ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 698 มังกรเขียนวางอุบาย
เมื่อทูตซือคงได้ยินดังนั้นแล้วก็ขมวดคิ้วแน่น คิดหนักยกใหญ่
แต่หลังจากที่เขาตรึกตรองคำพูดของมังกรเขียวแล้ว นัยน์ตาก็เป็นประกาย เผยความยินดี
“เยี่ยม เยี่ยมมาก!”
ทูตซือคงปรบมือชื่นชม โบกพัดที่อยู่ในมือ
“สมกับที่ท่านมังกรเขียวเป็นกุนซือแห่งแก๊งมังกร แผนนี้ยอดเยี่ยมมาก” ทูตซือคงพูดด้วยสีหน้ายินดี “ผมเห็นด้วยกับเรื่องนี้”
“ขอเพียงเจรจากับหลินอิ่งสำเร็จ ไม่เพียงได้ประโยชน์จากเมืองเทคโนโลยีเทียนหลง แต่ยังสอดเข้าตระกูลหลินแห่งลังยาวางหมากลับได้อีก ”
“สิ่งที่ได้ไม่น้อยเลยจริงๆ”
หลังจากทูตซือคงใคร่ครวญข้อเสนอของมังกรเขียวแล้วก็รู้สึกเป็นเลิศจนพูดไม่ออก
ให้เขาไปเจรจากับหลินอิ่ง
ประการแรก ได้หยั่งเชิงหลินอิ่ง สืบความลับของคนผู้นี้ แล้วตัดสินฐานะ
ประการที่สอง ได้สัดส่วนในเมืองเทคโนโลยีเทียนหลง ได้รับผลประโยชน์มหาศาล
ประการที่สาม ยังได้แทรกซึมอิทธิพลของแก๊งมังกรเข้าตระกูลหลินได้อีก
อีกอย่าง โอกาสความสำเร็จของเรื่องนี้ก็มาก
เขาสืบเบื้องหลังหลินอิ่งมาชัดเจนแล้ว คนผู้นี้ไม่มีเส้นสายในตระกูลหลินเลย ทั้งไม่มีกำลังเสริมจากผู้ทรงอิทธิพลในแวดวงลึกลับด้วย
แต่ตอนนี้เขากลับล่วงเกินฝั่งผู้อาวุโสสองตระกูลหลินอย่างร้ายแรง ทั้งยังกลับตระกูลด้วยฐานะผู้ท้าชิงตำแหน่งผู้สืบทอดอีก เขาต้องรับศึกที่แจ้งที่ลับขนาดไหนกัน?
ด้วยสภาพการณ์เช่นนี้ หลินอิ่งจะปฏิเสธการยื่นมือเข้าช่วยของมังกรเขียวแห่งแก๊งมังกรได้อย่างไร?
“ในเมื่อคุณซือคงเห็นด้วยกับแผนการของผม งั้นต้องลำบากคุณไปด้วยตัวเองสักครั้งแล้ว” มังกรเขียวพูดเรียบ
“ไม่เพียงต้องเจรจากับหลินอิ่ง ระหว่างนี้หากอีกฝ่ายต้องกลับตระกูลก็ขอให้คุณทำให้เขาเชื่อถือให้ได้ แล้วกลับตระกูลหลินด้วยกัน” มังกรเขียวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“แต่อย่าลืมนะครับ นายท่านใหญ่ตระกูลหลินเป็นบุคคลที่อาจารย์กู้ต้าหวั่นเกรงมาตลอด”
“จุดนี้คุณซือคงน่าจะรู้ดีกว่าผม”
“ฮ่าๆๆ” ซือคงหัวเราะดัง ราวกับดีใจมาก “ท่านมังกรเขียววางใจเถอะ เรื่องนี้ปล่อยให้ผมจัดการเอง ต้องจัดการเรียบร้อยแน่นอน”
ตระกูลหลินแห่งลังยาดูด้อยในสายตาแก๊งมังกรไปมาก
ทว่านายท่านใหญ่ตระกูลหลิน กลับเป็นบุคคลในตำนานที่อยู่จุดสูงสุดจริง
อาจารย์กู้ต้า เทพราชากู้ต้า ประมุขแก๊งคนปัจจุบันของแก๊งมังกร เป็นผู้มีความทะเยอทะยาน เป็นที่ยกย่องในแวดวงลึกลับประเทศหลุง เรื่องนี้เป็นที่รู้กันทั่ว
แต่ทางลับก็มีแผนการสืบความเคลื่อนไหวของนายท่านใหญ่ตระกูลหลินด้วย
ทูตซือคงที่เป็นคนสนิทของอาจารย์กู้ต้ารู้ในจุดนี้ดี
ตอนนี้ โอกาสแฝงตัวเข้าตระกูลหลินอยู่ตรงหน้าแล้ว ทูตซือคงจะปล่อยไปได้อย่างไร?
หากจัดการเรื่องนี้ได้ดี ได้รับความน่าเชื่อถือจากหลินอิ่ง ทั้งสองฝ่ายก็ร่วมมือกัน
ช่วยหลินอิ่งตั้งรากฐานในตระกูลหลินให้มั่นคง พร้อมกันนั้นก็ลักลอบสืบความลับในตระกูลหลินด้วย
ถึงตอนนั้น เมื่อทูตซือคงรายงานต่อหน้าอาจารย์กู้ต้าก็จะเป็นผลงานชิ้นโบแดง
“ท่านมังกรเขียว เรื่องนี้รอผมกลับไปแล้วจะวางงานโดยละเอียดทันที ถึงตอนนั้นถ้าเจรจากับหลินอิ่งเสร็จ คงต้องขอองครักษ์มังกรเขียวในมือคุณมาร่วมดำเนินการกับผมแล้วล่ะ” ทูตซือคงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
มังกรเขียวยิ้มบางแล้วพูด “คุณซือคงวางใจเถอะครับ เรื่องนี้เป็นแผนที่ผมวางไว้ คุณสั่งการองครักษ์มังกรเขียวในตี้จิงได้เลย”
“ตกลง”
เมื่อทูตซือคงกล่าวตกลงแล้วก็หันตัวจากไป
เขาหายตัวไปจากชั้นบนสุดของอาหารไปราวกับเงาลม เงียบเชียบไร้เสียง
ทิ้งให้มังกรเขียวยืนไพล่หลังอยู่ตรงหน้าอาคารตี้จิงตามลำพัง
สีหน้ามังกรเขียวไร้อารมณ์ เผยความฉงนใจในเบ้าลึกของดวงตา
“ท่านประมุขแก๊ง ผู้สืบทอดที่คุณทิ้งไว้ในตอนนั้น จะเป็นหลินอิ่งหรือเปล่านะ?”
ใบหน้ามังกรเขียวหวนรำลึก พูดพำพึมเสียงเบา
จากนั้นเขาก็กลับสู่ท่วงท่าเป็นสง่าดังเดิม เอามือไพล่หลังเดินออกจากชั้นบนสุดของอาคาร
……
อีกด้านหนึ่ง…
ในห้องทำงานหัวหน้าสมาคมอาคารเทียนหลง
หลินอิ่งนั่งเก้าอี้ทำงาน ผู้อาวุโสฉินนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเขา
บนโต๊ะมีชาแดงที่ชงไว้แล้ว
หลินอิ่งยกกาน้ำชาขึ้นรินสองแก้ว
ฉินเหิงเยว่ลิ้มรสชาอย่างละเมียดละไม ยิ้มเล็กน้อยเอ่ยปากพูด “คุณชายหลินอิ่ง การชงชาของคุณเปี่ยมไปด้วยพลังจริงๆ”
“ผมไม่ได้ลิ้มรสต้าหงผาวแบบดั้งเดิมอย่างนี้มานานแล้ว”
“ผู้อาวุโสฉินอย่างอ้อมค้อมเลยครับ” หลินอิ่งพูดเรียบ “แม่เฒ่ามีความประสงค์อะไรกันแน่?”
หลินอิ่งหวั่นแม่เฒ่าตระกูลหลินอยู่บ้าง ไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของเธอ
เพราะแม่เฒ่าผู้นี้เป็นถึงเมียเอกของนายท่านใหญ่ตระกูลหลิน
และนายท่านใหญ่ตระกูลหลินในตอนนั้นก็สูสีกับอาจารย์ เป็นตำนานเล่าขานเหมือนกัน
เมื่อถูกขิงแก่จับจ้อง ไม่รอบคอบเห็นทีจะไม่ได้
“เหอะๆ” ฉินเหิงเยว่หัวเราะแห้ง “คุณชายหลินอิ่งไม่ต้องคิดมากไปหรอกครับ ตระกูลหลินแห่งลังยาเป็นบ้านเกิดของคุณ แม่เฒ่าก็เป็นย่าทวดของคุณ ไยต้องระแวดระวังตระกูลหลินขนาดนี้ด้วย?
หยุดครู่หนึ่งแล้วผู้อาวุโสฉินก็เอ่ยต่อ “แม่เฒ่าชื่นชมความสามารถและให้ความสำคัญคุณชายหลินอิ่ง ถึงได้ตัดสินใจมอบฐานะผู้ท้าชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมาปิดปากผู้อื่น แค่นี้เท่านั้น”
“อีกอย่าง คุณชายหลินอิ่งคงไม่ทราบ” ฉินเหิงเยว่ค่อยเจรจา “หลินซูชิงคุณแม่ของคุณชายหลินอิ่ง ผมเองก็เห็นมาแต่เล็ก และตอนนั้นแม่เฒ่าเอ็นดูคุณแม่ของคุณชายมาก”
“ไม่อย่างนั้นก็คงโกรธจัดเพราะเรื่องของคุณแม่คุณชาย จนพาลไปถึงคุณตากับคุณยายของคุณชายด้วย” ฉินเหิงเยว่กล่าวช้าๆ
“ครั้งนี้ที่แม่เฒ่าอยากให้คุณชายกลับตระกูลหลิน ก็เพราะคิดถึง แล้วยังรับคุณตาของคุณชายกลับตระกูล คืนฐานะเดิมให้ด้วย”
“และแม้แต่ชื่อคุณแม่ของคุณชาย ก็ได้บันทึกในรายชื่อวงศ์ตระกูลใหม่ด้วย”
“ทุกอย่างนี้เพื่ออะไร? คุณชายหลินอิ่งน่าจะเข้าใจความตั้งใจของแม่เฒ่าดี”
ฉินเหิงเยว่อธิบายทุกอย่างด้วยความอดทน
“เพราะคุณชายสร้างชื่ออยู่ภายนอก ฝ่าฟันจนเป็นที่ลือชา ทำให้แม่เฒ่ารู้สึกมีหน้ามีตา แต่เรื่องที่คุณแม่ของคุณชายลดตัวแต่งงานกับตระกูลฉีที่เป็นคนธรรมดาในตอนนั้นทำให้แม่เฒ่าเสียหน้ามาก ถูกผู้คนนินทาว่าเอ็นดูหลานสาวผิดคน สั่งสอนลูกไม่ดี”
“คุณชายต้องรู้นะ ว่าแม่เฒ่าเป็นคนรักและให้ความสำคัญกับชื่อเสียงมาก”