงไอ้เฉียนกำลังเยาะเย้ยเธออยู่
แต่แค่ นิสัยและการฝึกอบรมบ่มเพาะมาของเธอ ตัดสินใจแล้วว่าเธอจะไม่เหมือนกับแม่ของเธอลู่หย่าฮุ่ย ต่อล้อต่อเถียงไร้สาระกับกลุ่มคนแบบนี้ไม่รู้จักจบจักสิ้น
“เอาล่ะไอ้เฉียนคุณพูดอะไร? ถึงยังไงคนเค้าก็เคยเป็นประธาน เคยนั่งรถหรู เคยอาศัยอยู่ในวิลล่าใหญ่โตมาก่อน ครอบครัวพวกเราไม่มีความสามารถนี้หรอก อย่าไปว่าคนเค้าเลย ใช่ไหมล่ะ? “ลู่ฉ่ายเชียก็พูดขึ้นอย่างคลุมเครือเช่นกัน
“ก็ใช่ ใช้ชีวิตอย่างดีเลยนี่ ใช้ชีวิตดีจนขนาดที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรของบริษัทเลย งานก็ไม่มีแล้ว สามีก็ไม่รู้ว่าวิ่งแจ้นไปที่ไหนแล้วด้วย”ไอ้เฉียนพูดด่าแซะถึงอีกคน”เป็นครอบครัวเดียวกันแท้ๆ คนในตระกูลจะช่วยเหลือ ก็ยังทำตัวเย่อหยิ่งอีก”
สองสามีภรรยาลู่ฉ่ายเชียยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห
ลู่หย่าฮุ่ยกับจางซิ่วเฟิงทั้งสองคนก็นั่งอยู่ที่โต๊ะด้วยความอึดอัด สีหน้าดูไม่ดี
พวกเขาสองคนอยากที่จะโต้เถียง แต่กลับไม่มีความกล้ามั่นใจพอ
ถึงยังไง ครอบครัวของพวกเขาไม่มีหลินอิ่ง ก็ตกอับแล้วจริงๆ
ไม่มีชายที่มีความสามารถเก่งกาจ เดินข้างนอกเจอคนกล่าวหาตำหนิ ก็ไปหาเรื่องท้าทายอะไรไม่ได้
จางฉีโม่ฟังต่อไปไม่ได้อีกแล้ว โกรธจนสั่นไปทั้งตัว ไม่ได้โต้ตอบกลับ เปิดประตูเดินออกไปทันที
หลังจากที่เสียงฝีเท้าดังขึ้นแล้ว จางฉีโม่ก็ขึ้นลิฟต์ เดินออกมาจากตึกนี้คนเดียว
มาถึงภายในชุมชน ในตาที่สวยงามของจางฉีโม่ก็มีน้ำตาคลอเบ้า ตาเริ่มแดง มุมปากที่ยุบลงไปเล็กน้อยเผยให้เห็นถึงความน้อยเนื้อต่ำใจอย่างหมดหนทาง
ในตอนนี้ เธอคิดถึงหลินอิ่งมากจริงๆ
สมมติว่าหลินอิ่งอยู่ข้างกาย จะต้องไม่มีทางให้เธอต้องรู้สึกสุดที่จะทนขนาดนี้แน่นอนใช่ไหม?
เธอก็คงจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยวไร้ความช่วยเหลือ ไร้ที่พึ่งพิงขนาดนี้
หลินอิ่ง จะต้องไม่ทำให้เธอต้องได้เจอกับความไม่เป็นธรรมแบบนี้แน่นอนใช่ไหม?
เมื่อก่อน ไม่ว่าจะเป็นเมื่อไร ขอแค่หลินอิ่งอยู่ข้างกาย ก็จะทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยอย่างมากอยู่ภายในใจ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไร หลินอิ่งก็มักจะสามารถแก้ไขคลี่คลายมันได้อย่างง่ายๆสบายๆ และสงบนิ่ง
จางฉีโม่หยิบมือถือออกมาจากกระเป๋า โทรออกไปหาหลินอิ่งอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
เธอก็เหม่อมองอยู่แบบนี้ กลับไม่กล้าโทรออกไป
ช่วงนี้ ภาพแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
จางฉีโม่อยากที่จะโทรไปหาหลินอิ่งมากๆ แต่กลับไม่ยอมเริ่มสักที……
ในใจของเธอก็ไม่รู้ว่า หลินอิ่งจะกลับมาเมืองตุงไห่ไหม……
ถึงขนาดที่ จางฉีโม่ยังสงสัยอยู่ภายในใจ ว่าหลินอิ่งยังจำเธอ ผู้หญิงคนนี้ได้อีกไหม
ถึงยังไง หลินอิ่งก็มีอำนาจอิทธิพลทางการเงิน มีเครือข่ายเส้นสายมากมาย โดดเด่นมากขนาดนั้นในตี้จิง จะขาดผู้หญิงอย่างนั้นเหรอ?
แล้วตัวเองมีสิทธิ์อะไรที่ทำให้หลินอิ่งต้องมารักใคร่ขนาดนี้?
คิดไปพลาง จางฉีโม่ก็เหม่อลอย เดินออกมาจากชุมชนหลิวเยว่ มาเดินเล่นที่ริมถนน
บรื้นๆๆ!
ในตอนนี้ มีรถยนต์สีดำคันหนึ่งจู่ๆก็เลี้ยวมาอย่างเร่งรีบ มาจอดอยู่ตรงหน้าของจางฉีโม่
โครม ชายชุดสูทสีหน้าท่าทางเย็นชาสองสามคนลงมาจากรถ พุ่งกระโจนเข้ามาจับตัวเอาไว้
“พวกแกเป็นใคร?”
จางฉีโม่ตกใจยกใหญ่ ถอยไปข้างหลังทันที
ในตอนนี้เอง บนถนนที่อยู่ไม่ไกลออกไป ภายในรถSUVสีดำสองสามคันที่จอดอยู่ จู่ๆไฟคู่ก็สว่างขึ้นมา
“พี่จุน มีคนมาหาเรื่องคุณนายหลินครับ!”
“ใครหน้าไหนกัน? ช่างใจเด็ดจริงๆ!รีบลงจากรถ คุ้มกันคุณนายหลินเดี๋ยวนี้!”
ในเวลานี้เอง ก็มีเสียงปิดประตูรถดังขึ้นมาสองที บอดี้การ์ดที่แข็งแกร่งกำยำกลุ่มหนึ่งลงมาจากรถSUVสองสามคันนั้นอย่างรวดเร็ว
หลิวจุนเป็นคนนำทีมเอง นำคนฝีมือดีสิบกว่าคน มาล้อมเอาไว้อย่างรวดเร็ว
พวกนี้ล้วนแต่เป็นคนที่อยู่ที่เมืองชิงหยูนของเสิ่นซานทั้งสิ้น เป็นกำลังหลักหัวกะทิที่เขาเอาไว้ติดตัว
ปกติแล้วตอนที่อยู่ที่เมืองชิงหยูน เสิ่นซาน ปฏิบัติตามคำสั่งของหลินอิ่งอย่างเคร่งครัด เตรียมรถหลายคัน ตามจางฉีโม่อย่างอย่างเงียบๆ คอยแอบคุ้มกันความปลอดภัยของคุณนายหลินอยู่ตลอดเวลา
ครั้งนี้ จางฉีโม่มาจากถิ่นไกลมายังอำเภอเจียงเยว่ เสิ่นซานก็ปล่อยวางเรื่องงานทั้งหมดไปไม่ได้ แอบมาที่อำเภอเจียงเยว่อย่างลับๆ เตรียมหลิวจุนคนที่ฝีมือเก่งกาจที่สุดข้างกาย ให้นำคนไปปกป้องคุณนายหลินตลอดเวลา
“คุณนายหลิน คุณไปอยู่ข้างหลังก่อน ประธานหลินให้พวกเราปกป้องคุ้มกันคุณตลอดเวลาครับ”
“หลิว หลิวจุน?”จางฉีโม่ได้ยินคำว่าคุณนายหลิน สีหน้าก็ประหลาดใจอยู่สักพัก มองไปยังหลิวจุน พอจำได้แล้ว จู่ๆสายตาก็ตกตะลึงไป
ในเวลานี้ อารมณ์ของเธอยุ่งยากซับซ้อนมาก
เธอรู้ ว่าหลิวจุนกับเสิ่นซาน ต่างก็เป็นคนของหลินอิ่ง
ที่แท้ หลินอิ่งยังสนใจตัวเองอยู่ ถึงขนาดที่ให้พวกหลิวจุนตามมาถึงอำเภอเจียงเยว่
จางฉีโม่ รู้สึกเหมือนมีกระแสน้ำอุ่นไหลเวียนอยู่ในใจอย่างช่วยไม่ได้
“พวกแกเป็นคนของใคร? มาหาที่ตายใช่ไหม? ถึงได้กล้ามาหาเรื่องคุณนายหลิน?”
หลิวจุนมาบังเอาไว้ข้างหน้า มองชายชุดสูทกลุ่มหนึ่งที่ลงมาจากรถยนต์สีดำด้วยความโกรธ
ชายชุดสูทที่สีหน้าท่าทีเย็นชากลุ่มนั้น ราวกับว่าไม่ได้ยินคำพูดของหลิวจุน สายตาไม่เปลี่ยนแปลงใดๆเลยแม้แต่นิดเดียว
ปึ้ง!
จู่ๆ ชายชุดสูทที่เป็นหัวหน้าก็ลงมืออย่างรวดเร็วและรุนแรง ร่างกายเร็วดุจสายฟ้า พุ่งเข้ามาเตะหลิวจุนกระเด็นถอยออกไปไกลหลายสิบเมตร
“อั่ก!”
หลิวจุนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ตัวกระเด็นเข้าไปชนกับกำแพงคอนกรีตของชุมชน เป็นหลุมขนาดใหญ่ ก่อนจะล้มลงบนพื้นอย่างจังกระอักเลือดออกมา
เขาเลือดกบปาก ใบหน้าตกใจกลัว มองออกไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ
หลิวจุนอยู่ภายในมณฑลตุงไห่ ถือว่าเป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจไม่น้อย มีความสามารถในการตัดดาบด้วยมือเปล่า!แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็คิดไม่ถึง ว่าคนกลุ่มนี้จะแข็งแกร่งขนาดนี้?
“นี่มัน!”
“พวกแกหยุดเดี๋ยวนี้!”
โครม ในตอนนี้เอง บอดี้การ์ดสิบกว่าคนที่หลิวจุนพามา หลังจากที่ตกใจกลัวแล้ว ก็ตอบสนองกลับมาทันที ทยอยกันชักปืนออกมาจ่อไปที่ชายชุดดำ
ปังๆๆ!
ในช่วงเวลาที่ผ่านไปรวดเร็ว ชายชุดดำสองสามคนลงมืออย่างรุนแรงและว่องไว เก็บเรียบ จัดการบอดี้การ์ดที่ถือปืนสิบกว่าคนล้มลงไปนอนกองกับพื้น
ลงมือจนพวกเขาไม่มีแรงที่จะต่อสู้ แม้แต่โอกาสที่จะยิงยังไม่มี
“พวกแก……”จางฉีโม่ก็ตกใจกับภาพตรงหน้านี้ เอามืออุดปากด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
แต่เธอยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกชายชุดดำที่สีหน้าท่าทางที่เย็นชาตบจนสลบไปก่อน จับตัวเอาไปโยนทิ้งไว้ที่เบาะหลังของรถยนต์สีดำ
ไม่นาน รถยนต์สีดำคันนี้ก็แล่นออกไปจากถนนสายนี้ หายลับไปจากสายตา……