ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่ 85 ความลับที่เก็บซ่อนอยู่ในใจ
บทที่ 85 ความลับที่เก็บซ่อนอยู่ในใจ
“หลินอิ่ง แกได้ยินรึเปล่า? น้ารองของฉีโม่กำลังจะจัดการแกแทนฉันอยู่ อย่าคิดว่าแกกับนังแพศยาคนนั้นจะสามารถไปจากที่นี่ได้ง่ายๆ นะ!” ลู่หย่าฮุ่ยพูดด้วยความไม่พอใจ เธอได้มองจางหงอี้เป็นตัวตายตัวแทนของเธอไปแล้ว
จางหงอี้ยิ้มออกมาอย่างได้ใจ แล้วพูดว่า “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว น้องสะใภ้ ตอนนี้สถานะของแกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว หลังจากที่จัดการกับเรื่องนี้แล้ว ครึ่งหนึ่งของฉีโม่ก็จะกลายเป็นของตระกูลหวาง ต่อไปที่บ้านตระกูลหวางฉันจะดูแลฉีโม่ให้เป็นอย่างดีเลย”
“ยังไงก็ต้องขอให้พี่ช่วยดูแลเธอให้หน่อยนะคะ” ลู่หย่าฮุ่ยพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแฉ่ง ราวกับได้เหยียบเข้าไปอยู่ในบ้านของตระกูลหวางแล้วเลย
“ครอบครัวของแกเองก็รีบตัดสัมพันธ์กับคนไร้ค่าอย่างมันได้แล้ว จะได้มีชีวิตที่ดีๆ กับเขาสักที!” จางหงอี้พูดออกมาด้วยความไม่สบอารมณ์ “หลินอี้ นี่คือใบหย่าที่ลุงๆ ของฉีโม่ได้ไปเอามาจากทนาย ถ้าแกไม่ยอมเซ็นละก็ เราก็จะฟ้องแกทันที แกเลิกเกาะแกะกับตระกูลจางของเราสักที!”
พูดจบ จางหงอี้ก็ได้วางเอกสารชุดหนึ่งไว้บนโต๊ะ พร้อมกับหนังสือร้องเรียนจากทนายความของหวางซื่อกรุ๊ปอีกหนึ่งฉบับ
“น้องห้า น้องสะใภ้ เรื่องนี้ฉันเองก็พยายามช่วยอย่างเต็มที่แล้วนะ” จางหงอี้พูดด้วยความพึงพอใจ “ฉันไปจ้างทนายที่เก่งในเรื่องการฟ้องหย่าที่เก่งที่สุดในเมืองชิงหยูนให้มาช่วยเลยนะ! กับการที่หลินอิ่งไปทำร้ายเขา ด้วยนิสัยของจื่อเหนินมีเหรอที่เขาจะไม่มาหาเรื่องตระกูลจาง? ดีนะที่ฉันไปช่วยพูดให้หน่ะ ที่ฉันทุ่มเทขนาดนี้ ล้วนแล้วแต่ต้องการให้คนในตระกูลจางมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพื่อความสุขของฉีโม่ในอนาคต!”
“สิ่งที่พี่รองทำให้ พวกเรารู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมากเลยครับ” จางซิ่งเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“พี่รองนี่ช่างเก่งจริงๆ เลยค่ะ!” ลู่หย่าฮุ่ยพูดออกมาอย่างมีความสุข “เพื่อฉีโม่แล้ว พี่รองต้องลำบากแย่เลย”
จางหงอี้ยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ “ฮา เรื่องเล็กน้อยหน่ะ ขอแค่สามารถขับไล่คนไร้ค่าอย่างหลินอิ่งออกจากตระกูลจางได้ มันก็เป็นเรื่องที่คนของตระกูลจางสมควรจะทำอยู่แล้ว!”
พูดจบ จางหงอี้ก็หันไปมองหลินอิ่งด้วยสายตาที่เยาะเย้ย
คราวก่อนไอ้หลานเขยงี่เง่าคนนี้มันกล้าที่จะเถียงกับเธอ เมื่ออยู่ต่อหน้าเธอแม้แต่พี่ใหญ่กับน้องสามยังต้องยอมเลยยังไงก็ต้องเล่นมันให้หนัก
แล้วยิ่งหวางจื่อเหวินมาสนใจในตัวฉีโม่แบบนี้ มันช่างเป็นโอกาสที่ดีเหลือเกิน สุดท้ายแล้วหวางจื่อเหวินจะยอมแต่งงานกับฉีโม่รึเปล่านั้นมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอแล้ว ขอแค่สามารถทำให้หวางจื่อเหวินพึงพอใจ มันก็สามารถทำให้ตำแหน่งในตระกูลหวางของหวางโจงสามีเธอมั่นคงขึ้นอย่างแน่นอน!
“จางหงอี้ นี่คุณเข้ามายุ่งมากเกินไปหรือเปล่า?” หลินอิ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
“นี่แกหาว่าฉันยุ่งไม่เข้าเรื่องอย่างนั้นเหรอ? ฉันเป็นน้ารองของตระกูลจางเลยนะ กับคนที่เอาแต่ออกไปหากินข้างนอกคนไร้ค่าที่ต้องเข้ามาพึ่งพาบ้านผู้หญิงอย่างแกน่ะ ฉันจำเป็นต้องยุ่ง!” จางหงอี้พูดออกมาอย่างมีเหตุมีผล
“หึ” หลินอิ่งส่ายหน้า
ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะว่าการที่จางหงอี้วิ่งเต้นไปมานั้นเพื่ออะไร ก็เพื่อเอาใจหวางจื่อเหวินหลานที่ไร้ค่าของเธอยังไงล่ะเพื่อให้ตำแหน่งของหวางโจงมั่นคงขึ้นอีก มันไม่ได้เลิศหรูอย่างที่เธอพูดออกมาเลยสักนิด ทำเพื่ออนาคตของฉีโม่อย่างนั้นเหรอ?
หลินอิ่งเองก็เคยได้รับรายงานจากเสิ่นซานเหมือนกันว่า ตำแหน่งของหวางโจงสามีของจางหงอี้ที่อยู่ในตระกูลหวางนั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรกับสถานะของจางซิ่วเฟิงที่อยู่ในตระกูลจางเลย ก็คือการรอกินของเหลือจากหวางกั๋วคังพ่อของหวางจื่อเหวินเท่านั้น
“หลินอิ่ง นี่ขนาดอยู่ในสถานการณ์แบบนี้แกยังขำออกมาได้อีกอย่างนั้นเหรอ?” จางหงจูนเดินโวยวายเข้ามา แล้วนั่งลงบนหัวโต๊ะอย่างหยิ่งผยอง พร้อมกับจ้องเขม็งมาที่หลินอิ่ง
“วันนี้ฉันได้จัดการทุกอย่างไว้ให้แกแล้ว! ไสหัวออกไปจากตระกูลจางซะ!” จางหงจูนพูดอย่างได้ใจ “และฉันจะบอกอะไรแกอย่างหนึ่งนะ เมื่อไหร่ที่แกก้าวเท้าออกจากตระกูลจางไป คุณชายใหญ่หวาง หวางจื่อเหวินก็จะมาสู่ขอฉีโม่ทันที!”
“ได้ยินว่าคุณชายใหญ่หวางได้เตรียมรถสปอร์ตราคาสามล้านกับวิลล่าราคาเจ็ดล้านรอต้อนรับไว้แล้ว” ลู่หย่าฮุ่ยพูดเสริมอยู่ข้างๆ “หลินอิ่ง เดี๋ยวแกก็ลืมตาดูซะให้เต็มที่เลยนะ ของพวกนั้นเป็นสิ่งที่ชาตินี้ทั้งชาติแกก็ไม่มีทางหาได้แน่นอน!”
หลินอิ่งหันไปมองลู่หย่าฮุ่ยกับจางซิ่วเฟิงไปทีหนึ่ง ก็ว่าทำไมจู่ๆ พ่อแม่ของฉีโม่ถึงได้ดูได้ใจขึ้นมาขนาดนี้
“แกจะมองอะไรนักหนา?” ลู่หย่าฮุ่ยถลึงตาใส่เขา “ฉีโม่นั้นเพียบพร้อมจะตาย มีชื่อเสียงในวงการเพรชพลอยขนาดนั้นมีเพียงคนระดับคุณชายตระกูลหวางเท่านั้นแหละที่คู่ควรกับเธอ แกเองก็ควรไปส่องกระจกดูสาระรูปตัวเองบ้างนะ ว่าแกมันเป็นตัวอะไร? อยู่ตระกูลจางมาตั้งหลายปีแล้วก็ยังเป็นได้แค่คนที่กินเงินเดือนจากตำแหน่งเลขาของฉีโม่เท่านั้นมีน้ำยาทำได้แค่นี้ ถ้าขาดฉีโม่ไปแม้แต่ข้าวก็ยังไม่มีให้กินเลยมั้ง! แกคิดว่าแกมีดีอะไรที่จะได้เทียบกับหวางจื่อเหวินได้?”
“น้องสะใภ้พอแล้ว แกเองก็เลิกพูดได้แล้ว คนอย่างมันไร้ค่าขนาดไหนเราต่างก็รู้ดี ตัวเองไร้ความสามารถ ได้แต่พึ่งพาฉีโม่ ในเมื่อวันนี้ฉันเป็นผู้นำของตระกูลจาง ฉันจะเป็นคนอ่านข้อตกลงของใบหย่าให้เขาฟังแล้วกัน” จางหงจูนหยิบสัญญาเล่มหนาขึ้นมา แล้วมองหลินอิ่งด้วยสายตาที่เหยียดหยาม
“แกจงตั้งใจฟังให้ดีนะ! ไม่ใช่ว่าพอหย่ากันไปแล้วคิดจะกลับมาแบล็กเมล์พวกเราอีก” จางหงซวนพูดเสริมอยู่ข้างๆ
พูดจบจางหงซวนกับจางหงจูนก็หันมาสบตากัน แล้วยิ้มออกมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
พวกเขาได้ตกลงกับหวางจื่อเหวินไว้ตั้งนานแล้วว่า ถ้าพวกเขาสามารถขับไล่หลินอิ่งออกจากตระกูลได้ แล้วช่วยหวางจื่อเหวินสามารถเข้าถึงจางฉีโม่ได้ละก็ หวางจื่อเหวินก็รับปากว่าจะออกหน้าช่วยพวกเขาต่อกรกับอูหยางให้!
พวกเขาสองคนทนกับการที่ต้องถูกอูหยางเหยียดหยามมากพอแล้ว!
แผนการครั้งนี้เตรียมการมานาน เมื่อไล่หลินอิ่งออกไปแล้ว ในไม่ช้า ตระกูลใหญ่ทั้งสามก็จะส่งคนมา ต่อให้อูหยางมีอำนาจของนิ่งซื่อกรุ๊ปเมืองตงไป่อยู่ในมือก็ช่วยอะไรมากไม่ได้! เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผน พวกเขาก็จะยึดหุ้นที่อยู่ในมือของอูหยางในที่ประชุมผู้บริหารทันที!
ส่วนครอบครัวของจางฉีโม่ที่กำลังคาดหวังว่าจะสามารถมีชีวิตที่สุขสบายได้หรือเปล่านั้น ก็ถูกคนตระกูลจางใช้เป็นแท่นเหยียบขึ้นไป คิดแล้วมันช่างน่าขันสิ้นดี!
ความคาดหวังของน้องห้านั้นเป็นแค่เรื่องตลกเท่านั้น พวกเขาสองคนต่างก็รู้อยู่แก่ใจแล้วว่าหวางจื่อเหวินนั้นเป็นคนยังไง เสื้อผู้หญิงดีๆ นี่เอง ไม่รู้ว่าเลี้ยงผู้หญิงไว้มากมายขนาดไหน เปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่น คนแบบนี้จะไปจริงใจจนแต่งงานกับจางฉีโม่ได้ยังไง?
ไม่แน่พอได้เสพสมกับจางฉีโม่จนหนำใจแล้วแม้แต่สินสอดก็อาจจะยึดคืนไปด้วย ที่สำคัญตอนนี้ตระกูลหวางมีทั้งเงินมีทั้งอำนาจ คิดอยากจะทำอะไรก็ได้
“พี่ใหญ่ รีบอ่านให้มันฟังเถอะค่ะ!” ลู่หย่าฮึ่ยพูดด้วยรอยยิ้ม เธอรอที่จะกำจัดสิ่งแปลกปลอมออกจากบ้านและต้อนรับคุณชายใหญ่หวางต่อไปไม่ไหวแล้ว จะอยากจะส่งลูกสาวให้กับตระกูลหวางในวันพรุ่งนี้เลยด้วยซ้ำ!
เธอกับจางซิ่งเฟิงได้ปิดบังลูกสาวอยู่ ความจริงพวกเขาได้ทำข้อตกลงกับพี่ใหญ่และพี่รองเอาไว้แล้ว
ต่อให้หลินอิ่งไม่ยอมตกลงจนต้องถึงขั้นฟ้องร้องกัน ในทางปฏิบัติแล้ว คำพูดของพวกเขาสองคนก็ค่อนข้างมีน้ำหนักอยู่เหมือนกัน แค่สร้างข่าวฉาวขึ้นมาสักอันแล้วประกาศออกไป ยังไงก็ไม่มีใครเชื่อคนไร้น้ำยาอย่างหลินอิ่งแน่นอน
พอคิดว่าอีกไม่นานก็จะได้ย้ายเข้าไปอยู่ในวิลล่า นั่งรถใหม่ ใบหน้าของลู่หย่าฮุ่ยก็ดูมีความสุขขึ้นมาทันที
“อะแห้ม” จางหงจูนไอไปสองที จากนั้นก็มองหลินอิ่งด้วยสายตาที่เหยียดหยาม “ว่าด้วยข้อตกลงเรื่องการหย่าร้าง หลินอิ่งแกนั่นถือว่าเป็นเขยที่แต่งเข้าบ้านมา ดังนั้น แกจึงต้องออกจากตระกูลไปตัวเปล่า โดยที่ห้ามเอาอะไรไปด้วยเด็ดขาด! แม้แต่โรงจอดรถแกก็ไม่มีสิทธิ์!”
“แต่ว่า เห็นแก่ที่ตอนนั้นคุณท่านเป็นคนเสนอให้แกแต่งงานเอง เราเองก็ไม่อยากทำผิดต่อท่าน ฉัน น้องสามน้าสองของฉีโม่ เราทั้งสามจะจ่ายให้แกคนละสามหมื่นเพื่อให้แกได้เอาไปตั้งตัว”
“ใช่แล้ว เงินนั้นแกเอาไปเถอะ ถึงแม้ว่าแกจะเอาแต่ออกไปหากินข้างนอกจนทำให้ชื่อเสียงของวงตระกูลต้องเสื่อมเสียแต่พวกเราเองก็ต้องรักษาชื่อเสียงไว้บ้างเหมือนกัน ในเมื่อแกเองก็ทำได้แค่เกาะผู้หญิงกิน ถ้าออกจากตระกูลจางไปแล้วเกิดหิวตายขึ้นมาจะทำยังไง เดี๋ยวใครเขาจะหาว่าพวกเราตระกูลจางเป็นคนใจร้ายใจดำเอาได้” จางหงอี้พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจ
“ถ้าแกตกลงก็เซ็นชื่อซะ แล้วฉันจะให้ทนายมาเซ็นตรวจสอบ จากนั้นก็จะได้พาแกไปดำเดินการต่อที่สำนักงาน! แถมยังมีเงินอีกเก้าหมื่นติดตัวไปอีกด้วย” จางหงซวนพูดด้วยเสียงที่ทุ้มลึก “แต่ถ้าแกไม่ยอม เงินเก้าหมื่นก็ไม่ต้องเอา แล้วเตรียมตัวไปนอนคุกได้เลย! แกคิดให้ดีๆ ก่อนนะ ด้วยสภาพของแกตอนนี้ แกคิดว่าจะสามารถชนะคดีได้อย่างนั้นเหรอ?”