ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 82เลือด
บทที่ 82เลือด
“ตอบมา ว่าคุณพาคนมาเท่าไหร่? แล้วพวกเขาซ่อนตัวอยู่ที่ส่วนไหนของเมืองชิงหยูน?” หลินอิ่งพูดด้วยเสียงที่ราบเรียบ “อีกอย่าง บอกมาด้วยว่าตระกูลเหวินใช้วิธีอะไรในการโค่นล้มตระกูลฉี? และใครกันที่อยู่เบื้องหลังของตระกูลเหวิน!”
“ฮึๆฮึ!” เหวินเป้าขำออกมาอย่างเย็นชา เพราะกรามที่กำลังชา ทำให้เสียงที่พูดออกมาฟังดูแปลกๆ “คุณคิดว่าผมจะยอมบอกเหรอ? ต่อให้คุณรับปากว่าจะปล่อยผมไปก็เถอะ แล้วคุณคิดว่าผมจะเชื่อใจคุณอย่างนั้นเหรอ? ฆ่าผมซะเถอะ ในเมื่อตอนนี้ทำงานพลาดไปแล้วผมก็ไม่คิดจะอยู่ต่ออีก!”
หลินอิ่งเองก็ขำออกมาอย่าไม่สบอารมณ์ “เมื่อผมได้ข้อมูลที่ตัวเองต้องการแล้ว ผมก็จะปล่อยให้คุณจากไปอย่างมีความสุข ผมรู้ดีว่านักฆ่าที่ถูกฝึกมาตั้งแต่เด็กอย่างคุณ ความตายคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยสินะ แม้แต่นักสอบสวนมืออาชีพก็คงทำอะไรคนอย่างคุณไม่ได้หรอก”
“ถ้าคุณเข้าใจแล้วก็ดี เพราะไม่ว่ายังไงคนของตระกูลเหวินก็ต้องแก้แค้นให้ผมอยู่แล้ว ผมจะไปรอคุณอยู่ในยมโลกก่อนแล้วกัน!” เหวินเป้าขำฮึออกมา แววตาราวกับ อสรพิษ “ต่อให้คุณทำลายกลุ่มของผมไปแล้วมันจะยังไง? ไม่ว่ายังไงก็จะมีคนใหม่ตามมาฆ่าคุณอีกไปตลอดชีวิต! ต่อให้คุณหนีออกจากเมืองชิงหยูนไป หรือจะหนีไปจนสุดขอบฟ้า มันก็ไม่มีความหมาย! ลูกนอกคอกของตระกูลฉีอย่างคุณ จะช้าหรือเร็วยังไงก็ต้องตายอยู่ในเงื้อมมือของตระกูลเหวินอยู่ดี!”
รังสีอำมหิตสายหนึ่งปรากฏขึ้นบนแววตาของหลินอิ่ง “ตั้งแต่เล็กจนโต มาได้เรียนรู้การทรมานเพื่อเค้นความลับมากมายหลายวิธี แต่ผมก็ยังไม่เคยได้ลองกับคนจริงๆสักที วันนี้ผมจะเอามันมาลองใช้กับคุณให้หมดเลย ดูสิว่าคุณจะทนได้สักกี่น้ำ!”
พูดจบ ตะเกียบในมือของหลินอิ่งก็ได้หลุดออกจากมือ ไปเสียบอยู่ที่สะบักของเหวินเป้า คาอยู่ตรงนั้นราวกับเข็มเล่มใหญ่
จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าไปดึงตัวเหวินเป้าที่ไร้เรี่ยวแรงให้ยืนขึ้น จนกระดูกของเหวินเป้าดังลั่น จากนั้นเขาก็รัวหมัดเข้าไปยังจุดสำคัญของเหวินเป้าอีกหลายที
จากนั้นก็จับเหวินเป้าห้อยหัวแล้วมัดขาไว้กับราวระเบียง เหลือไว้เพียงขาเท่านั้นที่ยังติดกับตัวอาคารอยู่ ทำเอาเลือดลมของเหวินเป้าต้องไหลย้อนกลับกันเลยทีเดียว
เหวินเป้าสีหน้าซีดเผือด เหงื่อไหลเต็มหน้า เห็นแล้วทรมานน่าดูจนต้องครวญครางออกมา ตอนนี้เขารู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัวราวกับว่ามีมีดนับพันนับหมื่นเล่มกำลังกรีดแทงเขาอยู่ ความเจ็บปวดค่อยๆ กัดกินหัวใจ บาดแผลที่อยู่ตรงสะบัดก็กำลังมีเลือดสดๆ ไหลออกมา………
“คุณสามารถทนจนเลือดไหลหมดตัวได้รึเปล่านะ?” หลินอิ่งเพิ่มแรงกดดันทางจิตใจเข้าไปอีก
พูดจบ หลินอิ่งก็ไม่ได้สนใจเหวินเป้าอีกเลย เขาหันหลังไปแล้วหยิบมือถือออกมาโทรหาใครบางคน
“ท่านหลิน มีอะไรใครรับใช้ครับ?” เสิ่นซานที่อยู่ปลายสาย รับสายด้วยความสุภาพ
“ช่วยมาที่โรงแรมชิงหยูนหน่อย”
หลังจากวางสาย หลินอิ่งก็ได้เดินมาที่ระเบียงอีกครั้ง ดื่มด่ำกับสายลม จ้องมองไปยังตึกรามบ้านช่อง ช่างเป็นทิวทัศน์ที่เลิศหรูตระการตาเหลือเกิน จากนั้นก็จุดบุหรี่
เขาจำเป็นต้องเปิดปากของเหวินเป้าให้ได้ เรื่องอื่นไม่ว่า อย่างน้อยขอแค่สามารถจัดการกับกำลังคนของเหวินเป้าที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองชิงหยูนให้ได้ก่อนก็พอ!
ในการที่กลุ่มของเหวินเป้าถูกทำลายไปในวันนี้ ต่อให้ทางด้านตี้จิงตระกูลเหวินจะไม่รู้ว่าเขาเป็นคนทำ แต่ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ต้องส่งคนมาสืบหาความจริงที่เมืองชิงหยูนอีกแน่ ไม่มีทางที่จะเมินเฉยกับการหายตัวไปของนักฆ่าทั้งกลุ่มอย่างแน่นอน
นี่ล่ะคือเหตุผลที่ว่า ทำไมหลินอิ่งถึงสั่งให้เสิ่ซานรีบรวบรวมพวกใต้ดินให้เร็วที่สุด ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเขาก็จะสามารถช่วยเป็นหูตาให้เขาได้ ต่อไปเกิดตระกูลเหวินส่งคนเข้ามาในเมืองชิงหยูนอีก เขาเองก็สามารถรู้ได้โดยง่าย ไม่ต้องถูกลอบทำร้าย อย่างน้อยก็ใช้มันเป็นสัญญาณเตือนได้
อีกอย่าง ตามแผนที่เขาวางไว้ จำเป็นต้องให้เสิ่นซานควบคุมเมืงชิงหยูนให้ได้ก่อน จากนั้นค่อยร่วมมือกับเจียงฉีเพื่อทำให้ตลาดสั่นคลอน
เมื่อเวลานั่นมาถึง เขาจึงจะวางใจกับความปลอดภัยของจางฉีโม่ภรรยาของเขาได้สักที จากนั้น เขาก็ยังสามารถเดินทางไปที่ตี้จิงอย่างสบายใจได้สักพัก ไปเยี่ยมคุณปู่ แล้วค่อยไปพบปะกับตี้จิงตระกูลเหวินสักหน่อย!
“หึ! หึ!” เหวินเป้าหายใจติดขัด จากนั้นก็พูดออกมาด้วยใบหน้าที่บูดเบี้ยว “ผมยอมแล้ว! ผมจะพูดทุกอย่างที่รู้เลย!”
นี่แค่วิธีแรกที่หลินอิ่งใช่เท่านั้น เขาก็รับไม่ไหวแล้ว ที่สำคัญเขาเองก็ไม่รู้ว่าหลินอิ่งยังเตรียมอะไรไว้ให้เขาอีกต่อจากนี้
มันไม่ได้มีเพียงแค่ความหวาดกลัวที่อยู่ในใจเพียงเท่านั้น ไหนจะยังมีความเจ็บปวดอันแสนสาหัสที่ได้รับทางกายเนื้ออีกล่ะ
เหวินเป้าเองก็ไม่รู้ว่าหลินอิ่งไปเอาวิธีการทรมานพวกนี้มาจากไหน เขาไม่จำเป็นต้องใช้กำลังอะไรมากมายเลยด้วยซ้ำเพียงแค่หักกระดูกกับโจมตีเข้าจุดสำคัญไม่กี่จุด มันก็ทำให้เขารู้สึกทรมานซะยิ่งกว่าการถูกไฟเผา ถูกมีดแทงหรือการทรมานโดยการถอนเล็บเป็นไหนๆ!
“ปล่อยผมไปเถอะ! ฆ่าผมเลย!”
เมื่อเหวินเป้าเห็นหลินอิ่งยังคงยืนสูบบุหรี่อย่างสบายใจอยู่ จึงได้ตะโกนออกมา การถูกทรมานแบบนี้เขาไม่อยากที่จะฝืนทนอีกต่อไปแล้ว!
หลินอิ่งค่อยหันกลับมา แล้วยิ้มอย่างเย็นชา “ความซื่อสัตย์ของคนในตระกูลคุณมีอยู่แค่นี้เองเหรอ? พูดมา”
“ผม ผมเป็นเพียงแค่หัวหน้ากลุ่มห้าของหน่วยที่ทำงานในเงามืดเท่านั้น ส่วนเรื่องที่ตระกูลเหวินทำลายตระกูลฉีนั้น ผมก็แค่ได้รับมอบหมายให้จัดการกับพวกปลายแถวของตระกูลฉีเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้ลอบสังหารพวกผู้นำระดับสูงหรอก ดังนั้นผมจึงไม่รู้รายละเอียดที่ชัดเจน และไม่รู้อีกด้วยว่าเบื้องหลังของตระกูลเหวินมีใครหนุนหลังอยู่……” เหวินเป้าพูดด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว
“ผมพานักฆ่ามาที่เมืองชิงหยูนแค่ยี่สิบคนเอง และได้กระจายพวกเขาไปอยู่ในย่านต่างๆ ของเมือง เดี๋ยวผมจะเอาที่ซ่อนกับเบอร์ติดต่อของพวกเขาให้……”
………
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป
หลินอิ่งกำลังนั่งอยู่ในรถโรลส์-รอยซ์ แฟนทอมที่เสิ่นซานเพิ่งเปลี่ยนมาใหม่ เขานั่งเอาหลังพิงเบาะ เสิ่นซานนั่งอยู่ตรงที่นั่งฝั่งคนขับและขับรถด้วยตนเอง รถถูกขับไปทางวิลล่าหิมะมังกร
“เรื่องที่ผมบอกไป คุณเตรียมคนเรียบร้อยแล้วหรือยัง?” หลินอิ่งถามด้วยเสียงที่ราบเรียบ
“ท่านหลิน สบายใจได้เลยครับ ก่อนรุ่งสางคุณจะต้องได้รับข่าวดีจากผมแน่นอนครับ ผมได้เตรียมการเอาไว้หมดแล้วทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยครับ!” เสิ่นซานตอบกลับมาอย่างหนักแน่น “นักฆ่าพวกนั้นฝีมือไม่ธรรมดา ผมจึงสั่งให้จัดคนเป็นทีม ทีมละหลายสิบคนไปจัดการ พวกชาวต่างชาติที่เคยเป็นลูกน้องเดนตายของโจปิน และยังมอบหมายให้สามที่น้องตระกูลหลิวเป็นคนนำทีมอีกด้วยครับ!”
“อืม” หลินอิ่งพยักหน้าด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
เมื่อเสิ่นซานหันไปเห็นแววตาของหลินอิ่งผ่านทางกระจกมองหลัง เขาก็รับรู้ได้ถึงจิตสังหารที่แผ่ออกมา จนทำให้เขารู้สึกถึงแรงกดดันอันมหาศาล
เขารู้ดีว่านี่คือหนึ่งในแบบทดสอบของท่านหลิน จะว่าไปนี่ก็เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้รับมอบหมายให้ไปจัดการคน ต่อให้งานที่ได้รับจะง่ายเหมือนการที่สิงโตไล่จับกระต่ายก็ตาม เขาก็ต้องพยามอย่างเต็มที่ ถ้าเกิดทำได้ไม่ดีขึ้นมา เขาก็คงไม่มีหน้ามาพบท่านหลินอีกแล้ว!
ในคืนนี้ เสิ่นซานเองก็ได้เห็นอีกมุมที่ดูซีเรียสของหลินอิ่งเข้าแล้ว ตอนที่เพิ่งมาถึงที่ดาดฟ้าของโรงแรมชิงหยูน บรรดาตอนนั้นเรียกว่าสยองเลยล่ะ
ไม่รู้ว่าหลินอิ่งทำอะไรกับเหวินเป้าไปบ้าง เขาถึงได้ร้องขอให้หลินอิ่งฆ่าเขาทิ้งซะ……นี่เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่ได้ยินการขอร้องแบบนี้
เสิ่นซานได้แต่คิดในใจ เรื่องนี้มันจะต้องเกี่ยวกับเลือด………
และจากนี้ต่อไปพายุจะยังไม่ยอมหยุดแน่น!
เขาเองก็เคยเห็นอะไรมาบ้าง เขารู้ดีว่าพวกชายชุดดำที่มาเยือนโรงแรมชิงหยูนในคืนนี้นั้นฝีมือไม่ธรรมดาเลย เห็นได้ชัดว่าพวกเขามาจากต่างแดน และต้องเกี่ยวข้องกับอดีตของท่านหลินแน่นอน
หลังจากที่โรลส์-รอยซ์ แฟนทอมถูกขับมาสักระยะ ในที่สุดรถคันนี้ก็ได้มาถึงทางเข้าของวิลล่าหิมะมังกร
ในตอนนั้น มือถือของหลินอิ่งก็ได้ดังขึ้นมาพอดี
“คุณกลับไปที่ออฟฟิศก่อนเลย เดี๋ยวผมเข้าไปเอง ถ้ามีอะไรเดี๋ยวผมจะตามคุณเอง” หลินอิ่งพูดอย่างจริงจัง
“ครับ ท่านหลิน!” เสิ่นซานลงจากรถมาแล้วเปิดประตูรถให้กับหลินอิ่งอย่างสุภาพ จากนั้นก็ขับรถออกไป
จางฉีโม่เป็นคนที่โทรมา หลินอิ่งรับสาย
“ฮัลโหล หลินอิ่ง คุณยังไม่นอนอีกเหรอคะ?” น้ำเสียงของจางฉีโม่ที่อยู่ทางนั่นฟังดูค่อนข้างสงสัย
หลินอิ่งตอบ “ยังเลย มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”
“ช่วงนี้คุณเป็นยังไงบ้าง? ไม่เห็นคุณมาทำงานที่บริษัทเลย…¥” จางฉีโม่ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง “ที่ฉันโทรมานี้ คือฉันมีเรื่องจะบอกค่ะ”
“ช่วงนี้ก็ถือว่าสบายดีอยู่มั้งครับ” หลินอิ่งขำออกมา “มีเรื่องอะไรก็พูดมาเลยครับ”
“พรุ่งนี้ที่บ้านเก่าของตระกูลจางจะมีการจัดประชุมครอบครัวค่ะ เป็นเรื่องของคุณโดยตรงเลย คุณเข้ามาสักหน่อยนะคะ” จางฉีโม่พูดออกมาด้วยความหนักใจ “พวกคุณลุงกับคุณน้ารองต่างก็อยากจะขับคุณออกจากตระกูลจางแล้ว แถมยังเอาแต่กล่าวถึงคุณอย่างเสียๆ หายๆ ส่วนแม่ของฉันนั้นคุณเองก็น่าจะรู้ดี เฮ้อ……”
“ผมคิดว่า การที่พวกเขาทำกับคุณแบบนี้มันก็เกินไป มันไม่ยุติธรรมเอาซะเลย ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจยังไง รถกับบ้านนั้นผมจะเอามันให้คุณทั้งหมดเลยครับ” จางฉีโม่พูดออกมาอย่างจริงจัง
ฉีโม่เป็นกังวลว่าเขาจะตัดสินใจยังไงอย่างนั้นเหรอ?
หลินอิ่งทนไม่ไหวจนต้องยิ้มออกมา แล้วตอบกลับไปว่า “พอแล้ว คุณรีบไปนอนเถอะครับ อย่าคิดมากเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะเข้าไปที่ตระกูลจางครับ”
“ราตรีสวัสดิ์ครับ”
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”