ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 643 ศึกตะลุมบอน
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับชายหนุ่มชุดดำที่พุ่งเข้ามาหวังที่จะฆ่า หลินอิ่งทำหน้าเรียบเฉย มีแต่ดวงตาที่เย็นชานั่น ที่มันเย็นเยือกจนทำให้รู้สึกสิ้นหวัง
ซิ่ว!
เสียงลมดังขึ้น หัวกะทิองครักษ์มังกรดำคนหนึ่งได้เข้าประชิดตัว ยื่นมือออกมาแล้วเล็งไปที่คอของหลินอิ่ง
สองมือที่เขายื่นไป ต่างก็สวมใส่ถุงมือไหมเงินที่อบอวลไปด้วยรังสีที่ไม่ปกติ แค่มันสัมผัสโดนร่างกาย มันก็สามารถทำให้กระดูกและเลือดเนื้อต้องแหลกสลายไปทันที
หลินอิ่งพลิกมือแล้วจับข้อมือของคนคนนั้นเอาไว้ พอแขนกระตุก ลมปราณที่แทบจะกลายเป็นของแข็งได้พุ่งออกไป จนเกิดเป็นการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง
เสียงตูมดังขึ้น พร้อมกับมือข้างหนึ่งขององครักษ์มังกรดำคนนั้นที่ระเบิดออกอย่างกะทันหัน เลือดพุ่งออกมาราวกับสายฝน
มือข้างหนึ่งของเขา สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าว่ามันได้แตกร้าวไปอย่างรวดเร็ว เหมือนมันได้แหลกเป็นจุณไปแล้ว ส่วนร่างกายก็ถูกแรงปะทะที่มองไม่เห็นซัดจนกระเด็นออกไปเป็นสิบเมตร
“อ้าก!”
หัวกะทิองครักษ์มังกรดำคนหนึ่งที่พุ่งเข้ามา ได้ส่งเสียงร้องครวญครางออกมา เขาลงไปนอนอย่างอ่อนแรงอยู่บนพื้น ราวกับคนที่ถูกไฟช็อต มือข้างหนึ่งของเขาถูกทำลายไปอย่างสมบูรณ์ แม้แต่ถุงมือที่ถูกสั่งทำมาเป็นพิเศษยังแหลกละเอียดไม่เหลือชิ้นดี
องครักษ์มังกรดำอีกหลายสิบคนที่เหลือ ต่างก็ยืนนิ่งอยู่กับที่ สีหน้าเหมือนกำลังตกอยู่ในความช็อก
ทันใดนั้น คนกลุ่มนี้ก็พุ่งออกไปราวกับสายฟ้าอีกครั้ง ทุกคนต่างมุ่งเป้าไปที่หลินอิ่งหวังที่จะสังหารเขา
ราวกับการเสียสละตนเองของหัวกะทิองครักษ์มังกรดำคนแรกนั้นไม่ได้ส่งผลอะไรกับพวกเขาเลย
พอเห็นแบบนั้น มุมปากของหลินอิ่งก็ปรากฏรอยยิ้มที่เหี้ยมโหดขึ้น
เขารู้ดี ว่าการฝึกฝนของแก๊งมังกรนั้น ต้องเป็นที่สุดของโลกแน่นอน ไม่ว่าต้องเจอกับภัยอันตรายแบบไหน ก็ยังคงปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายมาอย่างเคร่งครัด
หลินอิ่งเตะขาออกไป แล้วเขาก็หายไปจากที่ที่ยืนอยู่ราวกับสายลม
จากนั้น ที่ตรงนั้นก็เกิดความโกลาหลขึ้น
หลินอิ่งได้เปิดฉากการสังหารที่ทรงประสิทธิภาพขึ้น
ตัวเขานั้น เป็นเหมือนมัจจุราชที่กำลังทำการเข่นฆ่าอย่างบ้าคลั่ง กลายเป็นมังกรที่กำลังแหวกว่าย พุ่งผ่านชายหนุ่มชุดดำไปทีละคนทีละคน ทุกครั้งที่ผ่านไป ก็ต้องมีเลือดพุ่งกระฉูดออกมา แล้วหัวกะทิองครักษ์มังกรดำไปหลายคน
ฝีมือและความเร็วของเขา ไม่ใช่สิ่งที่องครักษ์มังกรดำพวกนี้จะคาดเดาได้เลย ส่วนมากนั้นยังมองเห็นร่างของหลินอิ่งไม่ชัดก็ต้องล้มตายไปก่อนแล้ว
“อ้าอ้า!”
“เอือก! อ้า!”
เสียงร้องครวญครางดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า องครักษ์มังกรดำล้มลงบนกองเลือดคนแล้วคนเล่า
แต่ร่างกายของหลินอิ่งนั้น ก็ยังไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว ก็จะมีเสียงที่น่าสะพรึงกลัวดังขึ้น ดังจนทำให้แสบแก้วหู จากนั้นก็เป็นภาพร่างคนที่ลอยกระเด็นกระดอนออกไป
ภาพที่เกิดขึ้นคือการโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว
เห็นได้ชัดว่าหัวกะทิองครักษ์มังกรดำพวกนี้ ไม่สามารถถ่วงหรือตัดกำลังของหลินอิ่งได้เลย
“นี่……”
สีหน้าของเหวินเทียนเฟิ่งดูตกใจเล็กน้อย มองดูหลินอิ่งที่เหมือนได้รับพรจากพระเจ้า จึงอดไม่ได้ที่ต้องขมวดคิ้ว แล้วมองไปยังนายพลงูที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาที่ช็อก
“ไหนคุณบอกว่าหลินอิ่งมันต่อสู้ไม่ได้แล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมถึงยังเก่งได้ถึงขนาดนี้?” เหวินเทียนเฟิ่งถามออกไปด้วยความสงสัย
“ผมเองก็ไม่นึกเหมือนกัน ว่าระดับหัวกะทิขององครักษ์มังกรดำจะขวางเขาไว้ไม่ได้” นายพลงูพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักอึ้ง พร้อมกับจ้องมองหลินอิ่งด้วยสายตาที่เคร่งขรึม
ภารกิจที่ท่านมังกรดำมอบหมายให้เขาทำก็คือ การนำทีมหัวกะทิองครักษ์มังกรดำบีบให้หลินอิ่งโมโหให้ได้
ถ้าสามารถตัดกำลังหรือถ่วงหลินอิ่ง ให้หลินอิ่งต้องลำบากจะดีที่สุด
แต่ว่า ตอนนี้มันเป็นสถานการณ์ที่โจมตีอยู่ฝ่ายเดียวนั้น หัวกะทิองครักษ์มังกรดำถูกหลินอิ่งเข่นฆ่าไปทีละคนทีละคน นั่นจึงทำให้ความกดดันที่อยู่ในใจของนายพลงูเพิ่มขึ้นไปอีก และเขาก็ยังรู้สึกปวดใจไปด้วยในเวลาเดียวกัน
ต้องเข้าใจก่อนว่า หัวกะทิองครักษ์มังกรดำทุกคนต่างก็ฝึกฝนออกมาอย่างยากลำบาก ชีวิตของยอดฝีมือพวกนี้ไม่อาจซื้อได้ด้วยเงินทองได้
การที่ต้องมายืนมองหัวกะทิพวกนี้ล้มตายไปทีละคน ในใจของนายพลงูก็แทบจะกระอักเลือดแล้ว
“พวกนายถอยไป! เดี๋ยวฉันจะเป็นคนสั่งสอนเขาเอง!”
นายพลงูพูดออกมาอย่างไม่ชอบใจ จากนั้นก็เตะขาออกมา ร่างกายของเขาก็เคลื่อนไหวราวกับแสงจากดาวตก ก่อเกิดเสียงลมที่ดังลั่น แล้วพุ่งเข้าไปในฝูงชน
ในการที่นายพลงูเข้าร่วมการต่อสู้ พวกองครักษ์มังกรดำที่ต่อสู้กับหลินอิ่งจนพ่ายแพ้ย่อยยับ ก็พากันล่าถอยออกไป
บนร่างกายของพวกเขาทุกคน ต่างก็เปียกชุ่มไปด้วยเลือด หลังจากที่ปะทะกับหลินอิ่ง ไม่มีใครเลยที่ไม่บาดเจ็บสาหัส
บางคนถึงขั้นยังไม่ทันได้เข้าใกล้หลินอิ่ง ก็ถูกชี่กังที่น่าสะพรึงกลัวกระแทกจนช้ำในแล้วก็มี
ตูม!
ในตอนนั้นเอง ทันทีที่ผู้คนล่าถอยออกไป ใจกลางของสนามรบก็ได้เกิดเสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น
นายพลงูลอยลงจากฟ้าเหมือนเครื่องจักรที่น่าสะพรึงกลัว กระแทกลงไปที่กลางสนาม จนก่อให้เกิดเกลียวคลื่นที่คลุ้งไปด้วยฝุ่น
ฝ่ามือที่เขาซัดลงมาจากกลางอากาศนั้น ได้ก่อเกิดเป็นคลื่นพลังชี่กังที่น่าสะพรึงกลัว พลังอันมหาศาลทำให้พื้นดินในรัศมีสิบเมตรสะเทือนจนยุบลงไปเลย
โดยเฉพาะหลินอิ่งที่ยืนมือไขว้หลังอยู่กลางวง ได้ถูกการโจมตีในครั้งนี้เข้าก่อนใคร
การที่ต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีที่ทรงอำนาจและรุนแรงแบบนี้ หลินอิ่งก็ยังดูไม่สะทกสะท้าน พลิกมือแล้วซัดฝ่ามือสวนไป
คนหนึ่งอยู่บนฝ้า ส่วนอีกคนก็อยู่บนพื้น
เมื่อทั้งสองประชันฝ่ามือกัน ก็ก่อให้เกิดคลื่นพลังที่รุนแรงอย่างถึงที่สุดขึ้น แผ่กระจายไปตามทาง แรงสั่นสะเทือนทำให้พื้นดินถึงกับแตกร้าว กลายเป็นภาพของหินทรายปลิวว่อนที่ชวนให้ตกใจ
แววตาของนายพลงูนั้นดูตกตะลึง เหงื่อเย็นไหลออกมาจากหน้าผาก ร่างกายแข็งแกร่งอยู่กลางอากาศ เขารู้สึกแค่ว่าเหมือนกำลังภายในที่อยู่ตรงฝ่ามือกำลังถูกหลุมที่ไม่มีที่สิ้นสุดดูมันเข้าไปอย่างช้าๆ
เห็นแล้วเหมือนเขาจะดูน่าเกรงขาม เพียงฝ่ามือเดียวก็ทำให้เกิดภาพที่น่าสะพรึงกลัวแบบนี้ขึ้นมาได้
แต่ความจริงแล้ว ทันทีที่ปะทะฝ่ามือกับหลินอิ่ง ในใจของนายพลงูก็รู้ตัวแล้ว ว่าเขานั้นได้พ่ายแพ้อย่างราบคาบไปแล้ว
เพราะว่า หลินอิ่งนั้นใช้มือเพียงข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างยังคงอยู่ที่ด้านหลัง ร่างกายไม่ขยับเขยื้อน ก็สามารถรับการโจมตีโดยกำลังภายในที่รุนแรงของเขาได้อย่างง่ายดายแล้ว
ส่วนตัวเขานั้น แม้แต่หลินอิ่งมีความแข็งแกร่งแค่ไหนเขายังรับรู้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
หลินอิ่งจ้องมองนายพลงูด้วยแววตาที่เฉยชา แล้วขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ
“คุณ ยังแข็งแกร่งไม่พอ”
พูดจบ ข้อมือของหลินอิ่งก็สั่นไหว เสียงดังสนั่นของอากาศที่ว่างเปล่าจากชี่กังได้ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แล้วมันก็วิ่งเข้าไปในร่างกายของนายพลงูอย่างรวดเร็วสั่นสะเทือนจนร่างกายของเขาแข็งแกร่งอยู่กลางอากาศ และเริ่มสั่นขึ้นมา
“นี่ คุณไปฝึกกำลังภายในอะไรมากันแน่? ทำไมมันถึงได้ประหลาดแบบนี้?” นายพลงูถามไปด้วยความประหลาดใจ พร้อมกับสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อ
ทันทีที่กำลังภายในไหลเข้าไปในร่างกาย ชีพจรทั่วร่างต่างก็สั่นไหว พละกำลังในร่างกายได้เกิดรวน แล้วเริ่มต่อต้านตัวเองขึ้นมา
มันบ่งบอกได้อย่างชัดเจนแล้วว่า กำลังภายในของหลินอิ่งนั้นไม่เพียงล้ำลึกเกินจะคาดเดา ที่สำคัญคือมันมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าประหลาด มันสามารถส่งเข้ามาในร่างกายของคนได้ จนทำให้ชีพจรนั้นรวนไปทันที
ในตอนนี้ แรงกดดันที่มีอยู่ในใจของนายพลงูมันมากจนทำให้หัวสมองขาวโพลน จนมันแทบจะกลายเป็นความหวาดกลัวไปแล้ว
หลินอิ่งยังคงทำหน้าเหมือนเดิม แววตานั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารอันรุนแรง ข้อมือหมุนวน แล้วถือโอกาสจับที่ข้อมือของนายพลงูไปด้วย จากนั้นก็ผลักออก กล้ามเนื้อและกระดูกของนายพลงูเคลื่อนจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
“เอื้อกเอื้อกเอื้อกเอื้อกเอื้อกเอื้อกเอื้อก!”
ร่างกายของนายพลงูหดเกร็งอย่างบ้าคลั่งไปทั่วตัว มีฟองขาวๆ ทะลักออกจากปาก ส่งเสียงครวญครางที่แปลกประหลาดออกมา สายตาที่จ้องไปยังหลินอิ่ง ก็เต็มไปด้วยความแตกตื่น
ในตอนนี้ ในใจของเขากำลังรู้สึกเสียใจมาก เสียใจที่ไม่น่ามั่นใจในตัวจนไปปะทะฝ่ามือกับหลินอิ่งเลย