ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 682 ปรับธุรกิจใหม่
เมื่อเห็นภาพหลินชิงเย่คุกเข่าโขกศีรษะให้หลินอิ่งอย่างเด็ดเดี่ยว
ผู้อาวุโสฉินหน้าถอดสีเล็กน้อย สายตาแฝงไปด้วยความซับซ้อน มีทั้งการชมเชยและตกตะลึง
ที่ชมเชยคือหลินชิงเย่ปล่อยวาง ยอมคุกเข่าโขกศีรษะให้หลินอิ่ง ทำอย่างชาญฉลาด
ส่วนที่ตกตะลึงคือ หลินอิ่งเป็นคุณชายตระกูลหลินที่เร่ร่อนอยู่ด้านนอก แต่ทำให้หลินชิงเย่ บุคคลผู้โดดเด่นของตระกูลหลิน ก้มหัวให้อย่างเชื่อฟัง
อุบายนี้น่าตกใจจริงๆ
“หลินอิ่ง วันนี้ผมด้อยกว่าคุณ ผมยอมรับความพ่ายแพ้ และคุกเข่าให้ด้วยความเต็มใจ!”หลินชิงเย่คุกเข่าลงกับพื้นเก็บสีหน้าพลางพูด อย่างกับละความละอายไปแล้ว
“ก่อนหน้านี้ ผมเก็บกวาดกิจการของคุณที่ตี้จิง จับลูกน้องของคุณ พวกนี้ล้วนเป็นความผิดของผม เป็นการอวดดี ผมไม่ได้แตะต้องคนของคุณแม้แต่น้อย วันข้างหน้าผมก็จะไม่ทำสงครามกับคุณ”
“แต่ว่าหลังจากผมผ่านการฝึกฝนอย่างหนักแล้ว ผมจะมาท้าสู้กับคุณสักครั้งแน่นอน!”
หลินชิงเย่พูดเสียงหนักแน่น เหมือนได้ตัดสินใจครั้งใหญ่ไปแล้ว
หลินอิ่งยิ้มบางๆ แล้วพูด:”เห็นว่าคุณยังเด็กและโง่เขลา ผมจะไม่อะไรกับความผิดของคุณ การคุกเข่าครั้งนี้ถือว่าเป็นการรับโทษของคุณ”
“เพียงแต่ว่าหากคุณอยากท้าสู้กับผม ฝึกหนักไปอีกสักร้อยปีเถอะ”
ได้ยินเช่นนั้น หลินชิงเย่หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย พลางไตร่ตรองอะไรบางอย่าง
คำพูดของหลินอิ่งนั้นสูงส่ง ราวกับผู้ที่อาวุโสกว่ากำลังชี้แนะรุ่นน้อง
ทว่าในใจของหลินชิงเย่ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกอับอายเลย
เพราะจิตใจเขาเปลี่ยนไปแล้ว
ภายในใจเขา หลินอิ่งไม่ใช่คนไม่สำคัญที่เขาจะดูถูกได้อีกต่อไป แต่เป็นคนที่จิตวิญญาณสูง ลึกซึ้งจนคาดเดาไม่ถูก เป็นผู้แข็งแกร่งคนหนึ่ง
ได้เผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่ง หลินชิงเย่เลื่อมใสอย่างสุดซึ้ง
“ทักษะบูโดของผมสู้คุณไม่ได้ แต่ชีวิตนี้หากไม่ได้ท้าสู้กับคุณสักครั้ง ผมคงแพ้อย่างไม่ยินดี!”หลินชิงเย่พูดอย่างหนักแน่น”รอผมฝึกฝนอย่างหนักก่อน แล้วค่อยมาขอคำชี้แนะ!”
“ผมรู้ดีว่ายอดฝีมือไม่ประลองกับใครง่ายๆ ”
“ถ้าผมแพ้ให้คุณอีก ผมจะเป็นข้ารับใช้ให้ด้วยความเต็มใจ เรียกใช้ได้เลย!”
หลินชิงเย่พูดอย่างเด็ดเดี่ยว มีสีของความมุ่งมั่นในดวงตา
หลินอิ่งมองหลินชิงเย่ ไม่พูดอะไร
หลินชิงเย่ถือได้ว่าเป็นคนที่ลุ่มหลงในการต่อสู้
คนประเภทนี้เชิดชูบูโด และเลื่อมใสผู้แข็งแกร่งของบูโดสุดๆ
“ผู้อาวุโสฉิน ผมจะไปฝึกและหาประสบการณ์อย่างหนักที่โลกธรรม ไม่กลับตระกูลหลินชั่วคราว เมื่อกลับตระกูลหลินขอให้คุณอธิบายให้ด้วย”
หลินชิงเย่พูดอย่างจริงจัง
จากนั้นเขาก็โค้งคำนับให้หลินอิ่งอีกครั้ง เหมือนเป็นการขอบคุณที่หลินอิ่งทำให้เขาเข้าใจอะไรบางอย่าง
จากนั้นหลินชิงเย่ก็เหาะออกไปจากตรงนี้อย่างรวดเร็ว โดยไม่เหลียวหลงกับ
ผู้อาวุโสฉินสีหน้าซับซ้อนเล็กน้อย พลางพึมพำกับตัวเอง:”คุณชายเก้า ละอายใจต่อความผิด แล้วกล้าที่จะแก้ไข อนาคตไกลแน่ๆ ”
ขณะพูดผู้อาวุโสฉินก็หันไปมองหลินอิ่ง พลางพูดอย่างปลงๆ :”คุณชายหลินอิ่ง ลูกไม้ของคุณในวันนี้ สุดยอดจริงๆ ”
“พูดแค่ไม่กี่คำก็ทำให้คนกลับเนื้อกลับตัวได้ ขนาดคนดื้อรั้นอย่างคุณชายเก้า คุณก็ทำเอาเชื่อฟังเลย ผมนับถือจริงๆ ”
สิ่งที่เขาพูดไม่ได้เสแสร้ง
วันนี้หลินอิ่งแสดงความสามารถออกมาแล้ว เป็นที่น่าตกใจเลยทีเดียว แต่ก็ยังเป็นแค่ส่วนที่เห็นเล็กเท่านั้น สิ่งที่แฝงอยู่ด้านในของคนคนนี้ช่างคาดเดาไม่ได้จริงๆ
“คุณชายหลินอิ่ง วันนี้คุณชายเก้าชิงเย่คุกเข่าโขกศีรษะให้คุณ และขอโทษคุณ พวกเรามาคุยกันเรื่องกลับตระกูลหลินได้ไหม?”ผู้อาวุโสฉินพูดออกมาอย่างจริงจัง
“ผมจะไปตระกูลหลินสักครั้ง”หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย”เรื่องนี้ไม่รีบ”
ในใจหลินอิ่งก็เคยพิจารณาเกี่ยวกับตระกูลหลินแห่งลังยา
ที่นั่นเป็นตระกูลที่แม่เกิดมา ว่ากันว่าตาและยายยังอยู่ เขาควรไปเยี่ยมเยือนสักหน่อย
แต่อย่างน้อยต้องจัดการงานตอนนี้ให้ชัดเจน
ต้องปรับปรุงกิจการในตี้จิงใหม่ก่อน
ตอนนี้อำนาจที่สามารถใช้ได้ของหลินอิ่งในแวดวงลึกลับนั้นน้อยมาก
ยังอยู่ในช่วงของการกลับมาอีกครั้ง
ตระกูลหลินแห่งลังยาต้องการพบเขา ก็แค่ต้องการใช้เขาเป็นหมากสำคัญตัวหนึ่งก็เท่านั้น
ทว่าทำไมหลินอิ่งไม่เอาตระกูลหลินแห่งลังยามาเป็นหมากซะเองล่ะ?
นอกจากฝีมือบูโดของแต่ละคน การใช้ประโยชน์และการวางหมากก็เป็นลูกไม้สำคัญ
“ฮ่าๆ ๆ !คุณชายหลินอิ่งยอมกลับตระกูลหลิน เป็นความโชคดีของแม่เฒ่าจริงๆ มีหลานแบบนี้ คนแก่อย่างเธอต้องดีใจมากแน่ๆ “ผู้อาวุโสฉินหัวเราะร่า
“คุณชายหลินอิ่ง เรื่องนี้ไม่รีบจริงๆ ”
“ผมขอพูดอะไรหน่อย คุณจัดการคุณชายเก้าชิงเย่ซะอยู่หมัด แต่คุณชายเก้ามีนิสัยบุ่มบ่าม อ่อนต่อโลก โดนคนอื่นใช้เป็นเครื่องมือก็เท่านั้น”
“ตระกูลหลินมีเสียงต่อต้านคุณอยู่มาก”
ผู้อาวุโสฉินพูดสิ่งที่ชวนให้ขบคิดออกมา
หลินอิ่งยิ้มๆ สถานการณ์แบบนี้เป็นไปอย่างที่เขาคาดเดาไว้
“คุณชายหลินอิ่ง ในตี้จิง ปู่เจ็ดของตระกูลหลิน หลินสวนถูเป็นคนนั่งบัญชาการ”ผู้อาวุโสฉินค่อยๆ พูด”เขาควบคุมกิจการของคุณอย่างแน่นหนา และยังคิดว่าจะรับเมืองเทคโนโลยีเทียนหลงของตี้จิง ให้ได้อย่างราบรื่นได้ยังไง”
“ผมสกัดกั้นคุณชายเก้าชิงเย่แทนคุณได้ แต่หลินสวนถูไม่ยอมฟังคำห้ามปรามของผม”
ผู้อาวุโสฉินมองหลินอิ่งด้วยสีหน้าจริงจังพลางพูด
“เหอะ”หลินอิ่งยิ้มเยาะ”นี่ก็เป็นบททดสอบที่แม่เฒ่าให้ผมงั้นเหรอ?”
“ฮ่าๆ ๆ !”ผู้อาวุโสฉินหัวเราะเล็กน้อย แล้วพูดอย่างชื่นชม”คุณชายหลินอิ่งฉลาดอย่างที่คิดไว้จริงๆ พูดตรงประเด็นเลย”
“ในตระกูลหลินมีคนต่อต้านคุณ แน่นอนว่าแม่เฒ่ารับรู้ ถือว่าเห็นด้วยไปโดยปริยายและนี่ก็เป็นบททดสอบต่อคุณชายหลินอิ่งด้วยเช่นกัน”
“เพราะยังไงตระกูลหลินแห่งลังยา ก็ไม่ต้องการลูกหลานที่ติดหรูอยู่สบาย”
ผู้อาวุโสฉินเผยข้อมูลออกมาสุดๆ ราวเป็นการประจบหลินอิ่ง
เมื่อเห็นว่าฉินเหิงเยว่แสดงความดีออกมาเอง หลินอิ่งจึงยิ้มบางๆ
ฉินเหิงเยว่แสดงจุดยืนชัดเจน ว่าจะละทิ้งความสัมพันธ์ส่วนใดส่วนหนึ่งออกจากตระกูลหลิน หลินอิ่งรู้ดี
สถานการณ์ภายในของตระกูลหลิน ดูท่าแล้วซับซ้อนจริงๆ
คนที่ชื่อหลินสวนถูอะไรนั่นนั่งสั่งการเองในตี้จิง ถึงขนาดผู้อาวุโสฉินยังหวาดกลัวเขา
นั่นเห็นได้ชัดว่าอำนาจของคนผู้นี้ไม่ได้ด้อยกว่าผู้อาวุโสฉิน ทั้งสองไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน
ความหมายแฝงของผู้อาวุโสฉิน ได้เปิดเผยออกมาอย่างชัดเจนแล้ว
ภายในของตระกูลหลินมีกลุ่มคนอื่นๆ กำลังพุ่งเป้ามาที่ตน และหลินสวนถูคนนั้นก็เป็นหนึ่งในตัวแทนของคนกลุ่มนั้น
“เรื่องนี้ผมจัดการได้”หลินอิ่งพูดอย่างเฉยชา
ในน้ำเสียงของเขามีความมั่นใจอันแรงกล้า
“ในเมื่อคุณชายหลินอิ่งมีความมั่นใจเช่นนี้ ผมก็ไม่ขอพูดอะไรมากความ ขอให้คุณชายหลินอิ่งราบรื่น พอกลับตระกูลหลิน ผมจะจัดงานต้อนรับคุณชาย”ผู้อาวุโสฉินพูดอย่างสุภาพสุดๆ
หลินอิ่งพยักหน้าเล็กน้อย ไม่พูดอะไรต่อ
แล้วผู้อาวุโสฉินก็โบกมือ นำกลุ่มชายในชุดราชวงศ์ถังขึ้นรถตู้สีดำคันหนึ่ง แล้วออกจากโรงพยาบาลประจำอำเภอไปอย่างรวดเร็ว
“หมดเรื่องแล้วใช่ไหมคะ?หลินอิ่ง?”จางฉีโม่พูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ไม่มีอะไรแล้ว”หลินอิ่งพูดด้วยรอยยิ้ม”ฉีโม่ อีกสองสามวันผมต้องกลับตี้จิง ครั้งนี้คุณอยู่ข้างๆ ผมด้วยนะ”