ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 663 จะคอยดูว่าคุณจะสามารถเรียกใครมาได้
จางฉีโม่ไม่อยากพูดอะไรกับคนอย่างลู่ฉ่ายเชียและไอ้เฉียน
เธอต้องการให้ลูกน้องของหลินอิ่งมาแก้ปัญหาเรื่องวุ่นวายเหล่านี้
ปกติแล้ว จางฉีโม่นั้นไม่ขัดแย้งกับผู้คนจนทำให้เกิดข้อพิพาท และไม่เคยเรียกคนมาจัดการกับเรื่องพวกนี้
ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไร เธอก็จะยอมให้คนอื่นอยู่เสมอ
แต่ว่า เนื่องจากวันนี้เป็นเรื่องของหลินอิ่ง ซึ่งทำให้จางฉีโม่รู้สึกโกรธจริง ๆ
เธอไม่อยากเห็นหลินอิ่งที่นอนไม่ได้สติถูกคนอื่นเหยียดหยามและรบกวน
“อะไรนะ? มีคนกำลังมารบกวนท่านหลิน คุณนายหลิน คุณเล่ามาช้า ๆ ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” เสียงค่อนข้างประหม่าของเสิ่นซานดังมาจากโทรศัพท์
“มีคนต้องการบุกเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยของหลินอิ่ง เสิ่นซาน ฉันหวังว่าคุณจะมาขวางพวกเขาไว้” จางฉีโม่กล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ใครกันที่กล้าหาญเช่นนี้?” เสิ่นซานกล่าวด้วยความประหลาดใจ “คุณนายหลิน ตอนนี้ผมกลับไปที่เมืองชิงหยูนแล้ว ไม่ได้อยู่ในอำเภอเจียงเยว่ โปรดยกโทษให้ผมด้วย เป็นเพราะธุรกิจของท่านหลินในเมืองชิงหยูนเกิดปัญหา ผมเพิ่งมาถึงเมื่อคืน และมันมีความจำเป็นต้องจัดการทันที”
“แต่ผมให้ลูกน้องคนหนึ่งอยู่ที่อำเภอเจียงเยว่ และรอรับคำสั่งอยู่ใกล้โรงพยาบาลประจำอำเภอ ผมจะให้เขาขึ้นไปข้างบนเดี๋ยวนี้ หากคุณมีปัญหาอะไรก็วางใจให้เขาจัดการได้ เขาชื่อเซเหวินเชิง ถือเป็นบุคคลสำคัญของอำเภอเจียงเยว่คนหนึ่งเช่นกัน และสามารถจัดการเรื่องปกติทั่วไปได้ หากมีสถานการณ์ไม่ดี ผมจะรีบกลับมาที่อำเภอเจียงเยว่ทันที และหากมีปัญหาใด ๆ คุณติดต่อผมได้ตลอดเวลา” เสิ่นซานกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“อ้อ คุณเสิ่นไม่ได้อยู่ในอำเภอเจียงเยว่ งั้นคุณให้ลูกน้องของคุณมาจัดการเถอะ” จางฉีโม่กล่าว
“ครับ คุณนายหลิน อีกสักครู่ผมจะส่งเบอร์โทรศัพท์ของเซเหวินเชิงลูกน้องผมให้คุณ หลังจากวางสายแล้วผมจะติดต่อเขาทันที” เสิ่นซานกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“อืม”
จางฉีโม่กล่าวประโยคหนึ่ง แล้วก็วางสาย
เสิ่นซานนั่งอยู่ในสำนักงานด้วยท่าทางประหม่า และรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก เขารีบโทรไปแจ้งลูกน้องตนเองที่อยู่ในอำเภอเจียงเยว่
เรื่องที่เกี่ยวข้องของภรรยาหลินอิ่งนั้น เขาไม่กล้าประมาทเลินเล่อแม้แต่น้อย
เดิมเสิ่นซานและเจียงฉีตั้งใจที่จะเฝ้าปกป้องคุ้มครองอยู่ในอำเภอเจียงเยว่จนกว่าหลินอิ่งจะฟื้น
เพียงแต่มันเกิดเรื่องขึ้นอย่างกะทันหัน
เสิ่นซานและเจียงฉีรีบออกไปจากอำเภอเจียงเยว่แล้วกลับไปที่เมืองชิงหยู นั้นเป็นเพราะว่ามีชายหนุ่มที่มีฐานะภูมิหลังลึกลับ เป็นยอดฝีมือ และฐานะร่ำรวยปรากฏตัวที่เมืองชิงหยูนอย่างกะทันหัน
ทันทีที่พวกเขามาถึง พวกเขาก็กวาดล้างบริษัทธุรกิจหลายแห่งของท่านหลินที่เสิ่นซานและเจียงฉีรับผิดชอบดูแลอย่างต่อเนื่อง
ชายหนุ่มอ้างว่าตนเองเป็นคนของตระกูลหลิน รู้สึกจะชื่อว่าหลินชิงเย่?
ทันทีที่เขามาถึงมณฑลตุงไห่ก็แสดงความก้าวราวและดุร้าย ที่เขามาที่นี่ก็เพราะท่านหลิน และข่มขู่ว่าให้ท่านหลินออกมาพบเขา
ด้วยเหตุนี้ คนของเสิ่นซานที่อยู่ในเมืองชิงหยูนนั้นไม่สามารถรับมือได้ ดังนั้นเขาและเจียงฉีจึงรีบกลับไปที่เมืองชิงหยูนเพื่อรับจัดการเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน
เพราะธุรกิจที่ถูกกวาดล้างเหล่านั้นคือธุรกิจที่ท่านหลินมอบให้พวกเขาดูแล
หลินอิ่งหมดสติไม่รู้สึกตัว และผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างพวกเขาจะปล่อยไว้ไม่สนใจไม่ได้
มิฉะนั้น เมื่อท่านหลินฟื้นแล้วพวกเขาจะเผชิญหน้ากับท่านหลินอย่างไร
ด้านจางฉีโม่ที่เพิ่งเสร็จสิ้นจากการโทร
รอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามปรากฏบนใบหน้าของไอ้เฉียน และกล่าวถากถางว่า “เกิดอะไรขึ้น? จะโทรเรียกคนมาจัดการผมหรือ?
“น่าตลกจริง ๆ จะมาเสแสร้งที่นี่ทำไม? แม้แต่สามีตนเองก็ถูกคนทำร้ายจนมีสภาพเช่นนี้ แต่ก็ยังมาเสแสร้งทำเป็นว่ามีตนเองมีอำนาจต่อหน้าผมอีก?”
ไอ้เฉียนกล่าวด้วยความเหยียดหยาม
ในสายตาของเขา พฤติกรรมการโทรของจางฉีโม่นั้นช่างน่าขำจริง ๆ
แม้แต่หลินอิ่งก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอนาถ จากการถูกทำร้ายจนกลายเป็นเจ้าชายนิทรา
ยังคงเสแสร้งทำเป็นว่าตนเองมีเส้นสายอีก? จะข่มขู่ใครหรือ?
“เอาล่ะ โทรหาคนของคุณมาเลย ผมจะคอยดูว่า คนที่คุณโทรเรียกมาจะร้ายกาจสักแค่ไหน ผมรู้จักผู้คนในอำเภอเจียงเยว่ไม่น้อย ผมจะคอยดูว่าคุณรู้จักใครบ้าง” ไอ้เฉียนกล่าวอย่างไม่แยแส
หลังจากนั้น ไอ้เฉียนก็นั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ด้านนอกของห้องพักผู้ป่วยด้วยท่าทางที่หยิ่งผยอง
“ฮ่า ๆ เสแสร้งได้เก่งจริง ๆ แล้วยังโทรศัพท์เรียกคนมาอีก? คิดจะมารังแกครอบครัวเราและคิดว่าพวกเราไม่มีเส้นสายในอำเภอเจียงเยว่หรือ?” ลู่ฉ่ายเชียกล่าวเยาะเย้ย “ไอ้เฉียน คุณก็โทรเรียกเพื่อนคุณมาสองสามคน ฉันจะคอยดูว่า ครอบครัวของพวกคุณมีเส้นสายใหญ่แค่ไหนในอำเภอเจียงเยว่ ยังจะมาเสแสร้งอีก?”
“ฉันแค่อยากให้พวกคุณไปจากที่นี่ เพราะคุณกำลังสร้างปัญหาอยู่ที่นี่อย่างไม่มีเหตุผล” จางฉีโม่กล่าวด้วยความโมโห
กริ้ง ๆ
ขณะนี้ โทรศัพท์มือถือของจางฉีโม่ดังขึ้น
เป็นหมายเลขท้องถิ่นที่ไม่คุ้นเคย
“สวัสดีค่ะ คุณคือ?” จางฉีโม่ถามด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
“สวัสดีครับ คุณนายหลิน ผมชื่อเซเหวินเชิงเป็นลูกน้องของท่านเสิ่นซาน” เสียงที่นอบน้อมของผู้ชายดังออกมาจากโทรศัพท์
“คุณนายหลิน ตอนนี้มาผมมาถึงโรงพยาบาลที่หนึ่งอำเภอแล้ว ไม่รู้ว่าคุณอยู่ที่ชั้นไหน คุณต้องการให้ผมทำอะไร?”
“อยู่บนทางเดินของชั้นแปด” จางฉีโม่กล่าว
“โอเค คุณรอสักครู่ ผมจะขึ้นลิฟต์ไปทันที”
หนึ่งนาทีต่อมา
เสียงติ๊ด ประตูลิฟต์ของโรงพยาบาลเปิดออก
มีชายหนุ่มหน้าดุร้ายหลายคนที่สวมชุดสูทเดินออกมาจากลิฟต์ คนที่เป็นผู้นำสวมชุดสูททำงานที่เป็นทางการ และสวมแว่น ดูสง่าเป็นอย่างมาก แต่แววตากลับดุดัน ดูแล้วไม่เหมือนมาดี
“ห๊ะ? นี่ นี่คือ? ประธานเซ?”
ทันทีที่พวกเขาเห็นคนออกจากลิฟต์ ไอ้เฉียนและภรรยาก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว สีหน้าของพวกเขาแสดงถึงความประหลาดใจ
ชายชุดสูทสวมแว่นเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในอำเภอเจียงเยว่ ชื่อเซเหวินเชิงที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มธุรกิจมืดและกลุ่มธุรกิจปกติ
บุคคลนี้ เป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดของอำเภอเจียงเยว่ที่ทุกคนรู้จักกันดี ว่ากันว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาในเมืองชิงหยูนซึ่งเป็นเมืองเอก
“สวัสดีครับ คุณนายหลิน ผมเซเหวินเชิง ท่านเสิ่นซานเป็นคนให้ผมมาที่นี่ครับ คุณมีอะไร โปรดสั่งมาได้เลยครับ”
เซเหวินเชิงเดินไปอยู่ตรงหน้าจางฉีโม่ โค้งตัวและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อม
เมื่อเห็นภาพนี้ สีหน้าของไอ้เฉียนและลู่ฉ่ายเชียซีดเผือด สายตามองไปที่จางฉีโม่ด้วยความตกใจ
พวกเขาไม่คาดคิดว่า จางฉีโม่แค่โทรศัพท์กริ้งเดียว ก็สามารถเรียกเจ้าพ่ออย่างเซเหวินเชิงมาคอยรับคำสั่งได้?