ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 649 ขวางแล้วฆ่าทิ้ง
นายพลงูนั้นรู้จักสำนักบี้ชุ่ย
สำนักบี้ชุ่ยนั้น เป็นกองกำลังระดับกลางในแวดวงลึกลับ ถือเป็นสำนักระดับสามที่สืบทอดกันมา ถือว่ายังพอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง
กองกำลังระดับนี้ ถ้าเอามาเปรียบเทียบกับแก๊งมังกรที่ยิ่งใหญ่ละก็ มันก็ไม่ต่างอะไรกับมดปลวกเลย
แก๊งมังกรสำนักอู่เหมินสิบสอง แค่เลือกออกมาสักสำนัก ก็สามารถจัดการกับสำนักบี้ชุ่ยได้อย่างง่ายดายแล้ว
“แก๊งมังกรอย่างนั้นเหรอ?”
พอได้ยินอย่างนั้น รูม่านตาของกู่ชางไห่ก็หดเล็กลงทันที สีหน้าหวาดกลัว พร้อมกับทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ
เขาตกใจกับชื่อที่นายพลงูประกาศออกมา
ในแวดวงลึกลับของประเทศหลุงนั้น กองกำลังที่กล้าใช้มังกรแทนตัวเองก็มีแค่เจ้าเดียวเท่านั้น
แค่ไตร่ตรองจากคำว่าแก๊งมังกร ก็รู้แล้วว่า นี่คือตัวตนที่มีตำแหน่งสูงส่งแค่ไหน……
นี่ต้องเป็นดั่งผู้อยู่จุดสูงสุดในแวดวงลึกลับแล้ว ไม่มีใครกล้าแย่งชิงตำแหน่งด้วย
กู่ชางไห่รู้ดีว่าระดับของผู้อาวุโสหลินอิ่งนั้นสูงเกินเอื้อมแค่ไหน แข็งแกร่งแค่ไหน
แต่ไม่นึกเลยว่าผู้อาวุโสจะไปมีเรื่องกับศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างแก๊งมังกรได้
“ทำไม? คนแซ่กู่ รู้จักกลัวแล้วใช่มั้ย?” นายพลงูยิ้มและพูดออกมาอย่างไม่ชอบใจ “แกรู้รึเปล่าว่าตัวเองได้ทำความผิดที่ร้ายแรงขนาดไหนมั้ย?”
“ฉันจะให้เวลาแกสามสิบวิ รีบปล่อยตัวประกันแล้วไสหัวออกจากภูเขาเจียงเยว่ไปซะ ทุกอย่างยังสามารถผ่อนปรนกันได้!”
กู่ชางไห่สีหน้าเคร่งขรึมอย่างถึงที่สุด เขาได้ไตร่ตรองไปอย่างรวดเร็ว
“จะให้ปล่อยตัวประกันนั้นไม่มีทาง” กู่ชางไห่พูดอย่างหนักแน่น “แกอย่าคิดว่าแค่เอาชื่อมาอ้างก็สามารถทำให้ฉันกลัวได้นะ”
“แก๊งมังกรนั้นสูงส่งแค่ไหน จะมาทำเรื่องต่ำทรามอย่างที่พวกแกกำลังทำอยู่ได้ยังไง?”
กับที่มาที่ไปของพวกนายพลงูนั้น กู่ชางไห่ก็รู้สงสัยอยู่ในใจเหมือนกัน
ดูจากชายนิรนามที่เป็นหัวหน้าคนนั้น เขารู้ว่าต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน แต่ก็ไม่เคยนึกถึงแก๊งมังกรมาก่อน
แต่ว่า ในแวดวงลึกลับนั้นแก๊งมังกรเป็นดั่งการมีอยู่ของระดับพระเจ้า สืบทอดกันมานับพันปี มีรากฐานยาวนับพันปี ชื่อเสียงเลื่องลือนับพันปี
แล้วจะไปทำเรื่องอย่างการลักพาตัวผู้หญิงได้ยังไงล่ะ?
ต้องเข้าใจว่า แก๊งมังกรนั้น เป็นสิ่งที่ยอดฝีมือในแวดวงลึกลับนับไม่ถ้วนเชิดชูบูชาเลย
“ฮึฮึฮึ……ดูท่าแกจะไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ” นายพลงูพูดด้วยสีหน้าที่เย็นชา “ทำไมมันถึงเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจล่ะ? นี่แกคิดเหรอว่าในโลกแห่งความเป็นจริงนั้นมันจะขาวสะอาดขนาดนั้นจริงๆ?”
“คนแซ่กู่ บอกให้เอาบุญก็ได้ ฉันคือหัวหน้าองครักษ์มังกรดำ นายพลงู” นายพลงูพูดออกมาอย่างไม่ชอบใจ “แกสามารถไปสืบที่แวดวงลึกลับดูได้ ว่ามีชื่อของฉันอยู่จริงมั้ย”
” เรื่องในคืนนี้ เป็นเรื่องที่มีผลกระทบมาก ถ้าแกเข้ามายุ่ง ก็ต้องได้รับโทษโดยการทำลายสำนักทิ้งซะ!”
คำพูดที่ข่มขู่แบบนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะความไม่มั่นใจของนายพลงูว่าจะสามารถจัดการกับกู่ชางไห่ได้มั้ย
หลังสู้กับหลินอิ่ง ก็ถูกเล่นงานจนช้ำในอย่างหนัก กำลังรบในตอนนี้จึงถดถอยไปมาก
ถ้าอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เขาคงลงมือสังหารไปนานแล้ว การจะสังหารกู่ชางไห่ที่เพิ่งเข้าสู่รายการแห่งดินชั้นล่างนั้น ก็เป็นเรื่องที่ไม่ได้ยากเย็นอะไร
ความคิดในใจของนายพลงูนั้นเหี้ยมโหดมาก เขาต้องการใช้คำพูดเหล่านี้เกลี้ยกล่อมกู่ชางไห่ ทางที่ดีให้กู่ชางไห่ยอมปล่อยตัวประกันแต่โดยดี
ตอนนี้ไม่มีทางเลือก จำใจต้องละเว้นชีวิตของกู่ชางไห่ไปก่อน
รอเสร็จเรื่องแล้ว ค่อยไปตามหาพวกสำนักบี้ชุ่ย ไม่ใช่จัดการกู่ชางไห่แค่คนเดียว แต่จะถอนรากถอนโคนทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้วปิดข่าวไม่ให้ใครรู้เด็ดขาด
กู่ชางไห่ที่ต้องเจอกับการข่มขู่ของนายพลงู สายตาแน่วแน่ สีหน้านั้นแน่วแน่ยิ่งกว่า
สิ่งที่นายพลงูพูดนั้นไม่ผิด ผลกระทบจากเรื่องในคืนนี้มันร้ายแรงจริงๆ
การต่อสู้ที่เอาเป็นเอาตายระหว่างรายการแห่งฟ้าสองคน ถ้ารู้ไปถึงแวดวงลึกลับล่ะก็ มันต้องเป็นเรื่องเขย่าวงการอย่างแน่นอน
ยอดฝีมือระดับรายการแห่งฟ้านั้นลึกล้ำราวกับเก้ามังกรสวรรค์เทวะ ที่ไม่อาจเอื้อมถึง
ในโลกธรรมนั้น ไม่มีเรื่องอะไรที่มีค่ามากพอให้พวกเขาเข้ามาจัดการด้วยตนเองแล้ว แต่มันกลับทำให้บุคคลระดับนี้เคลื่อนไหวได้
ที่สำคัญคือ มันดันมาเกิดในสถานที่ที่ลับตาคนแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการแก่งแย่งที่ข้องเกี่ยวกับผลประโยชน์มากมายขนาดไหน
“แกไม่มีความมั่นใจมากพอสินะ? ถึงอยากใช้คำพูดมาเกลี้ยกล่อมฉันแบบนี้?” กู่ชางไห่พูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม จ้องมองไปยังนายพลงูไม่ยอมละสายตา “ไม่ว่าพวกแกจะเป็นใคร แต่ในคืนนี้ ใครหน้าไหนก็ห้ามทำร้ายคุณนายหลินเด็ดขาด!”
“แกเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งไม่ผิด แถมยังแข็งแกร่งว่าฉันด้วย” กู่ชางไห่พูดออกมาอย่างช้าๆ “แต่แกก็ยังถูกคุณหลินเล่นงานจนบาดเจ็บสาหัส เหลือกำลังแค่ครึ่งเดียว แล้วคิดว่ายังสามารถชิงตัวประกันจากมือฉันไปได้อีกอย่างนั้นเหรอ?” สองคนนี้ สวนคำพูดกันไปมา หวังที่จะบั่นทอนกำลังใจขออีกฝั่ง
นายพลงูนั้นอยากจะจบเรื่องโดยไม่ต้องสู้กัน จะเป็นการดีที่สุด
“ฮึฮึฮึ……นี่แกรู้ตัวด้วยเหรอว่าฉันนั้นแกร่งกว่าแก?” นายพลงูเริ่มทนไม่ไหวแล้ว จึงพูดออกไปอย่างไม่ชอบใจว่า “ต่อให้ฉันจะกำลังบาดเจ็บอยู่ แต่การจะจัดการกับแกก็ไม่ใช่เรื่องที่เหลือบ่ากว่าแรง”
“การที่ฉันเสนอทางรอดให้แก แกอย่าทำให้มันหมดค่าไปเอง”
“เสนอทางรอดให้ฉันอย่างนั้นเหรอ? ฮึฮึ” กู่ชางไห่ก็ขำออกมาอย่างไม่สบอารมณ์เหมือนกัน “แม้แต่คุณนายหลินพวกแกยังกล้าลักพาตัว ฉันว่าพวกแกต่างหากที่รนหาที่ตาย”
“รอคุณชายหลินจัดการกับหัวหน้าขอพวกแกก่อน พวกแกทุกคนก็รอดยากแล้ว!”
“จริงเหรอ? นี่แกคิดว่าคุณชายหลินของพวกแกจะเอาชนะนายท่านได้จริงๆ เหรอ? ช่างอ่อนหัดจริงๆ” นายพลงูเถียงคำไม่ตกฟาก “ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่หลินอิ่งต้านทานนายท่านได้อีกไม่นานเลย ต่อให้มันชนะนายท่านได้จริง แล้วคิดว่ามันจะเอาชนะแก๊งมังกรได้ทั้งแก๊งรึไง?”
“ยุทธภพในตอนนี้ จะมีใครสามารถต่อกรกับแก๊งมังกรได้อีก?”
“คนแซ่กู่ ทางที่ดีแกควรอ่านเกมให้ออก ว่าการอยู่ฝั่งเดียวกับหลินอิ่งนั้น มันพึ่งพาได้จริงๆ มั้ย!”
“แก๊งมังกรที่ยิ่งใหญ่ ใช่สิ่งที่ใครจะไปขวางได้มั้ย?”
คำพูดคำนี้ เต็มเปี่ยมไปด้วยแรงกดดันจากการข่มขู่
บอกตามตรง ถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติ หัวใจของกู่ชางไห่คงหวั่นไหวไปนานแล้ว
แต่ในสถานการณ์แบบนี้
เขาไม่มีทางส่งตัวคุณนายหลินออกไปแน่นอน
ระหว่างหินอิ่งกับคนพวกนี้ กู่ชางไห่ก็ยังเลือกที่จะตามติดหลินอิ่งอย่างแน่นอน
เพราะว่า ราศีที่ไร้เทียมทานไร้ผู้ทัดเทียมของหลินอิ่งได้ฝั่งลึกเข้าไปในหัวใจของเขาแล้ว ทำให้เกิดความเชื่อใจที่มั่นคงขึ้น เป็นความรู้สึกแบบว่ามีข้าอยู่ด้วยก็ไร้เทียบทาน
“ไม่ว่าพวกแกเป็นใคร ถ้าต้องการเอาตัวคุณนายหลินไป ก็ต้องข้ามศพของฉันไปก่อน แก เหมือนจะไม่มีความสามารถมากพอที่จะทำได้นะ”
กู่ชางไห่พูดออกมาด้วยความเย็นชา
“ฉันกลับอยากเตือนแกสักคำ อาศัยช่วงที่คุณหลินยังไม่เสร็จธุระรีบหนีไปซะดีกว่า”
“นี่แกอยากตายนักใช่มั้ย!”
นายพลงูโมโหขึ้นมาทันที เส้นเลือดบนหน้าผากผุดออกมาเป็นเส้นๆ
เขารู้ตัวแล้วว่า กู่ชางไห่ไม่มีทางถูกเกลี้ยกล่อมด้วยคำพูดแล้ว จำเป็นต้องใช้กำลังเท่านั้น
“จัดการ! จัดการกับไอ้แก่นี้ซะ แล้วบดกระดูกของมันให้ละเอียด!”
นายพลงูพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่กู่ชางไห่ด้วยจิตสังหารที่เปี่ยมล้น
หลังจากการคำรามของเขา พวกหัวกะทิองครักษ์มังกรดำสิบกว่าคนที่อยู่ข้างๆ ก็พุ่งเข้าใส่กู่ชางไห่ไปพร้อมๆ กัน
ชั่วพริบตาเดียว กู่ชางไห่ที่ถูกล้อมรอบด้วยการโจมตีจากคนนับสิบ ร่างกายของเขาก็สั่นไหว แล้วเกิดเสียงระเบิดที่ดังเหมือนเสียงฟ้าผ่าขึ้น มีคลื่นอากาศที่ไม่มีรูปร่างไหลเวียนอยู่รอบตัว สะเทือนจนเกิดเสียงระเบิดดังลั่น
เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว พร้อมที่จะโจมตีทุกเมื่อ
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
ภายในทางเดินเล็กในป่า เสียงที่ชวนอึดอัดดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า การต่อสู้ระหว่างนายพลงูกับกู่ชางไห่ ทำให้เกิดเสียงลมกระชาก ต้นไม้ที่อยู่โดยรอบกระจุยกระจาย ปลิวว่อนไปทั่วทิศ