ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 705 งานเลี้ยงตระกูลหลิน
มณฑลชางโจวตั้งอยู่เลียบทะเลทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศหลุง เป็นสถานที่ที่มั่งคั่งร่ำรวยมาก
เมืองชางโจวก็เป็นเมืองเจริญติดสิบอันดับของประเทศ
ขณะที่หลินอิ่งและจางฉีโม่เพิ่งลงจากเครื่องบิน ก็รู้สึกได้ถึงมนต์เสน่ห์ของเมืองนี้ทันที
เมื่อทอดสายตาออกไป ฟ้าคราม ปุยเมฆขาว สภาพแวดล้อมเมืองสะอาดสะอ้าน อากาศสดชื่น พื้นที่สีเขียวก็จัดการได้ดี
“ชางโจวเป็นสถานที่ดีจริงๆ เลยนะ…” จางฉีโม่มองด้วยความอยากรู้อยากเห็น สะท้อนใจชื่นชม
หลินอิ่งยิ้มบาง พยักหน้า
“หลินอิ่ง ที่พวกเรามาชางโจวครั้งนี้เพราะจะไปเยี่ยมคุณย่าทวดของคุณใช่ไหม? ฉันได้ยินข่าวลือที่ตี้จิงมา ว่าคุณมาชางโจวจะมีอันตราย” จางฉีโม่มองทางหลินอิ่ง ถามด้วยความสงสัย
เรื่องของหลินอิ่งเธอไม่อยากถามให้มาก
เพียงแต่ข่าวลือที่พูดกันหนาหูที่ตี้จิงเมื่อหลายวันก่อน ร่ำลือว่าถ้าคุณชายอิ่งกลับตระกูลที่ชางโจว ต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ เกี่ยวกับศึกภายในของตระกูลลึกลับบางตระกูลในประเทศหลุง
หลินอิ่งหัวเราะแล้วกล่าว “ฉีโม่ คุณก็ถือซะว่ามาเที่ยวชางโจวก็แล้วกัน ไม่มีเรื่องอะไรหรอก”
“รู้แล้วละน่า” จางฉีโม่พยักหน้า คิดบางเรื่องแล้วกล่าวอีก “ชางโจวเป็นที่น่าเที่ยว ฉันอยากไปตั้งหลายที่แน่ะ”
หลินอิ่งจึงว่า “คุณวางแผนหน่อยแล้วกัน ไว้ไปพบย่าทวดตระกูลหลินท่านนั้นแล้ว ผมค่อยไปเป็นเพื่อนคุณ”
ชางโจวเป็นเมืองท่องเที่ยวติดทะเลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ มีหาดทรายที่ชวนหลงใหล ทั้งแต่ละจุดในเมืองยังมีโบราณสถานขึ้นชื่ออีกมากมาย
“คุณชายหลินอิ่งครับ งานเลี้ยงต้อนรับคุณได้เตรียมพร้อมแล้ว อยู่ที่โรงแรมชางไห่ในเมืองครับ”
ตอนนี้เอง ผู้อาวุโสฉินก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“เห็นว่าคุณชายรองหลินเซี่ยวจะตัวแทนตระกูลมาต้อนรับการกลับมาของคุณเป็นการพิเศษด้วยนะครับ”
หลินอิ่งมองผู้อาวุโสฉินสายตาหนึ่งแล้วพูด “นี่ก็เป็นความประสงค์ของแม่เฒ่าด้วยเหรอครับ?”
ก่อนมาชางโจว หลินอิ่งได้ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับตระกูลหลินมาแล้ว รู้ว่าคุณชายรองหลินเซี่ยวเป็นคนอย่างไร
คนผู้นี้เป็นคนฝ่ายเดียวกับหลินสวนถู เป็นคนที่ผู้อาวุโสสองภูมิใจ และเป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงตำแหน่งผู้สืบทอดด้วย
ตระกูลหลินส่งหลินเซี่ยวมาเป็นตัวแทนต้อนรับเขา ไม่รู้ว่าหมายความว่าอย่างไรกันนะ
ผู้อาวุโสฉินหัวเราะแห้ง พยักหน้าแล้วเอ่ย “นี่เป็นความประสงค์ของคณะกรรมการผู้อาวุโส ในฐานะที่คุณชายหลินอิ่งเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งของตระกูลหลินที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้ง ก็ต้องให้คนที่มียศเท่าเทียมมาต้อนรับการกลับมาของคุณชายอยู่แล้ว นอกจากคุณชายรองหลินเซี่ยว ยังมีผู้อาวุโสอีกสองท่านของคณะกรรมการผู้อาวุโสมาร่วมด้วยครับ”
หลินอิ่งหน้านิ่ง กล่าวไปเรียบๆ “ตาของผมล่ะครับ?”
“พี่สวนหวาคุณตาของคุณชายอยู่ที่เขาลังยา สองวันมานี้แม่เฒ่ามีเรื่องงานมอบหมายให้เขา” ผู้อาวุโสฉินค่อยกล่าว “อย่างยังไงพี่สวนหวาก็กลับตระกูลหลินแล้ว แถมคุณชายก็เป็นผู้สืบทอดคนที่สามของตระกูล แม่เฒ่าก็ต้องแบ่งงานให้พี่สวนหวาอยู่แล้วล่ะครับ ยังหารือในคณะกรรมการผู้อาวุโสอยู่เลย”
ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วผู้อาวุโสฉินก็กล่าวต่อ “นอกจากนั้น ผมจะเตือนคุณชายสักหน่อย ท่านเฉินเฟิงยังรอคุณชายอยู่ที่เขาลังยา กระฟัดกระเฟียดกับเรื่องลูกศิษย์ของเขาอยู่เลย”
หลินอิ่งพยักหน้าเล็กน้อย
สถานการณ์ตระกูลหลินแห่งลังยาสลับซับซ้อนมาก ยังไม่ต้องพูดถึงสองฝ่ายใหญ่ แค่ท่านเฉินเฟิงก็เป็นตัวปัญหาแล้ว ตอนที่กวาดล้างตระกูลสวียังสังหารลูกศิษย์ของตัวเองอีก
คนผู้นี้กัดไม่ปล่อย ไม่รู้ว่าหากพบหน้าแล้วเขายังจะจำว่าใครเป็นคนทำลายมือขวาที่ถือกระบี่ของเขาในตอนนั้นหรือไม่
หลินอิ่งก็รู้อยู่ก่อนแล้วว่าหอบรรพบุรุษตระกูลหลินอยู่ที่เขาลังยา
เขาลังยาอยู่ที่ไหน? เกรงว่านอกจากคนตระกูลหลินแล้วก็ไม่มีใครหาพบ อย่างไรก็เป็นตระกูลลึกลับ คนธรรมดาต้องหาเบาะแสไม่พบอยู่แล้ว
และก่อนที่จะได้พบแม่เฒ่าผู้นั้น เขายังต้องพบคุณชายรองแห่งตระกูลหลินก่อน
“คุณชายหลินอิ่งขึ้นรถเถอะครับ”
ผู้อาวุโสฉินยกมือขึ้นเป็นการบอก
ทางเข้าสนามบินมีรถไมบัคสีดำจอดอยู่หลายคัน เป็นรถที่มารับเขานั่นเอง
หลินอิ่งพาจางฉีโม่ขึ้นรถ
ยี่สิบกว่านาทีให้หลัง
รถก็จอดอยู่ในลานโรงแรมที่ตกแต่งอย่างหรูหราและอยู่ใจกลางความเจริญคึกคักแห่งหนึ่งแล้ว
โรงแรมชางไห่ราวกับถูกเหมาไว้หมด ภายในล็อบบี้ไม่มีแขกอื่น มีเพียงพนักงานต้อนรับหนุ่มที่สวมชุดสูทสีดำคนเดียวเท่านั้น แลดูอึมครึมมาก
ด้วยการนำของพนักงาน หลินอิ่งและจางฉีโม่ก็มาถึงห้องงานเลี้ยงชั้นสิบหก
ข้างกายหลินอิ่งมีเพียงกู่ชางไห่คนเดียว
การมาชางโจวครั้งนี้ หลินอิ่งพากู่ชางไห่มาเท่านั้น
เพราะกู่ชางไห่ก็เป็นยอดฝีมือ พอรับมือกับคนในตระกูลลึกลับได้บ้าง
ฮาเดสพนักงานขับรถบวกบอดี้การ์ดถูกหลินอิ่งส่งไปเมืองก่างแล้ว จัดการเรื่องห้างสรรพสินค้าในเมืองก่างกับคริส
ทีแรกหลินอิ่งยังคิดพาเย่เฮยกับหวงชิงซานมาชางโจวด้วย คนเยอะจะได้ช่วยกัน
แต่หลังจากพูดคุยกับซือคงฟู่แล้ว หลินอิ่งก็เปลี่ยนความคิด
เขาให้พวกเย่เฮยไปเมืองจี้โจวเตรียมการไว้ที่นั่นล่วงหน้า พร้อมไปสืบข่าวหยั่งเชิงจ้าวเฉิงเฉียนไว้ก่อน
ส่วนซือคงฟู่ หลินอิ่งคิดว่าคนผู้นี้ต้องเคลื่อนไหวที่ชางโจวแน่
หลินอิ่งรู้ศักยภาพการทำงานของแก๊งมังกรดี
ซือคงฟู่มีแผนกับเขา อยากเข้าแทรกแซงตระกูลหลินผ่านเขา เช่นนั้นเขาต้องไม่อยู่เฉยแน่
“ฮ่าๆ ทุกท่าน ผมได้เชิญคุณชายหลินอิ่งกับคุณนายกลับชางโจวมาแล้ว ทุกคนมาทักทายกันเถอะ”
พอผู้อาวุโสฉินเข้างานมา ก็ยิ้มแย้มหัวเราะทักทายกับทุกคนทันที
ทันใดนั้น ผู้คนที่นั่งอยู่ในงานก็ทอดสายตาอยากรู้อยากเห็นมา
งานเลี้ยงจัดโต๊ะอยู่เจ็ดแปดตัว มีชายหญิงนั่งอยู่หลายสิบคน
แต่ละคนต่างแต่งกายมีระดับ มีบุคลิกสง่างาม รายละเอียดบนตัวทุกจุดล้วนแสดงออกถึงฐานะ
“นี่ก็คือคุณชายอิ่งแห่งตี้จิงที่ร่ำลือท่านนั้น? ว่าที่คุณชายสามของพวกเรา?”
“นี่ลูกชายของอาซูชิงที่อยู่ข้างนอกเหรอ? ก็ดูเหมือนกันนะเนี่ย…”
แพล็บเดี๋ยวทุกคนที่อยู่ในงานก็กระซิบกระซาบกัน สายตาสำรวจหลินอิ่งและจางฉีโม่อย่างละเอียด
หลินอิ่งเคยชินกับสถานการณ์แบบนี้นานแล้ว มองทุกคนด้วยสายตาเฉยเมย
แต่จางฉีโม่ที่อยู่ด้านข้างกลับเขินอายเล็กน้อย ไม่ค่อยชินกับสายตาที่มองมาแบบดาวล้อมเดือน
“ฮ่าๆ น้องหลินอิ่ง ชื่อเสียงเธอโด่งดังไปทั่ว รอเธอกลับมาอยู่นานแล้ว ตระกูลได้คนมีความสามารถเพิ่มมาอีกคน เป็นบุญของตระกูลจริงๆ!”
ตอนนี้เอง ใบหน้ายิ้มแย้มเสียงใสก็ดังมา
ชายหนุ่มตาประกาย คิ้วดาบในชุดเสื้อคลุมยาวสีเขียว ย่างเท้าเดินมาด้วยอารมณ์ดีใจ
“คุณชายหลินอิ่ง ท่านนี้ก็คือคุณชายสอง ถ้านับแล้วพวกคุณก็เป็นพี่น้องรุ่นเดียวกัน พูดคุยเข้ากันได้พอดี” ผู้อาวุโสฉินยิ้มพลางพูดอยู่ข้างๆ
“ผมอายุพอๆ กับน้องหลินอิ่ง คิดว่าต้องคุยถูกคอกันแน่ นี่ก็คือคุณนายของน้องหลินอิ่ง คุณนายหลินล่ะสิ?”
“สวัสดีครับพี่เซี่ยว”หลินอิ่งยิ้มแล้วพูด
“สวัสดีค่ะ” จางฉีโม่ก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม กล่าวอย่างมีมารยาท
“ไม่ต้องเกรงใจ นั่งสิ”
หลินเซี่ยวยกมือขึ้นเป็นการบอก พูดด้วยความเกรงใจ
หลินอิ่งพาจางฉีโม่เดินไปทางที่นั่ง
จากนั้นเขาก็ลากเก้าอี้ออกมาให้จางฉีโม่นั่งก่อน ส่วนตัวเองค่อยนั่งอยู่ด้านข้าง
แกรก!
วินาทีที่หลินอิ่งนั่ง จู่ๆ เก้าอี้ไม้จันทน์ตัวนี้ก็ขาหักไปข้าง ง่อนแง่นทันที
หลินอิ่งรู้ตัวไว เขาลุกขึ้นมาโดยพลันแล้วมองทางหลินเซี่ยวที่อยู่ด้านข้างด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
“พวกแกจัดการกันยังไง? เป็นหรือเปล่าเนี่ย? ขนาดเก้าอี้ดีๆ สักตัวก็หาไม่ได้เหรอ? ขายหน้าจริงๆ! รีบไปเปลี่ยนเก้าอี้มาเร็ว!”
หลินเซี่ยวก่นด่าผู้ติดตามหนุ่มที่อยู่ด้านข้าง
“เหอะๆ คุณชายเซี่ยว เก้าอี้ตระกูลหลินนั่งยากจริงๆ เลยนะ อย่าว่าแต่เก้าอี้สามขาที่ให้คุณชายหลินนั่งเลย! นี่ผมก็ชักกลัวจะนั่งไม่ดีแล้วสิ!” ตอนนี้เอง ชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมที่นั่งอยู่ก็พูดสัพยอก
หลินเซี่ยวจึงพูดกึ่งล้อเล่น “เหล่าลี่ นี่คุณพูดผิดไปแล้วนะ เป็นเพราะน้องหลินอิ่งบุญหนักศักดิ์ใหญ่เกินไป เก้าอี้ธรรมดาจะแบกรับได้ยังไง?”
ว่าแล้วหลินเซี่ยวก็มองไปทางหลินอิ่ง มุมปากแขวนรอยยิ้มดูหมิ่น
หลินอิ่งหัวเราะ จงใจวางเก้าอี้สามขา เขารู้อยู่แล้วว่างานเลี้ยงวันนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่
หลินเซี่ยวกำลังบอกเขาเป็นนัย ว่านั่งตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลหลินไม่ได้
“ถ้านั่งเก้าอี้ตัวนี้ไม่ได้ งั้นอาหารบนโต๊ะก็คงไม่ต้องกินกันแล้วสิครับ?” หลินอิ่งมองทางหลินเซี่ยวแบบหน้ายิ้มใจไม่ยิ้ม