ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 701 บุคคลลึกลับ
เมื่อได้ยินดังนั้นแล้ว สายตาหลินเสวียนหมิงก็มองทางหลินเสวียนเฮ่อทีหนึ่ง แล้วเย็นชาใส่
“แกโง่หรือไง?!” หลินเสวียนหมิงตวาด “ตอนนี้แม่เฒ่าประกาศให้หลินอิ่งเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งสืบทอดตระกูลหลินแล้ว แถมยังเรียกตัวหลินอิ่งกลับชางโจวอีก แกจะฆ่าหลินอิ่งในเวลาแบบนี้เนี่ยนะ?!”
“ถึงจะฆ่าหลินอิ่ง แล้วจะอธิบายกับทางแม่เฒ่ายังไง? แม่เฒ่าจะมองพวกเรายังไง? อย่าลืมสิ พี่ใหญ่กับลูกชายเขากลับชางโจวมาแล้ว กำลังจับตาดูพวกเราอยู่!”
หลินเสวียนหมิงโมโหจนเอ็นขึ้นหน้าผาก กลับไปนั่งนวดขมับที่เก้าอี้ปรมาจารย์ “คิดเรื่องแบบนี้ออกมาได้ แกมันโง่จริงๆ! ไม่รู้ว่าหลายสิบปีมานี้อยู่มาได้ยังไง!”
“พี่รองอย่าเพิ่งโมโหไป ฉันเลอะเลือนไปเองถึงได้คิดวิธีนี้ออกมา…” หลินเสวียนเฮ่อพูดแบบเหงื่อตก รีบขอโทษ
หลินเสวียนหมิงไม่พอใจ กวาดสายตามองคนที่อยู่รอบๆ
แต่เขายิ่งดู ก็ยิ่งอารมณ์เสีย
คนที่อยู่ในที่นี้ล้วนเป็นผู้มีอำนาจในตระกูลหลิน มีหน้ามีตาอยู่ในสังคม
แต่เมื่อคิดดูดีๆ แล้วกลับไม่มีใครสู้กับหลินอิ่งที่เป็นเด็กเมื่อวานซืนคนนั้นได้เลย
หลินเสวียนหมิงเป็นถึงผู้อาวุโสสอง เป็นเจ้าบ้านสองของตระกูลหลินแห่งลังยา จะลดตัวมาสู้กับหลินอิ่งเองก็ไม่ได้ เช่นนั้นจะเสื่อมเกียรติเกินไป
แต่จะให้หลินเสวียนหมิงทนกับความโมโหนี้ เขาก็ทำไม่ได้เหมือนกัน
การกลับมาของหลินอิ่งและหลินซวนหวา ทำให้เขารู้สึกถึงวิกฤตครั้งใหญ่
แอ๊ด…
ขณะที่บรรยากาศกำลังเงียบกริบ ประตูบ้านพักก็ถูกผลักเข้ามากะทันหัน
ชายหนุ่มท่าทางงดงามที่สวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงิน เชิดหน้าเดินเข้ามา
เป็นวัยรุ่นอายุยี่สิบกว่า หน้าตาคมสัน งามดั่งหยกใส ดวงตาคมกริบ ย่างก้าวราวพยัคฆ์ ท่วงท่าสง่างามยิ่ง
“คุณชายเซี่ยว”
“คุณชายเซี่ยว”
คนตระกูลหลินในที่นี้ต่างพากันทักทาย
คุณชายเซี่ยวเป็นหลานรักของผู้อาวุโสสองหลินเสวียนหมิง ชื่อหลินเซี่ยว
พ่อแม่หลินเซี่ยวไม่โดดเด่นในตระกูล ที่เขาโดดเหนือกลุ่มหัวกะทิรุ่นใหม่ได้ ล้วนอาศัยพรสวรรค์ด้านบูโดทั้งนั้น เกือบถึงรายการแห่งฟ้าได้ตั้งแต่ยังเด็ก ถูกเห็นเป็นอัจฉริยะที่ขึ้นสู่รายการแห่งฟ้าได้แน่นอน
หลินเซี่ยวเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งผู้สืบทอดคนที่สองของตระกูลหลิน ถูกขนานนามว่าเป็นยอดคนแห่งยุคเช่นเดียวกับคุณชายใหญ่ มีฐานะและตำแหน่งในตระกูลสูงมาก
เมื่อเห็นหลินเซี่ยว หลินเสวียนหมิงก็คลายความตึงเครียดและเผยความยินดีออกมา
“เซี่ยวเอ๋อกลับมาแล้วเหรอ? ไปหวงไห่มาได้อะไรบ้าง?”
หลินเสวียนหมิงเก็บความขรึม ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความเป็นมิตร
“ท่านปู่ ทางหวงไห่ไม่ราบรื่นเลยครับ นักพรตมังกรเหลืองไม่ยอมโผล่หน้า” หลินเซี่ยวผู้อย่างจริงจัง
หลินเสวียนหมิงพยักหน้าเล็กน้อย “นักพรตมังกรเหลืองฐานะสูงส่ง การที่เขาไม่รับปากก็เป็นเรื่องธรรมดา ต่อไปแกต้องไปหาเขาบ่อยๆ รักษาเส้นสายนี้เอาไว้”
“ถ้าได้รับการสนับสนุนจากนักพรตมังกรเหลือง อาศัยอิทธิพลของแก๊งมังกร แกก็ไม่ต้องกลัวอิทธิพลของคุณชายใหญ่ทางนั้นแล้ว ต้องได้สืบทอดจากนายท่านใหญ่ตระกูลหลินแน่”
หลินเสวียนหมิงพูดด้วยความจริงจัง
หลินเซี่ยวเป็นลูกหลานตระกูลหลิน และถือเป็นคนเก่งที่ยากพบพาน ท่องอยู่โลกภายนอกแต่ยังเล็ก ได้รับการชี้แนะจากนักพรตมังกรเหลืองเป็นครั้งคราว ดังนั้นบูโดของเขาจึงรุดหน้าแบบก้าวกระโดด
เมื่อมีเส้นสายนี้ หลินเซี่ยวจึงเข้าตาหลินเสวียนหมิง ด้วยการอบรมฝึกฝนอย่างเข้มงวด ทำการจนมีชื่อเสียงโด่งดัง และได้แต่งตั้งฐานะตำแหน่งเป็นคุณชายรองแห่งตระกูลหลิน
นายท่านใหญ่ใกล้จะออกจากการเก็บตัวแล้ว ถึงตอนนั้นต้องทดสอบลูกหลานในตระกูล เลือกผู้สืบทอดบูโดแน่ และหลินเซี่ยวกับคุณชายใหญ่ก็คือตัวเลือกยอดนิยม
หากจะแข่งขันกับคุณชายใหญ่จริง ความกดดันฝั่งหลินเซี่ยวก็หนักหน่วงมาก
และนักพรตมังกรเหลืองก็เป็นผู้ที่ควรค่าแก่การชักจูง ถึงอย่างไรก็เป็นหนึ่งในห้ามังกรแห่งแก๊งมังกร แต่ละคนล้วนมีชื่อโด่งดังไปทั่ว
ที่หลินเซี่ยวเจาะจงไปหวงไห่ขอพบนักพรตมังกรเหลืองในครั้งนี้ ก็เพราะอยากขอการสนับสนุนจากเขา แต่กลับไม่เป็นดั่งที่หวัง
“ท่านปู่ ถึงเขาไม่ยอมแทรกแซงเรื่องตระกูลหลิน แต่ก็บอกกับหลานว่าในช่วงวิกฤต เขาจะช่วยหลานครั้งหนึ่ง” หลินเซี่ยวพูดจริงจัง
“ดี! งั้นก็เป็นข่าวดีจริงๆ” หลินเสวียนหมิงยิ้มแย้มพูด “ถ้ามังกรเหลือยอมช่วยแกครั้งหนึ่ง แกก็วางใจไปสู้กับลูกของพี่ใหญ่ให้รู้ดำรู้ดีไปเลย มั่นใจได้อีกหน่อย”
ว่าแล้ว หลินเสวียนหมิงก็เปลี่ยนเรื่องพูด “เซี่ยวเอ๋อ แกกลับมาก็ดีแล้ว ช่วงนี้แกได้ยินเรื่องในตระกูลหลินบ้างหรือยัง? แม่เฒ่าตั้งผู้ท้าชิงตำแหน่งคนที่สาม ชื่อหลินอิ่ง เป็นหลานของไอ้สิบสอง มาจากตี้จิง”
สีหน้าหลินเซี่ยวเปลี่ยนไปเล็กน้อย พยักหน้า “ท่านปู่ ตอนที่หลานอยู่หวงไห่ก็ได้ยินเรื่องนี้มาแล้ว”
“อื่อ” หลินเสวียนหมิงค่อยกล่าว “งั้นแกมีความมั่นใจว่าจะจัดการมันได้ไหม?”
หลินเซี่ยวพูดอย่างจริงจัง “ท่านปู่ หลินอิ่งทำให้ท่านต้องเสียหน้า หลานจะต้อนรับมันอย่าง ‘ดี’ เอง”
ขณะที่พูด ดวงตาหลินเซี่ยวก็เย็นยะเยือก เผยจิตสังหารแรงกล้าออกมา
เขาเคยได้ยินเรื่องของหลินอิ่ง
หลินเซี่ยวไม่พอใจหลินอิ่งมาก
หลินอิ่งถือดีอย่างไรถึงได้เป็นผู้ท้าชิงง่ายๆ?
เขาต้องลำบากแค่ไหน? พยายามแค่ไหน? บุกน้ำลุยไฟให้ตระกูลหลินแค่ไหนถึงจะได้ตำแหน่งนี้มา?
ยังไม่ต้องพูดถึงความแค้นใหญ่หลวงของปู่กับหลินซวนหวา สำหรับเขาแล้ว หลินอิ่งเป็นเนื้อร้ายในใจเขา
“ดี เซี่ยวเอ๋อ ถ้าแกไปจัดการเรื่องนี้ ปู่ก็วางใจ” หลินเสวียนหมิงพูดด้วยสีหน้าชื่นบาน
……
ณ เมืองเทคโนโลยีเทียนหลงแห่งตี้จิง
ศูนย์การค้าเลขที่18 มีจิวเวลรี่เทรดเซนเตอร์แห่งหนึ่ง ใหญ่โตมาก
ย่านการค้านี้เป็นร้านค้าธุรกิจเกี่ยวกับจิวเวลรี่ และเป็นอาคารที่ทำงานของบริษัทจิวเวลรี่ต่างชาติ
มีบริษัทจิวเวลรี่แบรนด์เนมระดับโลกหลายบริษัท
วงจรธุรกิจของย่านนี้ก็ค่อนข้างสมบูรณ์ ขึ้นชื่อในประเทศหลุง
หลินอิ่งมอบหมายพื้นที่ส่วนนี้ให้จางฉีโม่เป็นคนจัดการ
ให้เธอสร้างอาณาจักรจิวเวลรี่ของเธออย่างที่เธอต้องการ
เวลากลางวันวันนี้ หลินอิ่งกับจางฉีโม่กำลังนั่งดื่มชายามบ่ายด้วยกันที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
เนื่องจากตอนเช้าจางฉี่โม่เดินอยู่นานจึงอ่อนเพลีย ซบไหล่หลินอิ่งเข้าสู่ฝันไปแล้ว
หลินอิ่งนั่งอยู่บนโซฟานุ่มนิ่ม บีบแก้วชา ลิ้มรสชาอย่างละเมียดละไม ดื่มด่ำกับช่วงเวลาสบายๆ
และในตอนนั้นเอง ชายแก่ร่างผอมบางในชุดฝึกกังฟูสีขาวก็เดินเข้ามาในร้าน พร้อมคนหนุ่มเสื้อคอจีนอีกสองคน
สายตาชายแก่เฉียบแหลม ฝีเท้ามั่นคง เดินมาด้วยท่วงท่าแห่งพยัคฆ์ มีกำลังวังชา ดูกระปรี้กระเปร่ามากกว่าวัยรุ่นส่วนใหญ่มาก
เขานั่งลงในตำแหน่งตรงข้ามกับหลินอิ่ง หยิบแก้วกาแฟขึ้นดื่ม หรี่ดวงตา ยิ้มมองหลินอิ่ง
หลินอิ่งรู้สึกสะดุดใจ ท่าทางและการแต่งกาย และบรรยากาศในร้านกาแฟไม่เข้ากับชายแก่ผู้นี้เลย
“คุณหลินอิ่ง” ชายแก่วางกาแฟลง กล่าวเรียบๆ “ผมมีการค้าอยากเจรจากับคุณหน่อย ไม่ทราบว่าสนใจไหมครับ?”
หลินอิ่งหัวเราะแล้วเอ่ย “คนที่อยากเจรจาการค้ากับผมในตี้จิง มีเยอะขนาดต่อแถวยาวไปถึงฝรั่งเศสได้เลยครับ ไม่ทราบคุณพกความมั่นใจอะไรมาเจรจาการค้ากับผม?”