ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 709 จิตสังหาร
เมื่อรับรู้ว่ามียอดฝีมือปรากฏขนาบข้างแล้ว หลินอิ่งก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“น้องหลินอิ่ง เธอยอมจำนนแต่โดยดีจะดีกว่า ยอมรับผิดดีๆ พี่น้องตระกูลเดียวกัน ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก แต่ถ้าเธอรู้สึกว่าเสียหน้า งั้นถ้าพวกเราลงมือจับกุมตัวเธอจริงๆ เธอต้องขายหน้าไปกันใหญ่!” หลินเซี่ยวพูดเย้ย
ในความคิดของหลินเซี่ยว วันนี้เขาต้องเหยียบหน้าหลินอิ่งให้ได้
ยอดฝีมือทั้งสองเป็นสมาชิกในคณะกรรมการผู้อาวุโสตระกูลหลิน เป็นหัวใจหลักของฝ่ายผู้อาวุโสสอง
การเจาะจงเชิญพวกเขามาในครั้งนี้ โดยรวมก็เพื่อตัดทอนความน่าเกรงขามของหลินอิ่ง
หลังจากวันนี้ไป ไม่เพียงทำให้หลินอิ่งต้องเจียมตัวในตระกูลหลิน แต่หลินเซี่ยวก็จะได้หน้าเพราะการเหยียบคุณชายสามคนนี้ด้วย
ทำให้แม่เฒ่าได้เห็น ว่าหลินอิ่งที่เธอให้ความสำคัญเป็นแค่ไอ้สวะเท่านั้น สู้เขาไม่ได้เลย
หลินอิ่งวางเฉย ทว่าจิตสังหารในดวงตาทวีความรุนแรงมากขึ้น
หลินเซี่ยววางมาดจะโค่นเขาให้ได้ นี่ทำให้เขาเริ่มมีใจคิดฆ่า
เมื่อหลินอิ่งมองไป ก็รู้ระดับฝีมือของผู้เฒ่าทั้งสองทันที
สองคนนี้ด้อยกว่าฉินเหิงเยว่เพียงเล็กน้อย แต่ก็ยังถือว่าเป็นยอดฝีมือเยี่ยมยุทธ์
จากเรื่องนี้ทำให้เห็นว่าเบื้องหลังตระกูลหลินยิ่งใหญ่เพียงใด ที่ว่าตระกูลหลินมียอดคนเกลื่อนกลาดนั้นหาใช่ความเท็จไม่
ยอดฝีมือรายการระดับดินเป็นเจ้าพ่อในสังคมทั่วไปได้ และตระกูลหลินกลับปรากฏยอดฝีมือระดับรายการแห่งดินอยู่เนืองๆ
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะตระกูลหลินแห่งลังยามีรากฐานบูโดที่ล้ำลึก บ่มเพาะคนเก่งได้ทุกรุ่นทุกสมัย ทั้งยังเป็นที่ดึงดูดยอดฝีมือภายนอกอีก
ตระกูลหลินแห่งลังยาสมกับที่เป็นตระกูลลึกลับอันดับหนึ่ง และควรค่าแก่การขนานนามว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งบูโด
สถานการณ์ที่เผชิญในตอนนี้
หลินอิ่งตัดสินได้อย่างชัดเจน
กำลังของเขากำลังกลับคืนมาเรื่อยๆ ทุกครั้งที่เดินกำลังสู้ศึกหนักก็มักชะลอการฟื้นฟู
หากไม่จำเป็นจริงๆ เขาก็ไม่อยากออกโรงเอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลินเซี่ยวเป็นแค่คุณชายรองตระกูลหลิน แต่ด้านหลังเขายังมีผู้อาวุโสสองและคุณชายใหญ่ตระกูลหลินอีก
หลินอิ่งไม่อยากเห็นภาพที่ต้องเปิดศึกใหญ่กับหลินเซี่ยว
การรู้จักซ่อนคมก็เป็นระดับความสำเร็จอย่างหนึ่งเหมือนกัน
เพียงแต่…เวลานี้หลินเซี่ยวบีบคั้นเข้าทุกที หากไม่สั่งสอนให้หนัก ต่อไปก็จะวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น
ทำให้หลินเซี่ยวบาดเจ็บ บีบสองอาวุโสตระกูลหลินให้ล่าถอย
นี่เป็นเรื่องที่หลินอิ่งมั่นใจว่าสามารถทำได้ เพียงแต่เขาต้องแลกกับบางสิ่งเท่านั้น
“ยังไง? น้องหลินอิ่ง ฉันจะให้เวลาเธอคิดอีกสิบวินาที คิดให้ดีนะ! ถ้าจะผิดใจกับฉัน เธอเก่งพอเหรอ?” หลินเซี่ยวยิ้มเย็นพูด
“ฉันจะบอกให้นะ อย่าฝืนเป็นวีรบุรุษเลย อย่าคิดว่าน้องสะใภ้อยู่นี่ ขายหน้าต่อหน้าผู้หญิงแล้วจะรับไม่ได้” หลินเซี่ยวทำหน้าเย้ยเยาะ “ถ้าฉันไม่ขวางเรื่องนี้ไว้ให้ เหอซานกูกับพวกหัวหน้าสมาคมหลี่ต้องถลกหนังเธอแน่”
“เกิดเธอเป็นอะไรขึ้นมา น้องสะใภ้จะทำไงละ? ฮ่าๆ”
เมื่อได้ยินดังนั้น จางฉีโม่ก็ตกใจหนัก มองหลินอิ่งทันที ความหวาดกลัวและกังวลเผยออกมาจากสายตา
ทันใดนั้น ความเย็นในดวงตาหลินอิ่งก็ลงถึงจุดเยือกแข็ง
“หลินเซี่ยว แกรนหาที่ตายแล้ว!”
หลินอิ่งส่งเสียงคำราม จากนั้นร่างกายก็แล่นไปทางหลินเซี่ยวฉับพลัน
โครม!
หลินอิ่งใช้ฝ่ามือเป็นดาบ ใช้ชี่กังฟันออกไปด้วยความดุดัน ผ่าอากาศราวกับกระบี่อันคมกริบ เปี่ยมด้วยแรงสังหาร
วินาทีนั้นเอง หลินเซี่ยวที่เตรียมตัวอยู่ก่อนแล้วก็โต้กลับซัดออกไปสองฝ่ามือ ขับเคลื่อนกำลังภายใน ปะทะฝ่ามือกับหลินอิ่ง
เมื่อนั้น ชี่กังก็แผ่ออกไปเป็นวงแหวน เกิดเสียงสนั่นกลางอากาศ
ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นต่างมุ่งสายตามองรัชทายาททั้งสองของตระกูลหลินที่กำลังสู้ศึกกันด้วยความตึงเครียด
เรื่องเหนือความคาดหมายได้เกิดขึ้นแล้ว! การปะทะฝ่ามือของทั้งสองเมื่อครู่ทำให้หลินเซี่ยวถูกกระแทกถอยไปสองสามก้าว เหยียบพื้นเป็นรอยบุ๋ม สุดท้ายถึงยืนได้มั่นคงด้วยการยันกำแพง
หลินอิ่งดาหน้าขึ้นไปอีก แต่กลับถูกผู้อาวุโสทั้งสองเข้าขวางอยู่ตรงหน้า
ช้งเช้งๆๆๆๆ
ร่างทั้งสามเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว วุ่นวายชุลมุนไปหมด
แค่หายใจไปสิบกว่าครั้งก็ประมือกันไม่น้อยกว่าห้าสิบกระบวนท่าแล้ว เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ต่อสู้จนโต๊ะเก้าอี้แหลกกระจัดกระจาย กระจกแตกละเอียด
แต่สุดท้ายหลินอิ่งก็ถูกขวางไว้
สองอาวุโสถอยไปอยู่ข้างหลินเซี่ยว มองหลินอิ่งด้วยใบหน้าตึงเครียด
“คุณชายสาม นี่คุณคิดเอาชีวิต? กับพี่น้องต้องอำมหิตเช่นนี้เชียวหรือ?” ผู้อาวุโสคนหนึ่งถามขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
หลินอิ่งไม่สนใจ ความเย็นยะเยือกของเขา ทำให้คนที่เห็นต้องหนาวสะท้านราวกับนั่งอยู่ในอุโมงค์น้ำแข็ง
ใช่แล้ว! หลินเซี่ยวเหยียบถูกกับระเบิด
เขาไม่ควรพูดถึงจางฉีโม่ และไม่ควรข่มขู่เธอต่อหน้าเขา
“นี่…หลินอิ่งร้ายกาจอย่างนี้เชียว? รับมือคุณชายรองกับผู้อาวุโสสองคนได้ด้วยตัวคนเดียว?”
“ศึกนี้น่ากลัวชะมัด…”
คนตระกูลหลินที่สังเกตการณ์จากระยะไกล ต่างตะลึงตาค้างกระซิบกระซาบ
พวกเขาถูกพลังการรบที่หลินอิ่งระเบิดออกทำให้ตกตะลึง
เดิมยังคิดว่าหลินอิ่งไร้ทางไป ต้องถูกหลินเซี่ยวเหยียบย่ำยกใหญ่
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลินอิ่งจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ ต้อนคุณชายรองและผู้อาวุโสสองคนจนมุม
เช่นนั้น ก่อนหน้านี้ที่เขาอดกลั้นต่อการยั่วยุของตัวประกอบอย่างหลี่ว่านหยวนกับเหอซานกูล่ะ? เก็บอารมณ์ได้ดีจริง!
นี่แหละหนาที่เรียกว่าเก็บสายฟ้าไว้ในอก ใบหน้าสงบนิ่ง ยกขึ้นเป็นจอมพลได้
และในสายตาคนตระกูลหลิน หลินอิ่งก็คือคนเช่นนั้น
“ผู้อาวุโสสวี ผู้อาวุโสหลิว ฉวยโอกาสฆ่าหลินอิ่งซะ ปล่อยไว้ไม่ได้ จะให้มันกลับเขาลังยาไม่ได้เด็ดขาด” หลินเซี่ยวกระซิบ นัยน์ตาดุดันถึงที่สุด และคิดเอาชีวิตหลินอิ่งด้วย
“คุณชายรอง เอาอย่างนี้จริงหรือ?”
หลังจากผู้อาวุโสทั้งสองรู้สึกถึงจิตสังหารของหลินเซี่ยวแล้ว ใบหน้าก็เผยความตกตะลึงออกมา
“หลินอิ่งมันเก่งกว่าผม ศัตรูร้ายอย่างนี้ ถ้าให้แม่เฒ่าเจอเข้าต้องให้มันมีอำนาจในตระกูลแน่ จะปล่อยไว้ไม่ได้เด็ดขาด อาศัยตอนที่มันยังไม่มีที่ยืนในตระกูลกำจัดมันก่อน!”
หลินเซี่ยวพูดด้วยเสียงแผ่วเบา มีเพียงพวกเขาทั้งสามเท่านั้นที่ได้ยิน
“พวกท่านทั้งสองฟังผมนะ พวกท่านใช้ความเป็นผู้อาวุโสอ้างว่าจะไกล่เกลี่ย แล้วล่อหลินอิ่งออกไป พูดปลอบถ่วงเวลามันไว้ ส่วนผมจะติดต่อท่านปู่ให้ส่งยอดฝีมือมา คืนนี้ต้องเก็บหลินอิ่งในเมืองชางโจวนี้ให้ได้!”
“ถึงจะทำให้แม่เฒ่าไม่พอใจก็ต้องฆ่ามัน!”
เมื่อได้ฟังคำพูดที่ต้องเอาชีวิตให้ได้แล้ว ผู้อาวุโสสองคนก็สบตากัน ไม่ค่อยเข้าใจกับเรื่องนี้ จากนั้นก็มองหลินอิ่งเดินเข้ามา
พวกเขารู้นิสัยคุณชายสองหลินเซี่ยวดี ใจเหี้ยมอำมหิต เมื่อตัดสินใจแล้วจะไม่ลังเลเด็ดขาด
เป็นเช่นนั้นจริง หลินเซี่ยวคิดว่าตนตัดสินใจถูก เพราะเขาตกใจกับพลังของหลินอิ่ง และถูกความระห่ำของอีกฝ่ายทำให้ช็อกด้วย
คู่ปรับแบบนี้ หากมีโอกาสต้องตัดรากถอนโคน จะปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาด!
“คุณชายหลินอิ่ง ดูท่าคุณกับคุณชายรองจะเกิดความเข้าใจผิดกัน พวกเราปรึกษากันแล้ว เห็นว่าจะใช้ความเป็นอาวุโสมาปรับความเข้าใจข้อพิพาทในครั้งนี้
ผู้อาวุโสหลินพูดกับหลินอิ่งด้วยความเคร่งขรึม
“ยังไงก็พี่น้องกัน เกิดเป็นเรื่องใหญ่ก็จะเสื่อมเสียชื่อเสียงตระกูลหลินด้วย ที่นี่ไม่เหมาะจะคุย ไม่ทราบคุณชายหลินอิ่งจะไปคุยกันทางนั้นได้หรือเปล่าครับ?