ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 683 สอดแนมเมืองเทคโนโลยีเทียนหลง
“ให้ฉันไปตี้จิงกับคุณเหรอ?”จางฉีโม่แปลกใจครู่หนึ่ง สายตาเผยการรอคอย แต่สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความกังวล
“แต่ฉันกลัวจะเป็นภาระคุณ กลายเป็นสิ่งกวนใจคุณ”จางฉีโม่พูด”อีกอย่าง หลินอิ่งคุณยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังจัดการไม่เรียบร้อย พาฉันไปด้วยจะดีเหรอ?”
หลินอิ่งยิ้มๆ แล้วพูด:”ไม่เป็นไร มีผมอยู่”
“คุณอย่าคิดให้ตัวเองดูต่ำต้อยขนาดนั้นสิ”
“ฉีโม่ คุณยังจำที่ผมเคยพูดกับคุณที่ตี้จิง ว่าผมจะสร้างจิวเวลรี่เทรดเซ็นเตอร์ระดับโลกให้คุณได้ไหม”หลินอิ่งพูดพลางยิ้ม”ที่นั่นสร้างได้เกือบเสร็จแล้ว คุณไม่อยากไปดูหน่อยเหรอ?”
“จงเทียนซิงเฉิงเหรอ?”ทันใดนั้นจางฉีโม่ก็นึกถึงภาพอันสวยงามนั้นขึ้นมาได้
หลินอิ่งเคยสร้างอาคารดวงดาวให้เธอด้วยความทุ่มเทอย่างหนัก ทำเอาตกตะลึงกันทั้งเมืองตี้จิง
“โอเค เอาตามที่คุณว่าเลย”จางฉีโม่พยักหน้าน่าเอ็นดู
“อืม”หลินอิ่งพยักหน้าเบาๆ “ก่อนกลับตี้จิงต้องไปเมืองชิงหยูนก่อน ไปจัดการเรื่องอะไรหน่อย”
ทางด้านเจียงฉีแห่งเมืองชิงหยูนและเสิ่นซาน ต้องไปจัดการหน่อย
หลินชิงเย่ยอมแพ้ด้วยความเต็มใจแล้ว ละทิ้งหน้าที่ของตัวเองแล้วออกไปฝึกฝน
ส่วนผู้อาวุโสฉินก็แสดงทัศนคติออกมา อธิบายได้ว่าเขาจะไปสั่งคนให้ปล่อยเสิ่นซานและเจียงฉี
ทางด้านตี้จิง ยังมีหลินสวนถูอะไรนั่นอีก
ต้องคุยกับนิ่งซวนก่อนว่าจะจัดการคนผู้นี้ยังไง
ขณะพูด หลินอิ่งกับจางฉีโม่ก็ขึ้นรถ กู่ชางไห่สตาร์ทรถแล้วขับไปทางทางด่วน
หลังจากหลินอิ่งออกไป
ผู้อาวุโสฉินมองรถของหลินอิ่งที่ขับออกไปจากไกลๆ ในดวงตาชรานั้นฉายความเฉียบแหลมออกมา
“เกรงว่าครั้งนี้ผู้อาวุโสสองมองผิดไปแล้ว ไม่คิดว่าจะพุ่งเป้าไปยังชายหนุ่มผู้มีพรสวรรค์และคาดเดาไม่ได้อย่างหลินอิ่ง……แม่เฒ่าต้องการเรียกเด็กคนนี้กลับ เกรงว่าตระกูลหลินต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันแน่ๆ ……”
ผู้อาวุโสฉินพึมพำกับตัวเอง สีหน้าจริงจังมาก
“ผู้อาวุโสฉิน หลินอิ่งผู้นี้เทพอย่างที่คุณว่าจริงเหรอ?ถึงขนาดผู้อาวุโสสองก็เอาเขาไม่อยู่?”ไอ้สี่ถามด้วยความสงสัย
ภายในตระกูลหลิน เรื่องผู้อาวุโสสองพุ่งเป้าไปยังหลินอิ่งที่อยู่ด้านนอก มันไม่ใช่ความลับอะไรแล้ว
เพราะปีนั้นน้องซวนหวา ตาของหลินอิ่ง ถูกผู้อาวุโสสองผู้มีอำนาจของตระกูลหลินจัดการซะราบคาบ ถูกลงโทษในโลกธรรมอย่างทารุณ20กว่าปี
ด้วยความคับแค้นเช่นนี้ ผู้อาวุโสสองไม่ปล่อยให้หลินอิ่งทำอะไรในตระกูลหลินง่ายๆ หรอก
แต่คนอย่างหลินอิ่ง หากกลับตระกูลหลิน แล้วพบความเจ็บปวดที่ตาของตนได้รับหลายปีมานี้ แน่นอนว่าต้องเดือดมากแน่ๆ
นี่มันลิขิตไว้แล้ว
ระหว่างทั้งสองย่อมเกิดสงครามกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“คุณชายหลินอิ่งมีคุณสมบัติเฉพาะที่คนอื่นไม่มี คนประเภทนี้ เป็นราชามาตั้งแต่เกิดแล้ว”ผู้อาวุโสฉินพูดอย่างจริงจัง”คนประเภทนี้ ไม่มีทางพึ่งคนอื่น”
“ดังนั้นผู้อาวุโสสองไม่อาตจฉุดดึงเขาได้”
“อีกทั้งท่าทีประมาทที่ผู้อาวุโสสองมีต่อหลินอิ่ง เกรงว่าจะเป็นการเสียเปรียบอย่างมาก”
ไอ้สี่ถามด้วยสีหน้าตกใจและสงสัย:”ผู้อาวุโสฉิน งั้นคุณจะอยู่ฝ่ายไหนเหรอ?ในเมื่อรู้แล้วว่าหลินอิ่งนั้นไม่ธรรมดา ต้องเตือนผู้อาวุโสสองหน่อยไหม?”
“เหอะ”ผู้อาวุโสฉินยิ้มเยาะ แล้วพูดอย่างนึกสนุก”ไอ้สี่ แกยังเด็กเกินไป แกคิดว่าคนโอหังอวดดีอย่างผู้อาวุโสสอง จะฟังคำห้ามปรามของฉัน?จะสนใจว่าหลินอิ่งเป็นแค่เด็กรุ่นหลังงั้นเหรอ?”
“ส่วนอยู่ฝ่ายไหน”
“ฮ่าๆ มีบางเรื่องที่ไม่รู้ แต่ในเมื่อรู้แล้วก็ต้องเข้าร่วมด้วย”
“วันนี้ฉันรู้แล้วว่าหลินอิ่งมีอนาคตไกล แกว่าฉันจะทำยังไงล่ะ?”
พูดจบผู้อาวุโสฉินก็หัวเราะออกมา ไม่พูดอะไรต่อ เอามือไขว้หลังแล้วเดินออกไป
ไอ้สี่มึนงงไปครู่หนึ่ง เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ แล้วรีบเดินตามหลังอาจารย์ของเขาไป
……
เมืองเทคโนโลยีเทียนหลง ตี้จิง
หลังจากใช้เวลาในการสร้างไปหลายเดือน เมืองเทคโนโลยีเทียนหลงคึกคักขึ้นมาแล้ว ทุกที่มีล้วนมีแต่ความเจริญ
เครือข่ายข้ามชาติแต่ละสาขาอาชีพ กิจการชั้นนำในแต่ละมณฑล ล้วนทยอยเข้ามาใน เมืองเทคโนโลยีเทียนหลง
ถนนย่านธุรกิจแต่ละสายเปิดอย่างเป็นทางการ การจราจรคับคั่ง ผู้คนขวักไขว่
ความเร็วในการก่อสร้างแบบนี้ เรียกได้ว่าน่ามหัศจรรย์มาก
ทั้งหมดนี้เป็นอิทธิพลจากหลินอิ่งเพียงคนเดียว
และเกิดขึ้นได้เพราะเขาลงเงินไปเป็นจำนวนมาก
ขณะนี้ ณ ถนนย่านธุรกิจแห่งหนึ่งในเมืองเทคโนโลยีเทียนหลง มีชายหนุ่มชุดสูท2-3คนเดินตามหลังชายวัยกลางคนคนหนึ่ง และเดินไปรอบๆ
หลินสวนถูหรี่ตาลง มองไปรอบๆ ด้วยความสนใจ
“เหอะ”หลินสวนถูยิ้มเยาะ”ต้องยอมรับเลยว่าหลินอิ่งคนนี้ มีความสามารถทางธุรกิจและพรสวรรค์ที่น่าทึ่ง”
“ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็ทำให้เมืองเทคโนโลยีเทียนหลง ออกมาเป็นระเบียบเรียบร้อยได้เช่นนี้”
“เมืองเทคโนโลยีเทียนหลงเป็นเมืองที่ใหญ่มาก แต่ทุกฝ่ายก็ประสานงานได้อย่างราบรื่น ลูกน้องมีประสิทธิภาพในการทำงาน ลูกน้องดีจริงๆ ”
“ปู่เจ็ด เป็นเช่นนั้นจริงๆ อิทธิพลของหลินอิ่งในตี้จิงนั้นไม่ธรรมดา ไม่เพียงจัดการเมืองเทคโนโลยีเทียนหลง อีกทั้งยังทำให้โคจรขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ลูกไม้นี้น่าตกใจมาก”ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างปลงๆ
หลายวันมานี้หลินสวนถูและพวก สำรวจอยู่ที่เมืองเทคโนโลยีเทียนหลงตลอด ยิ่งเห็นความเจริญรุ่งเรืองนี้กับตา ในใจก็ยิ่งรู้สึกอึ้งกับความสามารถของหลินอิ่ง
ได้ยินมาว่า หลินอิ่งควบคุมการเงินของเมืองก่างไว้อย่างมั่นคงอีกด้วย
เป็นแค่เด็กหนุ่ม ไม่เพียงมีฝีมือบูโดที่โดดเด่น
ยังมีความสามารถสูงขนาดนี้อีก ช่างยอดเยี่ยมเสียจริง
อย่างน้อยภายในของตระกูลหลินแห่งลังยา ยังไม่เคยมีชายหนุ่มที่มีความสามารถโดดเด่นเช่นนี้มาก่อน
“แต่น่าเสียดาย คนเก่งๆ กลับไม่ได้มารับใช้เรา”หลินสวนถูพูดอย่างปลงๆ
“ไม่อาจมารับใช้เรา งั้นก็ต้องกำจัดซะ!”
หลินสวนถูฉายแววตาอันเยือกเย็น พลางพูดเสียงขรึม
“ปู่เจ็ด คุณพูดถูก ตากับปู่รองของหลินอิ่งบาดหมางกัน ไม่อาจแก้ไขได้ หลินอิ่งผู้นี้ยิ่งมีความสามารถสูงก็ยิ่งต้องจัดการให้เร็วที่สุด”ชายหนุ่มชุดสูทคนหนึ่งพูดอย่างจริงจัง
หลินสวนถูพยักหน้าพลางพูด:”ต้องรีบสกัดเขาซะ ถึงกำจัดไม่ได้ แต่ก็ต้องควบคุมอำนาจของเขาทั้งหมดให้ได้ ตอนนี้เมืองเทคโนโลยีเทียนหลงเป็นไพ่ใบสุดท้ายสุดท้ายของหลินอิ่ง”
หลินสวนถูและพวก คิดจะทำบางอย่างกับเมืองเทคโนโลยีเทียนหลง
หากได้โครงการใหญ่ขนาดนี้มาอยู่ในมือ รากฐานของหลินอิ่งในตี้จิงก็จะขาดไปโดยสิ้นเชิง
แต่เรื่องนี้สำคัญมาก คิดจะจัดการได้อย่างราบรื่นนั้นไม่ง่าย เพราะยังไงก็เกี่ยวข้องกันหลายส่วน ถึงตระกูลหลินแห่งลังยาจะมีอำนาจขนาดไหน มันก็ไม่ง่ายที่จะยึดครอง
“จริงสิ เกิดอะไรขึ้นทางด้านชิงเย่?”
“ได้ยินมาว่า ชิงเย่ออกจากตระกูลหลินไปฝึกตนแล้ว?”
“ให้เขาไปตามฆ่าหลินอิ่ง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
หลินสวนถูสีพูดอย่างเดือดดาลด้วยสีหน้าน่าเกรงขาม
หลินสวนถูโกรธมากเมื่อพูดถึงเรื่องนี้
หลินชิงเย่เป็นรุ่นน้องที่มั่นใจในตัวผู้อาวุโสสอง ให้เขาลงเขามาครั้งนี้เพื่อไปตามฆ่าหลินอิ่ง ตอนแรกคิดว่าจะสำเร็จโดยเร็ว ผลสรุปกลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ออกจากตระกูลหลินไปฝึกตนงั้นเหรอ?