ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 679 หัวใจที่แหลกสลาย
“บุตรแห่งสวรรค์อย่างคุณชายเก้า ทำไมถึงพ่ายแพ้ให้กับชายแก่นิรนามนั้นได้?” ไอ้สี่พูดกระซิบกับตัวเอง ตอนนี้ทั้งสงสัยและตกใจ
เขาจ้องมองหลินอิ่ง ดูเหมือนจะรู้เงื่อนงำบางอย่างบนตัวหลินอิ่ง
ยิ่งมองยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ ยิ่งรับรู้ความรู้สึกลึก ๆ เกินคาดเดาของหลินอิ่งได้
“แกรอดูไปก่อนเถอะ ไอ้สี่ วันนี้คุณชายเก้าประสบกับความลำบากครั้งใหญ่ แกต้องจดจำให้ดี มองศึกครั้งนี้ให้ทะลุ” ผู้อาวุโสฉินกล่าวไว้เป็นบทเรียนว่า “นี่คือบทเรียนที่คุณชายเก้าต้องจ่ายด้วยความขมขื่นเพื่อแลกมันมา ประสบการณ์อันล้ำค่านี้ ไม่ใช่พูดแค่สองสามคำแล้วจะได้มันมา แกซึมซับมันให้ดีๆแล้วกัน”
เมื่อได้ฟังผู้อาวุโสฉินพูดอย่างหนักใจ ในใจของไอ้สี่ยิ่งตกใจมากกว่า แสดงถึงความลังเล
คุณชายเก้าและหลินชิงเย่ พวกเขาเป็นผู้มีฝีมือติด1 ใน 5 ของตระกูลหลินและมีชื่อเสียงมากทั้งยังอยู่ในอันดับต้น ๆ ของวงการนี้
ในอันดับต้น ๆ คุณชายเก้าและหลินชิงเย่ไอดอลและบุคคลต้นแบบให้กับคนในตระกูลหลินมากมาย
ช่างเป็นหนุ่มสาวที่มีความสามารถ จะมาแพ้ให้กับชายชราที่บูโดต่ำกว่าจริง ๆ หรือ?
อย่างไรก็ตาม ไอ้สี่ไม่กล้าสงสัยคำพูดของผู้อาวุโสฉินต่อหน้า
ผู้อาวุโสฉิน เป็นสมาชิกคณะกรรมการผู้อาวุโสของตระกูลหลิน ซึ่งเป็นผู้อาวุโสที่มีอำนาจในการตัดสินใจสูงของตระกูลหลินแห่งลังยา และเขายังถือพลังแห่งชีวิตและความตายไว้ในมือ
ในตระกูลหลิน ผู้อาวุโสฉินแม้จะเป็นคนนอก แต่เขาเป็นทหารผ่านศึกเก่าของบรรพบุรุษในตระกูลหลิน ทั้งสถานะของเขานั้นสูงกว่าคนในตระกูลหลินหลายชั่วอายุคน
และผู้อาวุโสฉินเอง มีบูโดการต่อสู้ที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ ทั้งยังได้ยินมาว่าอยู่ในระดับต้นๆของยอดฝีมือ
คราวนี้มาจับกุมหลินอิ่ง
ผู้อาวุโสฉินเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจอย่างแท้จริงแทนคนเหล่านั้นได้ เมื่อเทียบกับหลินชิงเย่แล้ว ยังมีคุณลุงหลินสวนถูที่อยู่ในตี้จิง ยิ่งมีอำนาจในการพูดมากกว่า
ตอนนี้สมาชิกคณะกรรมการผู้อาวุโสของตระกูลหลินมีคำสั่งจากแม่เฒ่าให้ลงมาที่ภูเขา!
“แต่…. แต่ว่า คุณชายเก้า ผมไม่มีทางเชื่อ ว่าคุณชายเก้าจะแพ้ให้กับชายชราคนนี้ ก็เพราะว่าหลินอิงเคยสอยกลอุบายต่าง ๆ ให้กับชายชราเช่นนี้ มันบ้าไปแล้ว” ไอ้สี่พูดอย่างเคร่งขรึมแต่ก็ยังไม่เชื่อ
“เฮ่อ” ผู้อาวุโสฉินพยักหน้าพลางยิ้มแย้ม “หนุ่มสาวเนี่ย ต้องโดนทุบหัวให้เลือดออกก่อน ถึงจะเข้าใจความจริงสินะ”
“งั้น แกก็เห็นชัดแล้วนะ วันนี้เป็นวันหายนะสำหรับคุณชายเก้า ถ้าเขาสามารถผ่านมันไปได้ เขาจะบรรลุขีดความสามารถ แต่หากเขาไม่สามารถรับมือได้ อนาคตของศิลปะการต่อสู้ก็อาจจะพังทลาย ”
“อะไรนะ?”
“ผู้อาวุโสฉิน ที่แท้ท่านมองออกถึงอันตรายอันใหญ่หลวงของคุณชายเก้า ทำไมถึงไม่รีบช่วยก่อน?”
“นั้นนะสิ ผู้อาวุโสฉิน เราควรเข้าไปช่วยไหม?”
ในขณะนี้ หนุ่มสาวผู้มีฝีมือสูงทรงรอบตัวผู้อาวุโสฉิน สีหน้าต่างดูไม่จืด กังวลอันตรายและความปลอดภัยของหลินชิงเย่
ผู้อาวุโสฉินพยักหน้า เย็นชาพูดว่า: “ใครก็ห้ามเข้าไปช่วย!”
“คุณชายเก้าหลินชิงเย่เป็นคนที่หยิ่งในตัวเอง หากคนอย่างพวกแกลงไปช่วยละก็ มีแต่จะทำเขาอารมณ์เสีย” ผู้อาวุโสฉินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ว่า “นี่เป็นการต่อสู้ซื่อสัตย์ ยิ่งกว่านั้นยังต้องรับมือพลังปราณของชายชราที่อ่อนแอกว่า”
“ถ้าแกอยากจะไปอีก มันจะไม่ทำให้คนหัวเราะเยาะครอบครัวหลินของเราเหรอ? ยังอยากให้คุณชายเก้ามีไว้หน้าอยู่ไหม?”
“นอกจากนี้ นี้ไม่ใช่การไล่ตามศัตรูและเราต้องไม่ทำอะไรเลย จุดประสงค์ของพวกแม่เฒ่าคือเจรจากับหลินอิ่งเพื่อพาลูกชายคนนี้กลับบ้าน”
“หากมองไปในอนาคต ถ้าวันนี้พวกแกทั้งหลายลงมือช่วยคุณชายเก้า วันข้างหน้า แกไม่ต้องกลัวว่าวันหลังหลินอิ่งจะกลับมาตระกูลหลินหลังฤดูใบไม้ร่วงเพื่อคิดบัญชี…”
ขณะพูด ดวงตาของผู้อาวุโสฉินเหลือบมองทุกคนซึ่งเติมเต็มไปด้วยแสงแห่งปัญญา
เมื่อมองไปยังเด็ก ๆ ตระกูลหลิน ทุกคนต่างตระหนักได้ในทันใด ทำให้สีหน้าทุกคนนั้นแสดงออกถึงความหวาดกลัว
ใช่แล้ว ผู้อาวุโสฉินได้พูดเจตจำนงอันลึกซึ้งจบในประโยคเดียว
ทุกคนจึงไม่มีใครพูดต่อ
ในอีกด้านหนึ่ง การต่อสู้ระหว่างหลินชิงเย่กับกู่ชางไห่ถึงขั้นร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ
หลินชิงเย่เส้นเลือดขึ้นหน้า กู่ชางไห่ทำให้เธอหมดความอดทนและหัวร้อนจนปะทุออกมา
“ไอผู้เฒ่าตายแกรนหาที่ตาย!”
ทันใดนั้น หลินชิงเย่ตะโกนเสียงออกมาดังลั่น เมื่อไล่ลาถึงหน้าต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เธอได้สะบัดแขนเสื้อขึ้น ใบไม้ก็สะบัดออก
เขาเอื้อมมือออกไปอย่างว่องไวดั่งสายฟ้า ขว้างใบไม้ออกไปหลายสิบใบ เหมือนกับอาวุธที่เงียบและคมกริบบินผ่าตัดอากาศเพื่อสังหาร
พลังนี้ แสดงว่าสามารถเข้าจิตวิญญาณของพลังปราณพิฆาต บังคับใบไม่ได้ดังใจ สามารถฆ่าคนได้ภายในหนึ่งร้อยก้าว!
กู่ชางไห่พลิกตัวกระโดดถอยหลังอย่างรวดเร็ว
ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง!
ใบแล้วใบเหล่าที่ไล่ลา เหมือนมีดบินกรีดที่อยู่บนพื้นคอนกรีตเสียงคมชัด พื้นดินถึงขั้นแตกเป็นเสี่ยงๆ ช่างเป็นพลังนั้นน่ากลัวยิ่งนัก
กู่ชางไห่หลับหลีกใบไม้ที่จะคร่าชีวิตอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ไม่รอด ใบไม้สองสามใบได้ฉีกเสื้อขาดเป็นแนวยาวพร้อมรอยบาดแผลรอยฉีกลึกบนผิวหนังของเขา
เลือดค่อยๆหยอดลงจากกลางอากาศสู่พื้นดิน
ร่างกู่ชางไห่ได้หยุดอยู่กับที่ ด้วยใบหน้าที่ดูสง่างาม
“ฮิฮิ ของเล่นเก่า ๆ พันนั้น ครั้งหน้าคงไม่เอามาเล่นใช่ไหม? ฉันอยากรู้ว่าเธอจะเดินไปทางไหนต่อ?” หลินชิงเย่ยิ้มอย่างมีชัย ดวงตาของเธอร้อนแรงพวยพุ่งขึ้นด้วยโทสะ
เขาใช้โอกาสนี้ ยกมือขึ้นตบฝ่ามือจนเกิดคลื่นเสียงฟ้าร้องดังสนั่น ลมกระโชกแรง กำลังจะตบกู่ชางไห่ให้ตาย
ในช่วงเวลาวิกฤติ กู่ชางไห่ไม่ทันได้มีเวลาตั้งตัวหลบเลี่ยงในครั้งนี้
แสงสว่างที่แหลมคมแวบวาบในดวงตาเก่าของเขา
บูม!
ทันใดนั้น พลังของคุณกู่มีเพิ่มขึ้นอย่างล้นหลาม ลมพัดแรงรอบตัวเขาอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายของเขาถูกฝ่ามือหลินชิงเย่
ด้วยฝ่ามือนี้ เกิดลมก็พัดเสียงดังลั่นและฟ้าร้องดังกึกกล้อง
เกิดคลื่นลม ณ จุดนั้น พื้นดินแตกแยกออกเป็นเสี่ยงๆ พื้นที่บริเวณนั้นปกคลุมไปด้วยฝุ่นควันที่หนาทึบ
“เอ่อ!”
หลินชิงเย่กรีดร้องด้วยความสยดสยอง เหมือนดั่งคนที่คล้ายลูกบอลที่เหี่ยวแฟบ ถูกตีไกลออกไปหลายสิบเมตร ล้มทับผนังปูนโรงพยาบาลอย่างหนัก ทำให้กำลังทับร่างลงไปกับพื้น
ทั้งหน้าของกู่ชางไห่ถึงแดงขึ้น หายใจถี่ขึ้น ดูเหมือนใช้พลังไปทั้งหมดแล้ว
“เป็นไปได้ยังไง! เธอมีพลังพลังระเบิดออกภายในออกมาได้อย่างไร…ไอ…ไอ…”
หลินชิงเย่มองไปที่กู่ชางไห่ด้วยความโกรธ เขาพูดกับตัวเองด้วยท่าทางตกใจ เมื่อกำลังจะพูด ก็ได้ไออย่างรุนแรงขึ้นมาอีกครั้ง
ณ ขณะนี้มีรอยฝ่ามือบนหน้าอกของเขา พลังภายในลึกลับหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกาย และทุกคนตกอยู่ในความโกลาหล พลังในร่างวิ่งวุ่นไปทั่ว เหมือนวงจรไฟฟ้าที่ถูกตัดขาด ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย
หลินชิงเย่เข้าใจชัดเจน เข้าถูกกู่ชางไห่จับตัวและได้รับความเสียหายมากมาย เขาเกือบถูกกำจัดภายในครั้งเดียว
มันคือความจริงที่มิอาจยอมรับได้
เขาแพ้แล้ว!
“หลินชิงเย่ เธอแพ้ คุกเข่าซะ!”
“ไม่! ไม่! ฉันยังไม่แพ้ ฉันจะแพ้ได้ยังไง!”
หลินชิงเย่คร่ำครวญอย่างบ้าคลั่งโดยไม่เต็มใจยอมรับความจริงนี้
เขาไม่ยอมคุกเข่าก้มหัวให้กับหลินอิ่ง!
“ฮึ!”
กู่ชางไห่ถอนหายใจอย่างเย็นชา เพ่งมองไปด้วยสายตาอาฆาตและให้เจ็บปวดเหมือนซ้ำเติมคนที่ผ่านความลำบากยากเข็ญ และใช้ประโยชน์จากสถานการณ์เพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ของหลินชิงเย่
“แก! แกกล้าทำเช่นนี้หรือ!”
หลินชิงเย่สีหน้ากระวนกระวาย และดุดันความสยองขวัญ
“ลืมมันไปซะ” หลินอิ่งพูดเบา ๆ ว่า “ไว้ชีวิตเขาเถอะ”
“คนแบบนี้ไม่ได้มีภัยกับเรา เก็บเขาไว้ก็ไม่เสียหาย”
เมื่อได้ยินคำสั่งของหลินอิ่ง ต่อหน้าหลินชิงเย่แล้ว กู่ชางไห่ยกมือขึ้น มองไปที่หลินชิงเย่ด้วยความรังเกียจ ได้รับเคล็ดลับแล้ว
ใบหน้าของหลินชิงเย่แดงก่ำเมื่อได้ยินคำเหยียดหยามหลินอิ่ง และรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่แห้งในลำคอของเขา
“หลินอิ่ง แก แกทำให้ฉันทนไม่ไว้แล้ว! แกมันดูถูกมากเกินไปแล้ว อ๊ะๆๆๆ! ฉันยอมไม่ได้!”
หลินชิงเย่บันดาลโทสะอย่างบ้าคลั่ง
ผูดด! เลือดพุ่งกระฉูดเต็มปาก
กู่ชางไห่ไม่บ้วนเลือดออกมา แต่ด้วยคำพูดของหลินอิ่ง ทำให้เขาอาเจียนเลือดพุ่งทันที
ณ ตอนนี้หลินชิงเย่ไม่เพียงแต่แพ้เท่านั้น แม้กระทั่งอารมณ์ของบูโดการต่อสู้ก็พังทลาย