ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 706 เกิดเรื่องในงานเลี้ยง
ความดุในสายตาของหลินเซี่ยวแวบออกมาแบบที่สังเกตเห็นได้ยาก จากนั้นก็กลับมามีรอยยิ้มเป็นมิตรอีกครั้ง “เป็นไปได้ยังไง น้องหลินอิ่งสู้ดั้นด้นมาจากตี้จิง จะไม่สั่งอาหารดีๆ มาให้ได้ยังไง?”
ขณะที่พูด หลินเซี่ยวก็รับเก้าอี้ตัวหนึ่งจากมือผู้ติดตาม แล้วจัดวางให้เป็นระเบียบ
หลินอิ่งไม่มากความ ควบนั่งลงทันที
หลินเซี่ยวนั่งตรงตำแหน่งประธานอย่างเป็นธรรมชาติ กล่าว “น้องหลินอิ่ง ฉันจะแนะนำให้นะ”
“ท่านนี้คือคุณหลี่ว่านหยวน หัวหน้าสมาคมหลี่ของสมาคมธุรกิจใหญ่ชางโจว เป็นไฉ่ซิ้งเอี๊ยเลื่องชื่อของชางโจวเลยละ อีกหน่อยถ้าน้องหลินอยากลงทุนในชางโจวก็เข้าหาหัวหน้าสมาคมหลี่เลย ได้ผลแน่นอน!”
หลินเซี่ยวชี้ชายวัยกลางคนร่างท้วมคนนั้น
หลี่ว่านหยวน หัวหน้าสมาคมธุรกิจใหญ่ชางโจว เป็นที่ยอมรับว่าเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งแห่งชางโจว อิทธิพลล้นฟ้า และเป็นบุคคลมีชื่อเสียงในวงการค้าประเทศหลุงด้วย
เรื่องโด่งดังของคนผู้นี้ ก็คือเรื่องที่จี้ฉงซานเศรษฐีอันดับหนึ่งเมืองก่างอยากลงทุนที่ชางโจว แต่กลับถูกเขาทำจนหน้าห้อยคอตก ถอนการลงทุนแบบขาดทุนยับเยิน แถมยังไม่กล้าบ่นสักคำ
ชางโจวกีดกันคนนอกมาก การป้องกันของทุกวงการก็เข้มแข็ง ไม่ว่าจะเป็นคนใหญ่โตมาจากไหน เมื่อมาชางโจวแล้วต่างต้องลดตัวลงไปกว่าครึ่ง
“สวัสดีครับ คุณชายสาม ผมหลี่ว่านหยวน เป็นหัวหน้าสมาคมกิตติมศักดิ์ของการประชุมธุรกิจชางโจว” หัวหน้าสมาคมหลี่ยิ้มตาหยีมองหลินอิ่ง “แต่เอ๊ะ! เห็นว่าคุณชายสามก็เป็นหัวหน้าสมาคมธุรกิจที่ตี้จิงด้วยเหมือนกัน เรียกว่าหัวหน้าสมาคมหลินน่าจะเหมาะสมกว่า”
“นั่นสิ! หัวหน้าสมาคมหลี่ ธุรกิจของน้องหลินอิ่งในตี้จิงใหญ่โตมากเลยนะ ที่เมืองก่างก็เป็นบุคคลสำคัญด้วย” หลินเซี่ยวพูดเป็นอย่างๆ “ต่างก็เป็นขาใหญ่วงการธุรกิจประเทศหลุงทั้งคู่ อีกหน่อยต้องมีโอกาสได้ร่วมงานกันแน่”
“เหรอ? คุณชายหลินอิ่งมีธุรกิจใหญ่โตขนาดนั้นเชียว? ผมได้ยินคนข้างนอกพูดเรื่องแปลกๆ กัน แต่ทำไมไม่ยักได้ยินเรื่องนี้?”
ชายกลางคนผมสั้นมองหลินอิ่งด้วยความสัพยอกเล็กน้อย
“เหลาอู่ คุณนี่เป็นกบในกะลาแล้ว น้องหลินนั่งผงาดในตี้จิงเชียวนะ เป็นคนสำคัญที่นั่น ตอนนั้นจี้ฉงซานเมืองก่างก็ไม่ใช่ทำตัวใหญ่โตหรือยังไง ดูสิ ถูกน้องหลินอิ่งของผมบีบจนตายเลย”
“เหรอ? ก็คือคุณชายอิ่งคนนั้นน่ะเหรอ? เคยได้ยินมานิดหน่อย แต่จะมีประโยชน์อะไร? ในชางโจวจะเป็นมังกรหรือมังกือ อยู่ข้างนอกใหญ่โตแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องทำตามระเบียบของผมทั้งนั้น” เหลาอู่คาบซิการ์ พูดอวดเบ่งบารมี
“เหอๆ น้องหลินอิ่ง นี่คือคุณอู่จี๋ เหลาอู่ ในแถบชางโจว ไม่ว่าจะศาสตร์แขนงไหน มีเรื่องอะไรก็หาเขา เขาจัดการได้หมดทุกเรื่อง!” หลินเซี่ยวหัวเราะพลางพูด
“เธอมาชางโจวครั้งแรก ฉันจะแนะนำเพื่อนสนิทให้แล้วกัน จะได้ไม่ทำผิดกฎ ทำร้ายถูกคนกันเอง”
สีหน้าหลินอิ่งเรียบเฉย มองพวกหลินเซี่ยวที่พูดเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
หลินเซี่ยวกำลังเตือนและโอ้อวดอิทธิพลของเขา
หลินอิ่งรู้แก่ใจดี ว่าชางโจวถูกตระกูลหลินควบคุมจนแน่นหนาราวกับเหล็ก เข็มแทรกไม่เข้า น้ำซึมไม่ถึง
ไม่ว่าภายนอกจะมีเงินมีอิทธิพลอย่างไร เมื่อมาถึงที่นี่ก็ต้องทำตามกฎตระกูลหลินทั้งนั้น
จากท่าทีของหลี่ว่านหยวนและคนแซ่อู่ที่มีต่อเขาแล้วก็เห็นได้ชัด
เมื่อถึงระดับหนึ่ง หากกำลังทรัพย์ไม่มากพอก็ซื้อชื่อเสียงไม่ได้
หลินเซี่ยวกำลังบอกเขา ว่าเขาไม่มีผลใดๆ กับชางโจวทั้งนั้น รากฐานที่ตี้จิงและอิทธิพลที่เมืองก่างล้วนไม่อยู่ในสายตา
หากไม่มีฐานะผู้สืบทอดตระกูล แม้แต่คนปุถุชนอย่างหลี่ว่านหยวนและเหลาอู่ก็คงไม่ไว้หน้าเขาแน่
“คือว่านะ คุณชายสาม ผมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง เป็นรู้จักเก่ากับคุณ เหมือนว่ามีธุระบางเรื่อง วันนี้ผมก็เลยพามาด้วย ให้เขาพูดกับคุณเองแล้วกัน?” จู่ๆ หลี่ว่านหยวนก็เปิดปากพูด
“คนรู้จัก?” หลินอิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่มีคนรู้จักที่ชางโจวนี่
เพียะๆ
หลินอิ่งยังไม่ทันพูด หลี่ว่านหยวนก็ตบมือไปสองครั้ง
เมื่อนั้นหญิงท่าทางองอาจ สวมชุดฝึกกังฟูสีขาวก็เดินเข้ามาจากประตูข้าง
ท่วงท่าไม่เหมือนผู้อื่น คิ้วและดวงตาเผยความหาญกล้าออกมา ทว่าดวงตากลับเย็นชา จ้องมาทางหลินอิ่ง
“หลินอิ่ง? แกยังกล้ามาชางโจวอีกเหรอ?” หญิงผู้นั้นตวาดเสียงดังถาม อารมณ์เดือดพล่าน
“หือ?” จางฉี่โม่มองหญิงคนนั้นที่เดินมา แล้วหันไปมองหลินอิ่งด้วยสายตาสงสัย
“ฉีโม่ ผมไม่รู้จักเธอ” หลินอิ่งพูดเด็ดขาด เกรงว่าจางฉีโม่จะเข้าใจผิด
“แกไม่รู้จักฉัน งั้นแกก็ไม่รู้จักเหอซานจินศิษย์พี่ของฉันด้วยสิ?!” หญิงคนนั้นจ้องหลินอิ่งด้วยความโกรธ “แกมันไอ้ชาติชั่ว! ฆ่าศิษย์พี่ฉันแล้วยังกล้ามาหุบเฉินเฟิงถิ่นของเราอีกเหรอ?!”
ขณะที่เธอพูด ประตูข้างก็มีชายหนุ่มหน้าตาเหี้ยมเกรียมเดิมเข้ามาอีกหลายคน แต่ละคนล้วนมีท่าทางดุดัน ดูไม่เหมือนคนธรรมดา
ทันใดนั้นบรรยากาศทั้งงานก็ตึงเครียด
คนตระกูลหลินต่างมองมา แววตาครุ่นคิด
ส่วนหลินเซี่ยวกลับนั่งผงาดอย่างเขาไท่ซาน สังเกตมองหลินอิ่งด้วยหางตา
“หุบเฉินเฟิง?” หลินอิ่งมองผู้หญิงคนนั้นด้วยความสนใจ เอ่ยเรียบๆ “เหอซานจินเป็นศิษย์พี่ของคุณ? คุณมาเพื่อแก้แค้นให้เขา?”
“ถูกต้อง! ฉันมาเพื่อฆ่าแกไอ้ชาติชั่วนั่นแหละ แกกล้าสู้กับฉันสักยกไหมล่ะ? ตรงนี้นี่แหละ ถ้าแพ้ก็ทิ้งชีวิตแกไว้นี่!” หญิงคนนั้นกล่าวเกรี้ยว
“เฮ้อ เหอซานกู นี่มันอะไรกัน? ไม่เห็นเหรอว่าตระกูลหลินกำลังจัดงานเลี้ยงน่ะ? ช่างไม่รู้จักกฎจัดระเบียบเสียจริง! ยังไม่ออกไปอีก? หลินเซี่ยวทำเป็นลุกขึ้นมาพูดเสียงแข็งกับอีกฝ่าย”
“คุณชายรอง ฉันเคารพคุณนะ และฉันก็หวังว่าคุณจะเคารพฉันกับคุณชายสามคนนี้ด้วย หรือว่า…คุณชายสามหลินอิ่งแห่งตระกูลหลินคนนี้ เป็นผู้ชายเสียเปล่า แต่กลับหลบหลังคุณชายรองเหรอ? ทำแล้วไม่กล้ารับ?” เหอซานกูยิ้มเย็น
“นี่…” หลินเซี่ยวมองหลินอิ่งด้วยสีหน้าลำบากใจ “น้องหลินอิ่ง เธอดูซิว่าจะจัดการยังไงดี?”
“เหอซานกูก็อารมณ์ร้อนเสียเรื่อง เป็นผู้หญิงยิงเรือแต่กลับมาก่อเรื่องถึงนี่ เธอว่าหรือฉันจะไล่ออกไปดีไหม? หรือว่า…น้องหลินอิ่งจะจัดการเอง?” หลินเซี่ยวทำเป็นคิดหนัก มองหลินอิ่งแล้วพูดอีก “เฮ้อ เป็นผู้หญิงเสียอีก ไม่งั้น…วันนี้ฉันก็จัดการเธอ แสดงบารมีสักหน่อยละ กล้ามาก่อเรื่องในงานเลี้ยงตระกูลหลินเสียนี่ จัดการยากจริงๆ”
หลินอิ่งยิ้มๆ ดูหลินเซี่ยวแสดงละคร
“จัดการยาก? งั้นผมว่าคุณก็อย่าจัดการเลย”