ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 718 พิพากษา?
“ก็ได้ครับ ในเมื่อเป็นความปรารถนาของคุณยาย งั้นก็ทำตามที่คุณยายต้องการแล้วกัน” หลินอิ่งพูดอย่างจริงจัง
ดูๆ ไปแล้ว ตอนนี้ตาหลินซวนหวาก็ราวกับเป็นแค่ชายแก่คนหนึ่งเท่านั้น
ทว่าในสมัยก่อนต้องเป็นยอดคนแห่งยุคแน่
สามารถแต่งงานกับผู้หญิงตำหนักหลิงเซียวได้ จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร?
อีกอย่าง จากที่หลินอิ่งได้ประสบพบเจอมา เขามองออกว่ากำไลหยกขาวสลักหงส์นี้ต้องมีฐานะสูงในหลิงเซียวแน่
หลินซวนหวายิ้มพยักหน้า สายตาเหม่อลอย แล้วถาม “อิ่งเอ๋อ แม่เธอจากไปเมื่อไหร่?”
หลินอิ่งตอบ “ห้าปีที่แล้วครับ แม่ตรอมใจหนัก ตอนคลอดผมก็เสียสุขภาพถึงแก่น ถึงตอนนั้นผมจะเรียนวิชาแพทย์ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้”
“ซูชิงวาสนาน้อย” หลินซวนหวาถอดถอนใจ “เธอดูคนผิด พ่อเธอไอ้โง่นั่น… เฮ้อ อย่าพูดถึงเลย!”
“ตอนนั้นตาถูกตระกูลลงโทษหนัก ขังอยู่ในเขตชางโจว แถมยังถูกคนของผู้อาวุโสสองจับตามองอีก ขยับอะไรไม่ได้เลย ไม่มีพรรคพวกไปตามหาพวกเธอสองแม่ลูก…”
“ถ้าไม่ใช่เพราะเธอบากบั่นจนมีชื่อ ได้รับการจับตามองจากแม่เฒ่า จนตายตาก็คงไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันแน่”
หลินซวนหวาพูดสะท้อนใจ
หลินอิ่งจึงเอ่ย “คุณตาครับ เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว ตอนนี้ผมกลับมาแล้ว”
หลินซวนหวามองหลินอิ่งด้วยสายตาเชื่อมั่น ใบหน้าเปี่ยมด้วยความปลาบปลื้ม “ดี ดี เธอเก่งกว่าตาในตอนนั้นเยอะ!”
หลินอิ่งพูดต่อ “คุณตาครับ สมัยก่อนคุณตากับผู้อาวุโสสองมีความแค้นอะไรกันหรือ? ก่อนผมจะมาตระกูลหลิน เขาก็พยายามขัดขวางทุกวิถีทาง แถมยังคิดจะกำจัดผมที่ตี้จิงอีก”
เมื่อได้ยินดังนั้นหลินซวนหวาก็แวบประกาย พูดอย่างเคร่งขรึม “ระหว่างผู้อาวุโสสองหลินเสวียนหมิงกับตาที่จริงก็ไม่ใช่ความแค้นใหญ่หลวงอะไร แค่เขาเป็นคนใจแคบเท่านั้น”
“เดิมหลินเสวียนหมิงเป็นลูกพี่ลูกน้องกับตา สมัยก่อนก็เข้ากันดี แต่ตอนหนุ่มๆ ก็เพราะเขาตามจีบยายเธอก่อนในตอนแรก แต่ยายเธอกลับมาชอบตาแทน
“หลินเสวียนหมิงคิดว่าตาเป็นคนขัดขวาง เล่นลับหลัง เรื่องนี้วุ่นวายไปทั้งตระกูล เขาคิดว่าตัวเองเสียหน้า ถูกเหยียบย่ำอย่างหนัก ก็เลยเห็นตาเป็นศัตรูคู่แค้นไม่ขออยู่ร่วมโลก สู้กันมาสิบกว่าปี”
“ตอนนั้นที่แม่เธอจะแต่งกับฉีเหอถู ถึงยังไงตระกูลฉีก็เป็นตระกูลมียศร่ำรวยในสังคม แล้วก็ไม่ได้เป็นเรื่องผิดกฎของตระกูลอะไรด้วย แค่จัดการเงียบๆ หน่อยก็เรียบร้อย แต่พอหลินเสวียนหมิงรู้เข้าก็ทำเป็นเรื่องใหญ่โต สร้างข่าวลือขึ้นมา ทำจนเรื่องนี้เป็นความเสื่อมเสียของตระกูล ผู้คนรู้กันไปทั่ว แล้วฉวยโอกาสฉุดตาลงจากตำแหน่ง
“หลายปีมานี้เขายังเฝ้าระวังตาอยู่ การที่อยู่ๆ เธอก็กลับมา เขาต้องอยู่ไม่สุขแน่”
หลินซวนหวาค่อยพูดค่อยจา
เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลินซวนหวาก็เปลี่ยนเรื่อง พูดเสียงหนัก “อิ่งเอ๋อ ที่จริงเรื่องพวกนี้มันไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือตอนนั้นตาแพ้ คนที่สูญเสียอำนาจ ความผิดนิดเดียวก็ถูกขยายใหญ่ได้ไม่มีสิ้นสุด สุดแต่อีกฝ่ายจะเชือด”
“เพราะงั้น อิ่งเอ๋อ ในเมื่อครั้งนี้เธอกลับตระกูลหลินมาแล้ว ศึกผู้สืบทอดเธอจะแพ้ไม่ได้! ถ้าเธอแพ้ ญาติ เพื่อนฝูง รวมไปถึงพันธมิตรที่เกี่ยวข้องกับเธอทั้งหมดก็จะพลอยติดล่ามแหไปด้วย”
“แม่ของเธอก็ถูกติดล่ามแห่งของตา เรื่องนี้…ตารู้สึกผิดมาสิบกว่าปี”
หลินอิ่งพยักหน้าเล็กน้อย เข้าใจความหมายของหลินซวนหวา
แม่เป็นเหยื่อในการแข่งขันภายใน ส่วนตา… ก็เหมือนกับที่เขาพูด เป็น ‘คนแพ้’
สังคมก็เป็นแบบนี้แหละ
คนแพ้ไม่มีสิทธิ์แก้ตัว
หลินอิ่งเอ่ย “คุณตาครับ เรื่องที่คุณตาเอาชนะศึกครั้งนั้นไม่ได้ ผมจะเอาชนะแทนคุณตาเอง”
“ฮ่าๆ เอาสิ” หลินซวนหวาหัวเราะดีใจ “ได้ยินว่าเมื่อวานเธอฆ่าหลินเซี่ยวไปเหรอ?”
หลินอิ่งตอบ “ครับ ผมฆ่าเขา”
“ที่เธอฆ่าเขาก็ถูกแล้ว ถ้าเธอไม่ฆ่าเขา เขาก็ต้องหาโอกาสมาฆ่าเธอ” หลินซวนหวาพูดจริงจัง “เธอเก่งกว่าตา ต้องจัดการกับตระกูลหลินยังไง ตาสอนเธอไม่ได้ แต่ตาจะเตือนเธอไว้อย่าง เธอจะจัดการคุณชายใหญ่คนนั้นเหมือนกับที่ทำกับหลินเซี่ยวไม่ได้”
“คุณชายใหญ่ปีกกล้าขาแข็งในตระกูลหลิน มีอนาคต เธอจะสู้กับเขา ต้องระวังให้มากๆ”
“ครับ” หลินอิ่งพยักหน้า
ดูท่าคุณชายใหญ่ตระกูลหลินคนนั้นจะมีอิทธิพลในตระกูลมากจริงๆ ไม่แค่ฉินเหิงเยว่เตือนมาหนหนึ่ง แม้แต่ตาก็ให้ความสำคัญกับคนผู้นี้มาก
“แม่เฒ่ามอบหมายงานให้ตาอีกครั้ง อีกไม่นานตาก็จะลงเขาไปทำธุรกิจ” หลินซวนหวากล่าว “เรื่องของเธอ ตาจะช่วยอย่างสุดความสามารถ ต่อให้ต้องแลกกับชีวิตไอ้แก่นี่ก็ตาม”
ครั้นแล้วหลินอิ่งจึงว่า “คุณตาไม่ต้องเหนื่อยหรอกครับ ดูแลตัวเองก็พอแล้ว ผมทำอะไรรู้จักหนักเบา”
“อื่ม…” หลินซวนหวาเหมือนยังอยากจะพูดอะไร
ทว่าจู่ๆ ฉินเหิงเยว่ก็เดินเข้ามาจากประตูด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม “พี่ซวนหวา แม่เฒ่าเรียกคุณชายหลินอิ่งไปพบครับ”
“ได้ เหล่าฉิน รบกวนเธอแล้ว” หลินซวนหวาพยักหน้า มองทางหลินอิ่ง “อิ่งเอ๋อไปเถอะ เอาไว้ค่อยคุยกัน”
“ครับ งั้นผมขอตัวก่อนครับคุณตา”
หลินอิ่งลุกขึ้นยืนพาจางฉีโม่เดินออกจากลานบ้านไป
ทั้งสองคนตามฉินเหิงเยว่มาถึงหน้าตึกใหญ่หลังหนึ่ง ย่างเท้าขึ้นตามบันไดหยก
เวลานี้ ในห้องโถงใหญ่ตระกูลหลิน
แม่เฒ่านั่งอยู่บนเก้าอี้ปรมาจารย์ที่ตำแหน่งหลัก สองข้างมีผู้ที่กุมอำนาจตระกูลหลินอยู่
หลินเสวียนหมิงอยู่ด้านซ้าย ส่วนชายแก่ที่ผมขาวโพลนยืนอยู่ทางด้านขวา
“หารือกันมาตั้งนาน พวกแกยังไม่ได้ข้อสรุปอีกหรือ?” แม่เฒ่าตระกูลหลินเอ่ยปากพูดช้าๆ หรี่ตามองลูกหลานในตระกูลที่อยู่ด้านล่าง
“แม่เฒ่า ผมว่าการตายของหลินเซี่ยวก็เป็นที่รู้กันแล้ว เราไม่จำเป็นต้องลงโทษหลินอิ่งเพราะหลินเซี่ยวอีก นี่มันไม่สมเหตุผล ถ้าทำอย่างที่ผู้อาวุโสสองพูด กำจัดหลินอิ่งเชือดไก่ให้ลิงดู? งั้นตระกูลหลินเราไม่ต้องเสียคนมีความสามารถหรือครับ?” คนที่พูดก็คือชายแก่ผมขาวโพลน หลินสวียนคุน ผู้อาวุโสใหญ่ตระกูลหลิน
“ผู้อาวุโสใหญ่ หลินอิ่งไม่ได้ฆ่าหลานคุณนี่ คุณก็เลยพูดอย่างนี้ได้ ถ้าเขาฆ่าหลานคุณ คุณยังจะยุติธรรมอย่างนี้ไหม?”หลินเสวียนหมิงพูดด้วยความเย็นชา โต้กลับ
“ผู้อาวุโสสอง ถ้าหลานฉันสู้ตัวต่อตัวแล้วถูกฆ่า นั่นก็เพราะเขาไร้ความสามารถเอง ฉันจะไม่ออกหน้าให้หลานไม่เอาไหนหรอกนะ” หลินสวียนคุนหัวเราะ พูดตอบโต้
“แก!” หลินเสวียนหมิงเชอะทีหนึ่ง โมโหจนหน้าซีด มองไปทางแม่เฒ่าที่เป็นประธาน “แม่เฒ่า การตายของเซี่ยวเอ๋อเป็นความสูญเสียอันเจ็บปวดของตระกูลหลิน หลินอิ่งโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าได้กระทั่งพี่น้องร่วมสายเลือด ที่ท่านให้มันกลับเข้าตระกูลเป็นการชักศึกเข้าบ้านชัดๆ!”
“อีกอย่าง หลินอิ่งยังมีความเกี่ยวข้องกับมังกรเขียวกับซือคงฟู่แก๊งมังกรด้วย เขาต้องมีใจคิดคดแน่ คิดอยากเข้าแทรกตระกูลหลินด้วยจุดประสงค์อื่น ถ้าให้เขามีรากฐานในตระกูลหลินมั่นคง ต่อไปตระกูลหลินต้องมีเหตุร้ายไม่สิ้นแน่
แม่เฒ่าบีบหัวไม้เท้ามังกร หรี่ตาเงียบ
“เจ้ารอง แกไม่ต้องพูดอีก แกยังไม่สงบสติอารมณ์ เจ้าใหญ่ แกก็พูดจาไม่มีหลักการ ไม่ต้องพูดด้วยเหมือนกัน เอาอย่างนี้ เจ้าสาม แกดูแลกฎตระกูลหลิน แกลองว่ามา ว่าควรจัดการหลินอิ่งยังไงดี?”
เมื่อผู้อาวุโสสามหลินเสวียนซู่ถูกเรียกชื่อแล้วก็ก้าวออกมา พูดอย่างเคร่งขรึม “แม่เฒ่า ผมว่าทั้งหมดนี้เราจัดการกันทีละเรื่องดีกว่า”
“เรื่องของหลินอิ่งกับคนของท่านเฉินเฟิงยังไม่แน่ชัด ท่านเฉินเฟิงยังอยู่นี่รอแม่เฒ่าให้ความเป็นธรรมกับเขาอยู่ ไม่อย่างนั้นก็ให้หลินอิ่งมาเจรจาข้อพิพาทกับท่านเฉินเฟิงก่อน ดูว่าหลินอิ่งจะจัดการเรื่องนี้ยังไง เป็นการทดสอบความสามารถของเขาด้วย”
“เสร็จแล้วเราค่อยมาจัดการเรื่องที่หลินอิ่งสังหารคุณชายเซี่ยว”
“เจ้าสาม แกพูดได้ดี” แม่เฒ่าพยักหน้า เป็นอันได้ข้อสรุป “หลินอิ่งไม่ต้องเข้ามา ให้เขาไปห้องด้านข้างพูดกับท่านเฉินเฟิง ในเมื่อไอ้เด็กนี่กล้าฆ่าหลินเซี่ยว ฉันก็จะดูสิว่าเขาจะเก่งซักแค่ไหน”