ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 723 ปากเหมือนปืนลิ้นเหมือนดาบ
ผู้อาวุโสตระกูลหลินแต่ละคนนิ่งเงียบ แล้วมองไปที่หลินอิ่งกับจางฉีโม่อย่างเฝ้าสังเกต
แม่เฒ่าที่นั่งตำแหน่งสูงสุด หรี่ตาลงเช่นกัน แล้วใช้สายตามองสำรวจทั้งสองคน
หลินอิ่งสีหน้าท่าทีปกติ มองไปที่แม่เฒ่าตระกูลหลิน อย่างเรียบเฉย
แม่เฒ่าผมหงอกเต็มหัว มีริ้วรอยบนใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด เธอถือไม้ค้ำที่ทำจากไม้จันทน์หัวไม้ค้ำเป็นหัวมังกร ท่าทางสง่างาม
แม่เฒ่าตระกูลหลินผู้นี้ อายุเกือบร้อยปี แต่ดูเหมือนยังมีชีวิตชีวา มีดวงตาที่ต่างไปจากเดิมมาก ไร้ร่องรอยของความชรา
เนื่องจาก ในฐานะที่เป็นภรรยาของนายท่านใหญ่ของตระกูลหลิน แม่เฒ่าผู้นี้มีภูมิหลังที่ดี เขายังเป็นยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงในยุทธภพตอนอายุยังน้อย จนถึงตอนนี้กระดูกกระเดี้ยวของเธอก็ยังดีอยู่
หลินอิ่งเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วพูดว่า “สวัสดีครับแม่เฒ่า”
จางฉีโม่เองก็พูดอย่างมีมารยาทเช่นกัน “สวัสดีค่ะแม่เฒ่า”
“อืม หลินอิ่ง ไม่เลวๆ” แม่เฒ่าพยักหน้าเล็กน้อย ด้วยแววตาชื่นชมยินดี “รัศมีของแก มีลักษณะคล้ายกับปู่ทวดของแกตอนหนุ่มๆเลยนะ”
“คนที่อยู่ข้างๆ เป็นเหลนสะใภ้ของฉันใช่ไหม?” แม่เฒ่าค่อยๆพูดขึ้นมา “ไม่เลว เหมาะสมดี”
“หนูจ๊ะ เข้ามาตระกูลหลิน ฉันไม่รู้ว่าหนูชอบอะไร ฉันจะให้ของขวัญสำหรับการพบเจอกันครั้งแรก ในเมืองชางโจว ถ้าชอบอะไรล่ะก็ เลือกได้เลยนะจ๊ะ” แม่เฒ่าพูดอย่างไม่รีบร้อน คำพูดคำจาใจกว้าง
ในขณะที่กำลังพูด ก็มีคนรับใช้ของตระกูลหลินเดินเข้ามาจากข้างๆประตูสองคน สองมือถือกล่องไม้ แล้วยื่นมาด้านหน้าของจางฉีโม่อย่างนอบน้อม
จางฉีโม่เหมือนจะตื่นเต้นเล็กน้อย เหลือบมองหลินอิ่งครู่หนึ่ง หลินอิ่งค่อยๆพยักหน้า แล้วจึงรับรางวัล
แม่เฒ่าให้รางวัลกับจางฉีโม่ เป็นป้ายหยกของตระกูลหลิน เป็นสิ่งของที่แสดงถึงตำแหน่งฐานะ
อย่ามองว่าเป็นแค่ป้ายแผ่นหนึ่ง แต่ในเมืองชางโจว มันเป็นสิ่งที่จะเลือกอะไรก็ได้ รวมถึงเงินตราอำนาจ และทุกอย่าง
“ขอบคุณค่ะแม่เฒ่า” จางฉีโม่พูดอย่างนอบน้อม
“อืม” แม่เฒ่าพยักหน้าเบาๆ แล้วมองไปที่หลินอิ่ง “เหลนมีหน้าที่การงานใหญ่โตที่ตี้จิง ฉันได้ยินมาว่า ไม่เลวเลย ไม่ทำให้คนของตระกูลหลินเสียชื่อเสียง ซูชิงยัยเด็กคนนั้น มีลูกชายดีจริงๆ”
หลังจากพูดชื่นชมไปหนึ่งประโยค แม่เฒ่ากับชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วเปลี่ยนบทสนทนา พูดต่อว่า “หลินอิ่ง แกน่าจะรู้ว่าฉันให้แกเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลหลิน มันหมายความว่ายังไง?แล้วรู้ไหมว่าฐานะตัวตนนี้มันแสดงให้เห็นว่าอะไร?”
แม่เฒ่าพูดเข้าประเด็น หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย “กระผมไม่รู้ครับ”
“เหอะๆๆ” แม่เฒ่าหัวเราะ “เรื่องซูชิงแม่ของแก ตอนนั้นถือว่าฉันทำผิด หลายปีมานี้ฉันเป็นหนี้ครอบครัวของพวกแก นี่เป็นการชดใช้อย่างหนึ่ง และเป็นการยอมรับว่านามีความสามารถ”
“และแกมีฐานะนี้แล้ว ในขณะเดียวกันก็จะได้รับอำนาจและตำแหน่ง พร้อมกับต้องแบกรับหน้าที่ความรับผิดชอบที่ตามมาด้วยเช่นกัน”
“ฉันเชื่อมั่นในตัวแกนะ ตอนแรกฉันคิดจะเพิ่มภาระให้แก แต่ว่านะ ก่อนหน้าที่แกจะมาตระกูลหลินได้ทำอะไรมามากมาย คณะกรรมการผู้อาวุโสต่างถกเถียงกันใหญ่ ฉันจะอธิบายกับแกและเหล่าผู้อาวุโสอย่างไม่ปิดบัง แกคิดยังไงกับเรื่องนี้?”
พูดจบ แม่เฒ่าก็หรี่ตาลงแล้วมองไปที่หลินอิ่ง
หลินอิ่งพูดอย่างนิ่งเฉย “ผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องอธิบายครับ”
“หืม?” คิ้วของแม่เฒ่าขมวดเล็กน้อย ด้วยความสนใจ “เมื่อวานแกฆ่าเซี่ยวเอ๋อ เขาเป็นพี่ชายของแก แกจะไม่อธิบายถึงเหตุการณ์นั้นหน่อยหรอ?ว่าเป็นมายังไง?”
หลินอิ่งพูดอย่างนิ่งเฉยว่า “หลินเซี่ยวบีบให้ผมฆ่าเขาเอง ผมก็เลยฆ่าเขาซะ”
“บังอาจ!แกพูดจาสามหาวเกินไปแล้วนะ ไม่เห็นผู้ที่อาวุโสกว่าอยู่ในสายตา!คุณชายเซี่ยวเป็นพี่ชายของแก และเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งผู้สืบทอดของตระกูลหลิน แกเข้ามาในตระกูลหลินเป็นครั้งแรก ก็ฆ่าพี่ชายตระกูลเดียวกันอย่างโหดเหี้ยม นี่มันคือการไม่เห็นตระกูลหลินอยู่ในสายตาชัดๆ!” เวลานี้เอง หลินเสวียนเฮอลุกขึ้นยืน ตำหนิหลินอิ่งอย่างเกรี้ยวกราด หลังจากนั้นก็มองไปที่แม่เฒ่า “แม่เฒ่าครับ เด็กคนนี้จองหองเกินไป ต่อหน้าท่าน เขายังกล้ายโสโอหังขนาดนี้ ผมขอเสนอ ให้โบยเขาหนึ่งร้อยทีแล้วค่อยว่ากันครับ!”
แม่เฒ่าค่อยๆพูดขึ้นมาว่า “อย่าเอะอะอะไรก็ลงโทษ ใช้อำนาจในการกดขี่คนที่เด็กกว่าได้ไหม หลินอิ่ง ไหนแกลองเล่ามาสิ ว่าหลินเซี่ยวไปทำอะไรให้แกโกรธ ถึงได้ลงมือฆ่าเขาอย่างนี้?”
“ฆ่าเขาไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลหรอกครับ” หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย
“หลินเซี่ยวตายแล้ว ผมไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก”
“ผมเป็นคนฆ่าเอง แม่เฒ่าอยากจะทำยังไง ก็พูดมาได้เลยครับ”
“หืม?” แม่เฒ่าตระกูลหลินมองไปที่หลินอิ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่พูดอะไร
หลินอิ่งแข็งกร้าวมาก เผชิญหน้ากับยายทวดเช่นเธอ ไม่เพียงแต่ไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่งและไม่ถ่อมตัวเกินจนดูต้อยต่ำ กระทั่งยังไม่ใส่ใจอีกด้วย
โดยอากัปกิริยาเช่นนี้ ถึงว่าล่ะก่อนหน้านี้หลินอิ่งไม่สามารถทนต่อการยั่วยุของหลินซวนถูและคนอื่นๆ รวมถึงจัดการฆ่าหลินเซี่ยวที่คอยสร้างปัญหาให้เขา
เด็กคนนี้ ความตั้งใจแรงกล้ามาก
ความรู้สึกที่พบกันครั้งแรกที่แม่เฒ่ามีต่อหลินอิ่ง
“หลินอิ่ง แกบังอาจเกินไปแล้ว!แกเป็นลูกหลานคนหนึ่ง คนที่อยู่ในที่นี้เป็นผู้อาวุโสในตระกูลแกทั้งนั้น แม่เฒ่าเป็นถึงยายทวดของแก แม้แต่ปู่ของแกยังไม่กล้าพูดอะไร แกทำอย่างนี้มันหมายความว่ายังไง?” หลินเสวียนหมิงพูดด้วยเสียงขรึม
“แกฆ่าหลินเซี่ยว ตามกฎของตระกูลแล้ว จะต้องโดนทำโทษ กำจัดบูโดของแกซะ!และปลดออกจากการเป็นทายาท!”
พูดจบ หลินเสวียนหมิงก็มองไปที่แม่เฒ่า แล้วพูดขึ้นมาว่า “แม่เฒ่าครับ เด็กคนนี้ไร้เหตุผลเกินไป เขาพูดจาอย่างนี้ ไม่จำเป็นต้องพูดกับเขาด้วยเหตุผลแล้ว ผมขอให้แม่เฒ่าปลดความเป็นทายาทของเขากลับไป อนุญาตให้ผมอำนาจของผู้อาวุโส จับตัวเขาไปที่หลังเขา จัดการกำจัดบูโดซะ”
“ผมเห็นด้วยกับข้อเสนอของผู้อาวุโสสองครับ เด็กคนนี้ไม่มีความเป็นคนของตระกูลหลินด้วยซ้ำ ทำอะไรเย่อหยิ่งจองหอง โหดเหี้ยมอำมหิต ไม่คู่ควรกับการเป็นทายาทของตระกูลหลินด้วยซ้ำไปครับ”
“แม่เฒ่า ผมก็เห็นด้วย……”
คราวนี้ ผู้อาวุโสหลายคนที่มีอำนาจต่างพากันพูดจาตำหนิหลินอิ่ง อยากให้แม่เฒ่าตรึกตรองคำเสนอแนะ
บรรยากาศ เปลี่ยนเป็นกดดันภายในชั่วพริบตา แม้แต่หลินซวนหวาที่ยืนอยู่ข้างๆ สีหน้าก็ประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย
ใช่แล้ว ในความเห็นของเขา หลินอิ่งเผชิญหน้ากับแม่เฒ่า พูดจาแข็งกร้าวไปจริงๆนั่นแหละ คราวนี้ถูกหลินเสวียนหมิงคว้าโอกาสทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่นั่งลำบาก
หลินอิ่งหัวเราะอย่างเย้ยหยัน แล้วพูดขึ้นมาว่า “ศิลปะการต่อสู้ที่ผมเรียนมาไม่ได้มาจากการถ่ายทอดของตระกูลหลิน ตระกูลหลินมาสิทธิ์อะไรมากำจัดบูโดของผม?ผู้อาวุโสสองคุณน่ะ มีสิทธิ์อะไรมาแย่งเอาสถานะของผมไปหรอครับ?”
“หลินเซี่ยวเป็นหลานชายสวะของคุณ ความสามารถของเขาไม่เท่าคนอื่น ถูกผมฆ่าขณะที่เราต่สู้กันตัวต่อตัว คุณยังมีหน้ามาพูดอะไรอีก?”
“ถ้าแต่ละคนเหมือนคุณแบบนี้ เด็กไม่ได้เรื่อง ผู้ใหญ่ขึ้นมาสู้ต่อ ถ้าอย่างนั้นตระกูลหลินก็ทำให้คนดูถูกเกินไปแล้ว”
พูดจบ หลินอิ่งก็ส่ายหัวไปมา
“แก!แก!” หลินเสวียนหมิงท่าทางโกรธเกรี้ยว ถูกคำพูดของหลินอิ่งทำให้โกรธเข้าให้แล้ว
หลินเสวียนหมิงหายใจเข้า แล้วใจเย็นลง พลางพูดขึ้นมาว่า “แม่เฒ่าครับ การตายของเซี่ยวเอ๋อ ผมไม่มีวันหยุดแค่นี้แน่ เด็กคนนี้ฆ่าพี่ชาย แล้วยังไม่สำนึกอีก แถมยังยั่วยุผม ท่านได้โปรดอนุญาตผมเถอะครับ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น แม่เฒ่าจึงขมวดคิ้วขึ้นมาเบาๆ
ในใจของเธออยากจะปกป้องหลินอิ่ง แต่ก็ไม่กล้าทำเกินไป
คราวนี้หลินอิ่งยังหักหน้าผู้อาวุโสสองอีก
“เสวียนหมิง บูโดของหลินอิ่งไม่ได้รับการถ่ายทอดมาจากตระกูลหลินจริงๆนั่นแหละ ตระกูลหลินไม่มีสิทธิ์ไปเก็บบูโดของเขา” และแม่เฒ่าก็ค่อยๆพูดขึ้นมาว่า “ก่อนหน้านี้ฉันได้ยินมาลูกหลานหลายคนตอนที่อยู่ตึกชางไห่แล้วว่า เซี่ยวเอ๋อถูกหลินอิ๋งฆ่าโดยวิธีหนึ่งต่อหนึ่งจริงๆ แวดวงลึกลับเองก็มีกฎ ถ้าถูกฆ่าตายโดยวิธีประลองบูโด จะโทษใครไม่ได้”
พูดจบ มาเฒ่าก็มองไปที่หลินอิ่ง แล้วพูดขึ้นมาอย่างเคร่งขรึม “หลินอิ่ง ยังไงแกก็เป็นคนฆ่าเซี่ยวเอ๋อ ถ้าไม่ลงโทษแก มันก็จะดูไร้เหตุผลเกินไป”