ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 648 แกตั้งใจจะช่วยตัวประกันใต้จมูกฉันเนี่ยนะ?
“คุณหลินเขา……คุณหลินยังรับมือกับหัวหน้าของพวกมันอยู่ครับ ตอนนี้เขายังออกมาไม่ได้” กู้ชางไห่พูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม “ถ้าไม่ได้คุณหลินถ่วงพวกมันไว้ ผมก็ไม่มีทางช่วยคุณออกมาได้อย่างง่ายดายแบบนี้หรอกครับ”
ตอนที่พูดนั้น กู่ชางไห่ก็หวนนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่หลินอิ่งกับชายนิรนามสู้กัน ในใจนั้นยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่เลย
เมื่อกี้ตอนที่กำลังแฝงตัวอยู่ในเงามืดนั้น ภาพการต่อสู้ระหว่างหลินอิ่งกับชายนิรนามที่เป็นหัวหน้าคนนั้น ช่างน่าตกตกตะลึงเหลือเกิน มันเกินกว่าจินตนาการของยอดฝีมือระดับรายการแห่งดินแบบเขาไปแล้ว
ถ้าไม่ได้หลินอิ่งมาหยุดชายนิรนามที่เป็นหัวหน้าเอาไว้ แล้วทำให้นายพลงูกับพวกชายหนุ่มชุดดำจนบาดเจ็บสาหัสล่ะก็
กู่ชางไห่ก็รู้ตัวดี ภายใต้กองกำลังที่เตรียมพร้อมแบบนี้ ลำพังแค่ความสามารถในด้านบูโดของเขาคนเดียว ก็ยากมากที่จะช่วยจางฉีโม่ออกมาได้
“หลินอิ่งยังไม่ได้หนีออกมาเหรอคะ? ขะ เขาจะเป็นอันตรายมั้ย?” จางฉีโม่พูดออกมาด้วยความร้อนรน “แล้วใครกันที่กำลังต่อสู้กับเขาอยู่? คนพวกนี้เป็นใครกันแน่?”
ในใจของจางฉีโม่นั้นมีคำถามที่มากมาย
เรื่องที่ต้องเจออย่างกะทันหัน ส่งผลให้เธอตกใจอย่างมาก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้สึกดีขึ้นเลย
ผู้หญิงคนนั้นที่คุยกับเธอ บอกว่าตัวเองนั้นเป็นแม่เลี้ยงของหลินอิ่ง ระหว่างที่คุยกัน ก็ได้แสดงท่าทางที่น่ากลัวออกมาเป็นผู้หญิงโหดเหี้ยมที่ยังมีชีวิต
ถ้าไม่ใช่ว่าออกจากที่แห่งนั้นมาแล้ว แค่คิดจางฉีโม่ก็รู้สึกกลัวขึ้นมาแล้ว ไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองจะต้องมาเจอกับเรื่องราวที่น่ากลัวแบบนี้
ส่วนหลินอิ่งนั้น
ในความทรงจำของจางฉีโม่ ฝีมือของหลินอิ่งนั้นอยู่ระดับยอดฝีมือที่อยู่ในหนังแล้ว คนทั่วๆ ไปนั้นไม่มีทางทนมือทนตีนเขาได้แน่นอน
แล้วทำไมถึงยังถูกขวางไว้อีกล่ะ?
“คุณหลินเขา……” กู่ชางไห่ทำหน้าลำบากใจ “เขาไม่น่าจะเป็นอะไรครับ”
จากทัศนวิสัยของเขา ก็ไม่มีทางคาดเดาได้ว่าหลินอิ่งจะสามารถต้านทานพลังอำนาจที่น่ากลัวของชายนิรนามที่เป็นหัวหน้าคนนั้นได้มั้ย
คนระดับนั้น ต้องเป็นปรมาจารย์ที่เหนือกว่ารายการแห่งฟ้าแน่นอน อาจจะเป็นบุคคลระดับตำนานในแวดวงลึกลับก็เป็นได้
ดังนั้น เขาเองก็บอกไม่ได้เหมือนกัน
“คุณนายหลิน คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ คุณหลินนั้นเป็นคนที่ทำอะไรรอบคอบมาโดยตลอด ในเมื่อเขากล้าขวางยอดฝีมือลึกลับคนนั้นไว้เพียงลำพัง ก็แสดงว่าเขาต้องมั่นใจมากพออยู่แล้วครับ” กู่ชางไห่พูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง “ภารกิจที่คุณหลินมอบให้ผมคือ หลังจากที่ช่วยคุณออกมาได้แล้ว ให้รีบลงเขาแล้วขึ้นกลับไปรอเขาอยู่ที่ตัวอำเภอครับ”
“แบบ แบบนี้ไม่ได้นะ ฉันจะกลับไปพร้อมกับหลินอิ่ง เขายอมเสี่ยงอันตรายขนาดนี้มาช่วยฉัน จะให้ฉันกลับไปคนเดียวแบบนี้ได้ยังไง” จางฉีโม่พูดด้วยความแน่วแน่
“ในเมื่อคุณเป็นคนของหลินอิ่ง ก็ต้องฟังที่ฉันสั่ง กลับไปตอนนี้ ไปช่วยหลินอิ่ง ฉันจะกลับไปพร้อมกับเขา” จางฉีโม่พูดออกมาด้วยความร้อนรน และใช้คำพูดที่สื่อถึงการออกคำสั่ง
“คือ……”
กู่ชางไห่ทำหน้าลำบากใจ รู้สึกเหมือนเจอกับศึกสองด้านอยู่ และไม่รู้ว่าควรตัดสินใจยังไงดี
“คุณนายหลินครับ ต่อให้ตอนนี้ข้าน้อยจะหันกลับไปช่วยเหลือคุณหลิน ก็ใช่ว่าจะช่วยอะไรได้” กู่ชางไห่พูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม “การที่คุณหลินยอมเสี่ยงอันตรายขนาดนั้นเพื่อเข้าไปช่วยคุณ ในตอนนี้ อยากให้เข้าใจความพยายามของเขาด้วย อย่าเอาตัวเข้าไปเสี่ยงอีกเลยนะครับ”
ในใจของกู่ชางไห่นั้นรู้ดี บอกตามตรงการต่อสู้ในระดับของหลินอิ่งนั้น เขาช่วยอะไรไม่ได้แม้แต่นิดเดียว ถ้าเขาเข้าไป อาจจะทนได้ไม่เกินสองนาที ก็น่าจะถูกชายนิรนามที่เป็นหัวหน้าคนนั้นเล่นงานจนตาย หรือโดนฉีกกระชากด้วยมือเปล่าแน่นอน
“ยิ่งเป็นแบบนั้น ฉันยิ่งทิ้งหลินอิ่งแล้วหนีไปคนเดียวไม่ได้” จางฉีโม่พูดด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่ “ถ้าเขากลับไปอย่างปลอดภัยไม่ได้ กับการที่ฉันหนีไปคนเดียว แล้วมันจะไปมีความหมายอะไร?”
จางฉีโม่ได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะกลับไปพร้อมกับหลินอิ่งให้ได้
เธอเป็นห่วงความปลอดภัยของหลินอิ่งมาก และไม่อยากให้หลินอิ่งต้องเสี่ยงอันตรายเพื่อเธอขนาดนั้น ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหลินอิ่ง มันก็เป็นสิ่งที่เธอไม่ต้องการที่จะเห็นมากที่สุด
“คือว่า……” กู่ชางไห่ทำหน้าลังเลแถมยังร้อนรนอีกด้วย
“นี่พวกแกสองคน ยังคิดจะหนีอยู่อีกเหรอ?”
และในตอนนั้นเอง น้ำเสียงที่น่าขนลุกก็ได้ดังขึ้นจากในที่ที่ไม่ไกล ฟังแล้วก็อดไม่ได้ที่ต้องรู้สึกขนลุก
ภายใต้แสงจันทร์จางๆ ที่สาดส่อง ทางเดินที่อยู่กลางป่า ได้มีชายหนุ่มชุดดำที่ใส่หน้ากากสัมฤทธิ์เดินตรงเข้ามาร่างกายของเขาสูงใหญ่ รอบตัวปกคลุมไปด้วยรังสีที่พร้อมจะระเบิดออกมา จิตสังหารแผ่ซ่านไปทั่วตัว
ในเวลาเดียวกัน ทั่วทุกทิศทาง ก็มีคนชุดดำนั้นเดินออกมา ล้อมรอบพวกของจางฉีโม่เอาไว้
ภายใต้ความเงียบงันนั้น องครักษ์มังกรดำก็ตามไล่ล่ามาถึงแล้ว
“นี่มัน?” จางฉีโม่ที่เห็นกลุ่มคนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร สีหน้าก็ดูร้อนรนขึ้นมาทันที แต่แววตากลับดูไม่ลังเลเลย
เพราะพอคิดว่าหลินอิ่งกำลังต่อสู้อย่างยากลำบากเพื่อเธออยู่
เธอจึงห้ามกลัวอีก ห้ามเป็นตัวถ่วงให้หลินอิ่งอีก
“ฮึฮึ คุณนายหลิน พวกเราต่างก็เป็นเพื่อนเก่าของคุณหลิน มาหาเขาก็เพราะมีเรื่องต้องคุยกันนิดหน่อย แล้วทำไมคุณถึงรีบกลับไปขนาดนี้ล่ะครับ?”
นายพลงูพูดด้วยสีหน้าที่เย็นชา ส่วนสายตาก็มองไปที่กู่ชางไห่ ทำท่าเหมือนพร้อมที่จะเข้าจู่โจมทุกเมื่อ
“คุณนายหลิน คุณไม่ต้องห่วง ข้าน้อยจะช่วยคุณขวางคนพวกนี้ไว้เอง” กู่ชางไห่พูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง สายตาก็จ้องไปที่นายพลงูเหมือนกัน
ผู้คนมากมายที่อยู่ตรงนี้ มีเพียงนายพลงูคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยได้
“ขวางเราเอาไว้อย่างนั้นเหรอ? ฮึฮึฮึ………” นายพลงูขำออกมาอย่างเยือกเย็น “ตาแก่อย่างแก พูดจาใหญ่โตเหมือนกันนี่ ถึงกล้าคิดที่จะชิงตัวประกันที่ใต้จมูกของฉัน?”
“แกรู้รึเปล่าว่าแกกำลังทำเรื่องที่มันโงเง่าขนาดไหนอยู่? แกรู้รึเปล่าว่าฉันเป็นใคร? เรื่องที่ร้ายแรงขนาดนี้ แกยังกล้าเข้ามายุ่งอีกเหรอ?”
สีหน้าของกู่ชางไห่เคร่งขรึมเป็นอย่างมาก จ้องมองไปยังนายพลงูแล้วพูดไปว่า “แกเป็นถึงยอดฝีมือระดับรายการแห่งดิน ทำไมถึงได้ทำเรื่องต่ำทรามอย่างการจับตัวผู้หญิงมาเป็นตัวประกันแบบนี้? ยังมีศักดิ์ศรีหลงเหลือบ้างมั้ย?”
ตอนมาถึงที่ภูเขาเจียงเยว่ พอได้เห็นการต่อสู้ที่น่าตกตะลึงนั่น หลังจากได้รู้ถึงความแข็งแกร่งที่มากล้นของอีกฝ่าย
ในใจของกู่ชางไห่ก็เกิดสงสัยขึ้นมา
ตามหลักแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของนายพลงูกับชายนิรนามที่เป็นหัวหน้าคนนั้น ต้องเป็นคนที่มีตำแหน่งยิ่งใหญ่ในแวดวงลึกลับแน่นอน แล้วทำไมถึงยังต้องลดตัวลงมาลักพาตัวผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้ด้วย?
“เรื่องต่ำทรามอย่างนั้นเหรอ? ไม่ไม่ไม่” นายพลงูขำพร้อมพูดด้วยความไม่ชอบใจ “การต้องรับมือกับคนอย่างหลินอิ่งนั้น ใช้แค่วิธีทั่วไปน่ะมันไม่ได้ผลหรอก คนที่จะทำการใหญ่ ต้องไม่สนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ”
“ตกลงตาแก่อย่างแก เป็นใครมาจากไหนกันแน่? ไม่คิดจะเล่าให้ฟังหน่อยเหรอ ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าใครกันที่ไม่ดูตาม้าตาเรือกล้าถึงกล้าไปช่วยหลินอิ่ง แล้วมาเป็นศัตรูกับพวกเรา”
นายพลงูพูดอย่างขบขัน
“กู่ชางไห่แห่งสำนักบี้ชุ่ย” กู่ชางไห่พูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มลึก “แล้วพวกแกล่ะเป็นใครมาจากไหน?”
“สำนักบี้ชุ่ย?” สายตาของนายพลงูดูตื่นเต้นขึ้นมา แล้วข่มขู่ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจว่า “สำนักบี้ชุ่ยที่เล็กจ๊อยนั่น ยังกล้าเข้ามายุ่งของแก๊งมังกรอีก นี่แกอยู่มานานจนเบื่อไปแล้วใช่มั้ย?”
“คนแซ่กู่ แกวางจางฉีโม่ลงตอนนี้ หันหลังแล้วเดินจากไป ฉันจะถึอว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน” นายพลงูพูดออกมาอย่างไม่ชอบใจ “ไม่อย่างนั้น ในไม่กี่วัน สำนักบี้ชุ่ยได้ตายเกลี้ยงไม่มีเหลือแน่!”