ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 676 จะสอนนายให้
หลินชิงเย่ไม่เข้าใจ ว่าหลินอิ่งไปเอาความกล้านี้มาจากไหน หรือว่าเขาจะไม่รู้ว่าสถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้นั้นยากลำบากงั้นเหรอ?
ทั้งตี้จิง รวมไปถึงเมืองชิงหยูน กำลังคนและรากฐานของหลินอิ่งได้ถูกตระกูลหลินควบคุมไว้ทั้งหมดแล้ว
กำลังที่หลินอิ่งสามารถระดมได้นั้น ก็มีแค่ที่ฝั่งเมืองก่างมีคนต่างชาติคอยดูแลหลินซื่อกรุ๊ปที่นั้น
แล้วก็มีนิ่งซวนที่ดูแลเมืองเทคโนโลยีเทียนหลงอยู่ที่ตี้จิง
กำลังเล็กน้อยแค่นี้ จะมาสู้กับตระกูลหลินแห่งลังยาที่ยิ่งใหญ่ได้ยังไง?
ส่วนตัวของหลินอิ่ง ถึงแม้จะมีศิลปะการต่อสู้ระดับที่แข็งแกร่งดีเยี่ยม แต่เมื่อเทียบกับตระกูลหลินแล้ว เทียบกันไม่ได้ราวฟ้ากับเหวจริงๆ
“หลินอิ่ง นายประเมินตัวเองสูงไปมั้ย? คิดว่าตัวเองสูงส่งกว่าคนอื่นในโลกงั้นจริงๆ และไม่มีใครทำอะไรได้งั้นสิ?” หลินชิงเย่หัวเราะอย่างเย็นชา “เรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว นายยังไม่รู้ถึงความแตกต่างของตัวเองกับตระกูลหลินแห่งลังยาอีกเหรอ?”
“บริษัททั้งหมดของนายในตี้จิง รากฐานของนายทั้งหมดในเมืองชิงหยูน รวมไปถึงลูกน้องของนาย ทั้งหมดถูกคนของฉันควบคุมไว้หมดแล้ว” หลินชิงเย่พูดอย่างเย็นชา “นายยังไม่รู้สึกตัวอีกเหรอ ว่าที่จริงแล้วใช้เป็นคนคุมเกม?”
“ยังจะมาพวกเย่อหยิ่งกับฉันตรงนี้?” หลินชิงเย่พูดด้วยน้ำเสียงข่มขู่ “ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าแม่เฒ่าสั่งมาว่าให้ไว้ชีวิตนาย ตอนนี้ฉันจะฆ่านายซะ!”
“ฆ่าฉัน?” หลินอิ่งส่ายหัว มุมปากยกยิ้มอย่างเย็นชา
“หลินชิงเย่ ฉันจะยืนอยู่ตรงนี้ นายกล้าฆ่าฉันมั้ย?”
หลินอิ่งพูดอย่างสบายๆ และมองหลินชิงเย่อย่างนิ่งๆ
“ห้ะ?”
หลินชิงเย่รูม่านตาหดลง พลางมองหลินอิ่งที่มีท่าทีไร้ซึ่งความกลัว
ขณะเดียวกับที่ในใจของเขาโมโห ก็มีความรู้สึกที่น่ากลัวแปลกๆ
ในทางกลับกันท่าทีที่ดูสงบของหลินอิ่ง มันไปกระตุ้นความระมัดระวังตัวในใจเขาอย่างมาก
เรื่องแรก เขาตรวจสอบเรื่องความสามารถในการต่อสู้ของหลินอิ่ง มันก็จริงที่เขามีฝีมือดีสุดๆ
ลูกน้องของหลินอิ่ง ก็ได้ถูกจัดการอย่างเรียบร้อย
แม้กระทั่ง ก่อนที่หลินอิ่งจะซ่อนตัว ทำให้หลินชิงเย่ดูแคลนในใจ รู้สึกว่าหลินอิ่งก็แค่ คนขี้กลัวคนหนึ่งเท่านั้น
หลินชิงเย่วิ่งไปครึ่งประเทศหลุง ไล่ตามฆ่าหลินอิ่งไปทั่ว
ด้วยเหตุนี้ที่จัดการกวาดล้างอิทธิพลของหลินอิ่ง ก็เพื่อบีบบังคับให้หลินอิ่งโผล่ออกมา
แต่เมื่อหลินอิ่งปรากฏตัวออกมาจริงๆ กลับกันเป็นเขาที่กลัวไปก่อน……
ความรู้สึกแบบนี้ทำให้หลินชิงเย่รู้สึกไม่พอใจ รัศมีของเขากลับถูกหลินอิ่งเกทับเฉยเลย?
“นายคิดจริงๆ เหรอว่าฉันไม่กล้าฆ่านาย?” หลินชิงเย่พูดเสียงเย็นชา “ถึงแม้แม่เฒ่าจะมีคำสั่งให้เก็บชีวิตนายไว้ แต่ฉันก็สามารถทำให้นายเดี้ยงได้!”
“งั้นนายลองลงมือดูสิ” หลินอิ่งพูดอย่างนิ่งๆ “ให้ตระกูลหลินเอาคนที่สามารถคุยได้มา นายยังไม่มีค่าพอที่จะคุยกับฉัน”
แค่คำพูดไม่กี่คำ หลินอิ่งก็ได้ข้อสรุป เกี่ยวกับหลินชิงเย่แล้ว
เขาคือชายหนุ่มฝีมือดี แต่ก็เป็นแค่หมากตัวนึง ตัดสินใจเรื่องในตระกูลหลินไม่ได้
แค่ลูกน้องที่ทำงานบ้าระห่ำเท่านั้น
คนที่คอยบงการอยู่เบื้องหลังจริงๆ ยังมีคนอื่น
ในใจของหลินอิ่งคาดเดาถึงคนในตระกูลหลินแห่งลังยาทุกคน
แม่เฒ่าตระกูลหลินต้องการเรียกตนกลับไปที่ตระกูล ในนั้นต้องมีคนขัดขวางแน่ๆ
ฉวยโอกาสที่ตนไม่อยู่ ควบคุมอิทธิพลในตี้จิงก็ดี กวาดล้างเมืองตุงไห่ก็ดี ทั้งหมดล้วนแต่เป็นการหยั่งเชิงอย่างหนึ่งของตระกูลหลิน
“หลินอิ่ง นายปากดีนักนะ ช่างบ้าบอไร้ขอบเขตจริงๆ !” หลินชิงเย่พูดอย่างโมโห
คำพูดของหลินอิ่ง แทงใจดำเขา ขณะที่เขาโมโห ก็ทำให้เขารู้สึกอัปยศ
ใช่แล้ว เขาไม่กล้าฆ่าหลินอิ่ง……
ท่าทีที่แม่เฒ่ามีต่อหลินอิ่ง ก็คืออยากให้หลินอิ่งกลับตระกูลหลิน และเห็นความสำคัญของหลินอิ่งมากๆ
และพอดีกับที่แม่เฒ่านั้นให้ความสำคัญ จึงไปกระตุ้นความไม่พอใจของฝ่ายอื่นในตระกูลหลิน และคิดที่จะตัดไม้ข่มหนาม
แต่หลินอิ่ง แค่แว๊บเดียวก็มองออก แถมยังคิดว่าต้องพึ่งพา วางมาดได้
มันทำให้หลินชิงเย่รู้สึกว่าถูกคนมองออก ในใจรู้สึกกดดันไม่น้อย
เขาไม่รู้ว่า เผชิญหน้ากับหลินอิ่ง มีความรู้สึกเหมือนต้องเผชิญหน้ากับผู้นำตระกูลหลิน
รู้สึกว่ารัศมีถูกกดไปอย่างสมบูรณ์
เมื่อก่อน ในสายตาของหลินชิงเย่ หลินอิ่งอย่างมากก็เป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จทางโลกเท่านั้น
เพิ่งจะมีค่าพอที่จะเข้าธรณีประตูตระกูลหลิน
แต่วันนี้เห็นที่ หลินอิ่งดูเหมือนจะเข้าใจยาก ผู้ชายคนนี้มีท่าทีที่น่าตกใจและลึกลับ
เรื่องท่าที ที่ลึกซึ้งและเข้าใจยาก มันปลอมออกมาได้ โดยไม่มีอะไรเลย
มันต้องเป็นการเผชิญหน้าที่ไม่ธรรมดา ถึงจะสามารถขัดเกลากันได้
“ฉันจะดูนายหน่อย ว่านายแน่แค่ไหน ถึงได้กล้าสามหาวเช่นนี้!”
ดวงตาของหลินชิงเย่มีความเย็นชาแว๊บขึ้นมา และทันใดนั้นก็ลงมือทันที
เสียงดังปัง เขาพุ่งตัวออกมาจากตรงนั้นราวกับยิงลูกธนู และพุ่งตัวเข้าใส่หลินอิ่งทันที เขายกมือขึ้นไปในอากาศ ลมแปรปรวน จนเกิดเสียงหวิว
“บังอาจ!”
เพียงชั่วสายฟ้าแลบ กู่ชางไห่ก็พุ่งมาจากด้านข้างตัวหลินอิ่งอย่างรวดเร็ว
กู่ชางไห่ยกมือขึ้นไปบนอากาศ อยู่บนอากาศกับมือของหลินชิงเย่
เสียงดังปึ้ก ลมพัดผ่าน
วินาทีต่อมา เงาร่างสองทั้งสองคนก็กระทบและถอยห่างกัน ออกมาช่วงนึง
“อืม?”
หลินชิงเย่ถูกตีจนถอยกลับไปที่เดิม ขมวดคิ้ว และมองกู่ชางไห่อย่างเย็นชา รอยยิ้มดูแคลนปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
“คนที่เพิ่งจะก้าวเข้ามาในการจัดอันดับ ยังจะกล้ามาเผชิญหน้ากับฉัน?” หลินชิงเย่พูดอย่างโอ้อวด ระหว่างที่พูด ก็ไม่ได้สนใจกู่ชางไห่
เพียงฝ่ามือนึง กู่ชางไห่ก็ถูกตีจนถอยกลับไปอยู่ข้างหลังหลินอิ่ง ร่างเซไปเซมา แล้วหายใจหอบ เห็นได้ชัดว่ารับมือกับฝ่ามือนี้ไม่ไหว
เขามองไปทางหลินชิงราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรู บนหน้าผากเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ
หลังจากปะทะกัน ความสามารถของทั้งสองฝ่ายก็เห็นได้แล้ว
“ทำไม? หลินอิ่ง นี่คือความสามารถที่นายมาท้าทายฉัน?” หลินชิงเย่ยิ้มอย่างเย็นชา
“ไม่มีลูกน้องแล้วเหรอ? ถึงได้ให้ตาเฒ่าที่ฝีมือใช้ไม่ได้มาสู้กับฉัน?”
“ไอ้แก่อย่างนาย ฉันใช้มือข้างเดียว นายก็สู้ฉันไม่ได้”
หลินชิงเย่ยิ้มเยาะ ท่าทีดูโอ้อวดพลางพูดดูถูกกู่ชางไห่
กู่ชางไห่ทำหน้าเข้มสุดๆ ใบหน้าแก่ๆ ก็แดงก่ำขึ้น
เป็นเรื่องจริงที่เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินชิงเย่
ยอดฝีมือระดับเดียวกัน ก็มีแบ่งสูงต่ำ
หลินชิงเย่อยู่ในอันดับต้นๆ ของระดับ อยู่ในระดับชั้นกลางเบนไปทางสูง เมื่อเทียบกับเย่เฮยและหวงชิงซาน อาจจะแข็งแกร่งกว่าขั้น
ส่วนกู่ชางไห่ ก็แค่เพิ่งจะอยู่ในอันดับขั้น ไม่เพียงพอที่จะล้มตำแหน่งได้จริงๆ
“หลินอิ่ง ฉันว่านายลงมือเองเถอะ ฉันล่ะอยากจะเห็นฝีมือของนายจริงๆ คงจะไม่ใช่แค่จะทำให้ฉันตกใจเท่านั้นสินะ?” หลินชิงเย่พูดจากวนๆ
หลินอิ่งพูดเสียงเย็นชา ว่า: “สู้กับฉัน นายยังไม่คู่ควร”
“ฮ่าๆๆ !” หลินชิงเย่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง นัยน์ตาแสดงความโหดเหี้ยม “หลินอิ่ง นายกลัวเหรอ? ถึงได้หดหัว?”
“ฉันคิดว่านายจะมีความสามารถขนาดไหน ที่แท้ก็แค่โอ้อวด ไม่กล้าขยับสักนิด”
“ถ้ากลัวแล้ว ก็คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้ แล้วขออภัยโทษ กับผู้ใหญ่ตระกูลหลินสองท่านที่นายทำร้ายไป!”
“กลัว?” หลินอิ่งส่ายหน้า แล้วมองไปทางกู่ชางไห่ “นายเข้าไปสู้กับเขา”
“เหอะๆ นายไม่ยอมสู้เอง ถึงให้ไอ้แก่มาสู้กับฉัน?” หลินชิงเย่ชะงักอยู่ครู่ หลังจากนั้นก็ยิ้มอย่างดูถูก “นายกลัวแล้วจริงๆ สินะ!ฮ่าๆๆ !”
กู่ชางไห่สีหน้าเลิ่กลั่ก นัยน์ตาซับซ้อน ก็ไม่ค่อยเข้าใจเจตนาของแม่เฒ่า
“ผู้อาวุโส ข้าเกรงว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ จะทำให้ผู้อาวุโสขายหน้า……” กู่ชางไห่พูดเสียงเบา พลางทำสีหน้ารู้สึกผิดเล็กน้อย
“ฉันจะสอนนายให้ รับมือกับหลินชิงเย่ ไม่ใช่ปัญหา” หลินอิ่งพูดอย่างนิ่งๆ