ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 637 อยากช่วยชีวิตภรรยาของแกไหม?
“ว่าไงนะ?”
พอได้ฟังคำพูดที่น่าสะพรึงกลัวของเหวินเทียนเฟิ่ง จางฉีโม่ก็รู้สึกสั่นกระส่ายไปทั้งตัว ช็อกตกใจ
“คุณคิดจะฆ่าหลินอิ่ง?”จางฉีโม่พูดถามขึ้นด้วยความตกใจกลัว”ฆ่าคนมันผิดกฎหมายนะ”
“เหอะๆ ช่างเป็นเด็กที่ไร้เดียงสาจริงๆนะ”เหวินเทียนเฟิ่งยิ้มอย่างชั่วร้าย ยื่นมือออกมาจิบไวน์ไปอีกหนึ่งแก้วอย่างช้าๆ
“แล้วเธอรู้หรือเปล่าว่าหลินอิ่งฆ่าพี่ชายแท้ๆของฉัน?”เหวินเทียนเฟิ่งมองมายังจางฉีโม่อย่างโหดเหี้ยม
พูดพลาง เหวินเทียนเฟิ่งก็หยิบมีดเล็กๆบนโต๊ะออกมาหนึ่งเล่ม ค่อยๆเดินตรงมายังจางฉีโม่
“คุณ คุณจะทำอะไร?”จางฉีโม่ถามขึ้นด้วยความตกใจกลัว มองท่าทางที่ผิดปกติของเหวินเทียนเฟิ่ง ในใจรู้สึกหวาดกลัว
หญิงวัยกลางคนตรงหน้านี้ ท่าทางที่แสดงออกมาเห็นได้ชัดว่ามีความวิปริตทางจิตใจอยู่ไม่น้อย
เหวินเทียนเฟิ่งยิ้มอย่างเยือกเย็น ถือมีดเล็กๆที่แหลมคม ลูบไล้ไปมาตรงหน้าและลำคอของจางฉีโม่
“ช่างเป็นใบหน้าที่งดงามจริงๆ ทำให้ผู้หญิงมากมายต่างก็อิจฉาริษยาสินะ? ถ้าไม่เห็นว่าเธอยังมีประโยชน์อยู่ล่ะก็ ฉันจะกรีดหน้าเธอจนเละยับเยินไปแล้ว”
เหวินเทียนเฟิ่งก้มหน้า มองจางฉีโม่อย่างโหดเหี้ยม พร้อมกับพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น
“ไหนพูดมาซิ ในช่วงหลายปีที่เธออยู่ด้วยกันกับหลินอิ่ง รู้ความลับของหลินอิ่งบ้างไหม”เหวินเทียนเฟิ่งเล่นมีด พูดขึ้นอย่างช้าๆไมรีบไม่ร้อน
“มีเห็นมันนั่งสมาธิฝึกฝนศิลปะการต่อสู้บ้างไหม? มีเห็นมันแอบซ่อนของอะไรเอาไว้ไหม?”
“ฉัน ฉันไม่รู้……”จางฉีโม่พยายามสงบนิ่ง พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
เธอไม่รู้ความลับของหลินอิ่งจริงๆ
แถมต่อให้รู้ เธอก็ไม่มีทางพูดออกไปแน่นอน
หลินอิ่งมีความสำคัญมากอยู่ภายในใจของเธอ
“ถ้าไม่รู้อะไรเลยล่ะก็ ฉันก็จะกรีดหน้าของเธอ”เหวินเทียนเฟิ่งพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน ใช้มีดจ่อไว้ที่แก้มของจางฉีโม่ ค่อยๆไถลเลื่อนอย่างช้าๆ
จางฉีโม่เหงื่อไหลอาบเต็มหน้าผาก สีหน้าท่าทางประหม่าและวิตกกังวล
ตั้งแต่เกิดมา เธอยังไม่เคยเจอกับเหตุการณ์ที่อันตรายแบบนี้มาก่อน
เกิดเสียงดัง ตึ้ง ขึ้นมา
จู่ๆประตูก็ถูกผลักเปิดออก มีชายใส่หน้ากากที่น่าเกลียดน่ากลัว คลุมดำทั้งตัวเดินเข้ามาหนึ่งคน
“นายหญิงเหวิน หยุดหยอกล้อกับผู้หญิงคนนี้ได้แล้ว”ชายชุดดำพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม”เรื่องงานธุรกิจสำคัญที่สุด ถ้าเกิดคุณทำเธอบาดเจ็บ ทำให้แผนของนายท่านเกิดอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้น คุณจะรับผิดชอบไหวไหม?”
“เหอะ”เหวินเทียนเฟิ่งเก็บมีดกลับไป หันตัวมองไปยังชายชุดดำด้วยสีหน้าท่าทางขี้เล่น”ฉันก็แค่อยากจะเห็นท่าทางที่ตื่นตระหนกของผู้หญิงของหลินอิ่งเท่านั้นเอง นายจะจริงจังขนาดนี้ทำไม? นายชอบเธอเหรอ? ”
“ผู้ชายแบบพวกนายนี่นะ ถ้านายเกิดอารมณ์ขึ้นมาล่ะก็ นายก็จัดการเธอเลยสิ ฉันจะเคลียร์ห้องให้นายเอง”เหวินเทียนเฟิ่งพูดขึ้นด้วยสีหน้าขี้เล่น
พอจางฉีโม่ได้ฟังคำพูดของเหวินเทียนเฟิ่งแล้ว สีหน้าก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยว รู้ว่าคนกลุ่มนี้ไม่ได้มาดีแน่นอน
“คุณต้องเข้าใจให้แน่ชัดก่อนว่า ก่อนที่หลินอิ่งจะเข้ามา พวกเราไม่สามารถทำอะไรกับผู้หญิงคนนี้ได้เลย นี่เป็นคำสั่งเด็ดขาดของนายท่าน”
ชายชุดดำไม่สนใจไม่แยแส น้ำเสียงเยือกเย็นราวกับหุ่นยนต์ พูดขึ้นอย่างเย็นชา
“นายหญิงเหวิน ผมรู้ว่าคุณกับหลินอิ่งมีความแค้นเกลียดชังต่อกันอยู่ลึกๆ ในใจรู้สึกโกรธเกลียดสุดๆ แต่ว่าแผนการของนานท่าน สำคัญกว่าคุณ”ชายชุดดำพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น
“นายท่านต้องการที่จะเอาของที่ตัวของหลินอิ่ง นี่จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากหลินอิ่ง ไม่ใช่ว่าบีบคั้นหลินอิ่งถึงขั้นที่ให้ตายพินาศไปด้วยกันอย่างที่ต้องการ”
“ฉันรู้อยู่แล้วน่า”เหวินเทียนเฟิ่งกัดฟันพูดขึ้น”ถ้าฉันไม่เชื่อฟังที่นายท่านสั่งมาล่ะก็ ป่านนี้ให้ผู้ชายสิบกว่าคนจัดการกับผู้หญิงของหลินอิ่งไปนานแล้ว แล้วให้หลินอิ่งมาเห็นภาพนี้กับตาของตัวเอง!แล้วค่อยทำลายหน้าของผู้หญิงของมันให้ยับเยิน ให้หลินอิ่งได้รู้ว่าการที่มาเป็นปฏิปักษ์กับฉัน จะลงเอยแบบไหน!”
คำพูดนี้ พูดออกมาได้โหดร้ายน่ากลัวอย่างผิดปกติมากๆ ทำให้ชายชุดดำขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ รู้สึกว่าจิตใจของผู้หญิงนี้ชั่วร้ายที่สุด
“นายหญิงเหวิน คุณช่วยใจเย็นลงก่อน ควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองไว้ อีกเดี๋ยว คุณยังต้องพูดคุยเจรจากับหลินอิ่งอีกนะ”ชายชุดดำพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แถมบนโลกใบนี้ไม่มีศัตรูที่ถาวร มีแค่ผลประโยชน์เท่านั้น คุณคงจะเข้าใจเหตุผลนี้ดีนะ”
“หลินอิ่ง ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะกลายเป็นพวกพ้องที่สำคัญของนายท่าน อาจจะกลายเป็นผู้ช่วยที่สำคัญของท่านมังกรดำก็ได้……”
“ขอแค่หลินอิ่งยอมจำนนต่อนายท่าน นายท่านต้องการคนที่เก่งกาจโหดเหี้ยมทำสงครามไปทั่วทุกสารทิศแบบนี้หนึ่งคน”
ชายชุดดำพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา”ก่อนที่เรื่องยังไม่ลงตัว อย่าเพิ่งทำอะไรที่สุดโต่งรุนแรงเกินไป”
“เหอะ นี่นายกำลังสั่งสอนฉันอยู่เหรอ? ท่านนายพลงูของฉัน?”เหวินเทียนเฟิ่งยิ้มอย่างเย้ยหยัน”คิดที่จะประจบประแจงเจ้านายในอนาคตของนายแล้วอย่างนั้นเหรอ? กลัวว่าหลินอิ่งจะกลายเป็นพวกพ้องที่สำคัญของนายท่าน กลายเป็นเจ้านายระดับสูงของนายอย่างนั้นเหรอ?”
“ฉันจะบอกนายให้นะ นายอย่าฝันไปเลย ฉันเข้าใจนิสัยของหลินอิ่งดี คนคนนี้ไม่มีทางยอมใครง่ายๆหรอก ต่อให้เป็นท่านมังกรดำ ก็ไม่มีทางยอมจำนนให้เขาแน่นอน”
“นี่เป็นแผนการของนายท่าน ผมแค่ปฏิบัติตามก็เท่านั้น” ท่านนายพลงูพูดขึ้นอย่างทรงพลังและน่าเกรงขาม”ให้เวลาคุณหนึ่งนาที รีบสงบนิ่งลง พวกเราจะทำการยื่นคำขาดให้กับหลินอิ่ง”
“ข้อมูลข่าวกรองช่วงนี้ หลินอิ่งกลับถึงมณฑลตุงไห่ มุ่งหน้ามาอำเภอเจียงเยว่แล้ว หยุดยืดเยื้อเวลาได้แล้ว จะส่งผลต่อแผนของนายท่านได้”
พอได้ฟังแบบนั้น เหวินเทียนเฟิ่งก็ไม่ได้พูดอะไรอีก นั่งลงจิบไวน์ไปหนึ่งคำ หายใจไม่เสถียร หลับตาสงบสติอารมณ์
เธอรู้ดีว่า นายพลงูตรงหน้านี้ เป็นหัวหน้าที่เก่งกาจโดดเด่นภายใต้บังคับบัญชาของท่านมังกรดำ
กลุ่มคนลูกน้องของท่านมังกรดำพวกนั้น แต่ละคนล้วนแต่เย็นชาเหมือนกับหุ่นยนต์ ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกเหมือนกับคนทั่วไป แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น
หลังจากผ่านไปสามนาที
นายพลงูก็ลงมือ ติดตั้งอุปกรณ์เทคโนโลยีมากมายหลายชิ้นทันที ลากหน้าจอจากในห้องมา
หลังจากที่เสียงตี๊ดๆหวึ่งๆดังขึ้นมาสองที
ดูเหมือนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะส่งสัญญาณออกมา โทรออกไปยังสายหนึ่งสาย
“ใคร?”
มีเสียงของชายหนุ่มที่เยือกเย็นดังขึ้นมาจากลำโพงภายในห้อง
“เหวินเทียนเฟิ่ง”
เหวินเทียนเฟิ่งพูดขึ้นอย่างนิ่งเฉย
“หลินอิ่ง แกไม่อยากรู้เหรอว่าภรรยาของแกอยู่หรือเปล่า?”
“แกเป็นคนจับจางฉีโม่ไปเหรอ?”
หลินอิ่งน้ำเสียงเยือกเย็น ท่ามกลางเสียงที่ทุ้มต่ำ แฝงไปด้วยจิตสังหารอันแรงกล้าเอาไว้
“ใช่ จางฉีโม่อยู่ในมือของฉัน แกอยากช่วยภรรยาของแกไหมล่ะ?”
“แกทำขนาดนี้ อยากได้อะไรกันแน่?”หลินอิ่งถามขึ้นอย่างสงบนิ่ง
“แกเดาสิ”เหวินเทียนเฟิ่งยิ้มอย่างเย้ยหยัน
“ถ้าจางฉีโม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว ฉันจะทำให้แกต้องเสียใจไปตลอดชีวิต”หลินอิ่งพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น
“เหอะๆ จนป่านนี้แล้ว แกยังกล้าขู่ฉันอีกเหรอ?”เหวินเทียนเฟิ่งพูดอย่างเย้ยหยันด้วยน้ำเสียงดูถูก”ถ้าแกอยากช่วยภรรยาของแกล่ะก็ ก็ปฏิบัติตามแผนการและคำสั่งของพวกเราซะ”
“แน่นอนว่า ก่อนหน้านี้ ฉันจะให้แกได้ฟังเสียงของจางฉีโม่ก็ได้”เหวินเทียนเฟิ่งค่อยๆพูดขึ้น”แล้วก็ให้แกได้เห็นเธอสักหน่อย ว่าสภาพเป็นยังไง……”