ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 662 ขอโทษพวกเรา
“พวกคุณ พวกคุณอย่ามาพูดเหลวไหล!” จางฉีโม่กล่าวด้วยความโมโห
เธอไม่สามารถทนเห็นสองคนนี้พูดใส่ร้ายหลินอิ่งได้
“เรื่องมันก็เป็นอย่างที่เห็น พวกเราพูดอะไรผิดสักคำไหม?” ไอ้เฉียนกล่าวเยาะเย้ย “ถ้าหลินอิ่งมีความประพฤติดี เขาจะมีจุดจบเช่นนี้ได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่าเขามีปัญหาเรื่องความประพฤติแน่นอน!”
“ถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล พวกคุณยังคงปฏิเสธที่จะยอมรับความจริงที่ว่าหลินอิ่งนั้นเป็นคนไร้ประโยชน์อีกหรือ?”
“งั้นพวกคุณบอกมาสิว่า ทำไมหลินอิ่งลูกเขยของคุณถึงถูกทำร้ายจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และทำไมเขาถึงมีจุดจบแบบนี้ได้?”
ไอ้เฉียนกล่าวเยาะเย้ย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
ในความรู้สึกของเขาแล้ว ครอบครัวจางฉีโม่เป็นคนที่ชอบคุยโวโอ้อวด อวดว่าหลินอิ่งเป็นคนที่มีความสามารถ?
มันเป็นแค่เรื่องตลกที่ทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะเท่านั้น ตอนนี้หลินอิ่งถูกคนทำร้ายจนกลายเป็นเจ้าชายนิทราแล้ว พวกเขายังปากแข็งอีก?
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกคุณ?” จางฉีโม่กล่าวด้วยความโมโห
“ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกคุณ พวกคุณอย่ามารบกวนการพักผ่อนของหลินอิ่ง เชิญพวกคุณออกไปเดี๋ยวนี้!”
“อ้อ? ไม่ต้อนรับพวกเรา ทำไมหรือ? คุณคิดว่าโรงพยาบาลประจำอำเภอเป็นของพวกคุณหรือ? คนอื่นถึงไม่สามารถมาได้?” ไอ้เฉียนกล่าวเย็นชา ด้วยท่าทีที่หยิ่งผยอง
“ผมสนิทสนมกับผู้อำนวยการหลิวของโรงพยาบาลประจำอำเภอเป็นอย่างมาก ถ้าคุณยังมีกิริยาที่ไม่มีความเคารพเช่นนี้ เชื่อหรือไม่ว่าผมสามารถให้ผู้อำนวยการหลิวจัดการเรื่องครอบครัวคุณ”
“โธ่ ยังมาบอกว่าไม่เกี่ยวกับพวกเราอีก พวกคุณนั้นไม่เคยเห็นว่าพวกเราเป็นคนในครอบครัวใช่ไหม?” ลู่ฉ่ายเชียกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แปลกประหลาด
“อย่ามาบอกว่าหลินอิ่งต้องการพักผ่อน ตอนนี้เขากลายเป็นเจ้าชายนิทราแล้ว จะพักผ่อนอย่างไรล่ะ?”
ลู่ฉ่ายเชียกล่าวด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ ยิ่งพูดก็ยิ่งถากถาง
“ฉีโม่เอ๋ย ป้ากังวลเกี่ยวกับอนาคตของคุณเป็นอย่างมาก สามีคุณกลายเป็นเจ้าชายนิทราและนอนอยู่ในโรงพยาบาล จากนี้ไป คุณต้องอยู่คนเดียว แล้วคุณจะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไร?”
“เอาอย่างนี้ ป้าจะแนะนำผู้ชายดี ๆ สักสองสามคนให้คุณเลือก แล้วต่อไปนี้อย่ามาพูดอีกว่าหลินอิ่งสามีของคุณนั้นมีความสามารถแค่ไหน คนไร้ประโยชน์ก็คือคนไร้ประโยชน์วันยังค่ำ มันเป็นความจริง”
“ไม่เพียงแต่เป็นคนไร้ประโยชน์เท่านั้น แต่ตอนนี้เขายังเป็นเจ้านายนิทรานอนอยู่บนเตียง ทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว ยังต้องเสียข้าวสุก ครอบครัวของพวกคุณไม่กลัวคนหัวเราะเยาะหรือไง?”
“พวก พวกคุณ……”
จางฉีโม่โกรธจนตัวสั่น อยากจะเดินเข้าไปตบลู่ฉ่ายเชียให้รู้แล้วรู้รอด
พวกเขาทำเกินไปแล้ว มาเยาะเย้ยถากถางถึงโรงพยาบาล!
โดยเฉพาะ ยังเยาะเย้ยหลินอิ่งซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสนอนอยู่บนเตียง
“ไสหัวออกไป! ฉันบอกให้พวกคุณไสหัวออกไปจากโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!”
จางฉีโม่ชี้ไปที่ลู่ฉ่ายเชียและกล่าวด้วยความโมโห
จางฉีโม่รู้สึกโกรธมากจริง ๆ และหายากที่เธอจะอารมณ์เสียขนาดนี้
ปกติเธอเป็นผู้หญิงที่สุภาพอ่อนโยน ถึงแม้ว่าจะมีชีวิตอยู่มานานกว่า 20 ปีแล้ว และเธอก็ยังไม่เคยทะเลาะกับใคร
อย่างไรก็ตาม แต่วันนี้เนื่องจากเป็นเรื่องของหลินอิ่ง จึงทำให้เธอรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก
เธอไม่ยอมให้ใครมาใส่ร้ายและดูถูกเหยียดหยามหลินอิ่งอีกต่อไป
เมื่อก่อน หลินอิ่งคอยปกป้องเธออยู่เสมอ
และตอนนี้ หลินอิ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสนอนอยู่บนเตียงเพราะเธอ และเธอยากจะปกป้องหลินอิ่งเท่าที่จะสามารถทำได้
“ฮึ่ม!”
ไอ้เฉียนฮึ่มเสียงเย็นชา ด้วยสีหน้าที่แสดงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก
เขาหรี่ตาแล้วมองไปที่จางฉีโม่ และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “คุณบอกให้พวกเราไสหัวออกไป? คุณได้รับการอบรมสั่งสอนบ้างไหม? นี่อะไร? ผมอุตส่าห์มีน้ำใจมาเยี่ยมคนป่วยของครอบครัวคุณ ยังจะบอกให้ผมไสหัวออกไปอีก?”
ตะกร้าผลไม้ที่ไอ้เฉียนถืออยู่ในมือตกลงมาต่อหน้าจางฉีโม่
“วันนี้ผมจะรบกวนหลินอิ่ง มีอะไรไหม? เขาเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่อะไรหรือ? ถึงจะสามารถไปเยี่ยมได้?”
ไอ้เฉียนกล่าวอย่างหยิ่งยโส
“โอ้ ฉีโม่ สิ่งที่คุณพูดมันน่าเกลียดเกินไปแล้ว? คุณได้รับการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนมาแบบไหนนี่? กล้าบอกให้พวกเราที่เป็นผู้อาวุโสให้ไสหัวออกไป” ลู่ฉ่ายเชียด้วยความตื่นตระหนก
“จางฉีโม่ คุณนี่ไม่เอาไหนเลย! สามีของคุณถูกทำร้ายอย่างหนักจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ฉันรู้ว่าคุณอารมณ์ไม่ดี แต่คุณไม่ควรมาระบายอารมณ์กับผู้อาวุโสในครอบครัวน่ะ? ถ้าคุณมีความสามารถก็ไปแก้แค้นให้หลินอิ่งสิ พวกเรามาเยี่ยมสามีคุณ และพวกเรายังอยากจะกู้หน้าให้หลินอิ่งอีกด้วย แต่คุณกลับแสดงกิริยาเช่นนี้หรือ?”
“ช่างเป็นคนที่ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณคนที่เคยช่วยเหลือ ฉันจะให้คนตระกูลลู่มาตัดสินเรื่องนี้แล้ว!” ลู่ฉ่ายเชียกล่าวด้วยรู้สึกที่ถูกเข้าใจผิด
“น้องหย่าฮุ่ย ซิ่วเฟิง พวกคุณสองคนเห็นฉีโม่ด่าผู้หลักผู้ใหญ่แล้วยังไม่บอกให้เธอขอโทษพวกเราหรือ?”
ลู่ฉ่ายเชียมองไปที่ลู่หย่าฮุ่ยและจางซิ่วเฟิงด้วยความรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
“คือ…..” จางซิ่วเฟิงและลู่หย่าฮุ่ยพูดอะไรไม่ออกชั่วขณะหนึ่ง
พวกเขาสองคนไม่รู้ว่าวันนี้ลูกสาวเป็นอะไร อารมณ์ฉุนเฉียวเป็นอย่างมาก และด่าว่าคนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ฉีโม่ ลูกระงับความโกรธไว้หน่อย ยังไงพวกเขาก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ อย่าเอะอะก็บอกคนอื่นให้ไสหัวออกไป” ลู่หย่าฮุ่ยกล่าวเตือน
ตอนนี้หลินอิ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่บนเตียง ทำให้ลู่หย่าฮุ่ยไม่กล้าท้าทายครอบครัวของลู่ฉ่ายเชีย
และไม่กล้าล่วงเกินในอาณาเขตของพวกเขา เพราะยังไงพวกเขาก็เป็นคนร่ำรวยและมีอำนาจในอำเภอเจียงเยว่
“ฮึ่ม!” ไอ้เฉียนฮึ่มเสียงเย็นชา และกล่าวด้วยน้ำเสียงข่มขู่ว่า “ซิ่วเฟิง คุณบอกให้จางฉีโม่ลูกสาวของคุณขอโทษพวกเราเดี๋ยวนี้! บอกพวกเราไสหัวออกไปเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“ผมจะบอกพวกคุณว่า ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นว่าพวกคุณเป็นญาติของลู่ฉ่ายเชีย ผมเรียกคนมาจัดการพวกคุณนานแล้ว!”
“พวกคุณไม่รู้หรือว่า คนในอำเภอเจียงเยว่ไม่มีใครที่ไม่ให้เกียรติผมเฉียนขว้าง? และมีกี่คนที่กล้าบอกให้ผมไสหัวออกไปต่อหน้า?”
ไอ้เฉียนกล่าวด้วยท่าทางที่น่าเกรงขาม และวางอำนาจบาตรใหญ่ ปฏิบัติกับจางซิ่วเฟิงราวกับว่าออกคำสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชา
จางซิ่วเฟิงขมวดคิ้ว จากนั้นมองไปที่จางฉีโม่และกล่าวว่า “ฉีโม่ พวกเขาเป็นผู้อาวุโส ลูกอย่าพูดจาหยาบคายเช่นนั้น ขอโทษผู้อาวุโสทั้งสองคนเถอะ มีเรื่องยิ่งน้อยยิ่งดี”
“พวกเขาเป็นผู้อาวุโสประเภทไหน? ทำไมฉันต้องขอโทษพวกเขาด้วย?” จางฉีโม่กล่าวด้วยความโมโห
เรื่องอื่น ๆ เธออาจขอโทษได้
แต่ว่าถ้าเกี่ยวกับเรื่องของหลินอิ่ง เธอตั้งใจแน่วแน่ที่จะไม่ประนีประนอม
“โอ้ ซิ่วเฟิง คุณดูฉีโม่สิ ถึงเวลาต้องอบรมสั่งสอนแล้ว ไม่ไหวจริง ๆ!” ลู่ฉ่ายเชียกล่าวเยาะเย้ย “ไม่น่าแปลกใจที่พวกคุณฐานะไม่ดี เพราะมีนิสัยแบบนี้เอง!”
“ช่างมัน ช่างมันเถอะ! คุณไม่ต้องการคุยกับครอบครัวของพวกเขาอีกต่อไปแล้ว”
ไอ้เฉียนกล่าวขัดจังหวะด้วยท่าทางที่หงุดหงิด
“วันนี้ผมจะรบกวนหลินอิ่งแน่นอน ผมจะคอยดูว่า เขามีฐานะตัวตนอะไร? ถ้าผมรบกวนเขาแล้วครอบครัวของพวกคุณจะทำอะไรผมได้?”
ไอ้เฉียนกล่าวอย่างหยิ่งผยอง “ผมจะคอยดูว่า วันนี้ใครจะขวางผมได้!”
หลังจากนั้น ไอ้เฉียนก็วางมาดเดินไปที่ห้องพักผู้ป่วยของหลินอิ่งด้วยท่าทางที่หยิ่งผยอง
“ไม่อนุญาตให้พวกคุณบุกเข้าไป!”
จางฉีโม่กล่าวด้วยความโมโห และยืนขวางลู่ฉ่ายเชียกับไอ้เฉียนอยู่หน้าห้องพักผู้ป่วย
“ฮ่า ๆ คุณบอกว่าไม่อนุญาตก็ไม่สามารถเข้าไปได้หรือ? วันนี้ผมจะหยาบคายแบบนี้แหละ และผมจะคอยดูว่า หลินอิ่งนั้นสูงศักดิ์แค่ไหน?” ไอ้เฉียนกล่าวเยาะเย้ย “แล้ววันนี้คุณต้องถอนคำพูดด้วย และถ้าไม่ขอโทษผม ก็อย่ามาบอกว่าผมไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ และไม่เกรงใจครอบครัวของคุณ!”
จางฉีโม่รู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรออก
“ฮาโหล คุณเสิ่นซานหรือเปล่า?” จางฉีโม่ถามอย่างเคร่งขรึมขณะที่ถือโทรศัพท์อยู่ในมือ
“สวัสดีครับ คุณนายหลิน ผมเสิ่นซานครับ ไม่รู้ว่าคุณมีอะไรจะสั่งครับ” เสียงนอบน้อมของเสิ่นซานดังมาจากโทรศัพท์
“คุณเสิ่น คุณมาที่โรงพยาบาลประจำอำเภอตอนนี้เลย มีคนรบกวนการพักผ่อนของหลินอิ่ง คุณมาขวางพวกเขาด้วย” จางฉีโม่กล่าวอย่างเคร่งขรึม