ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่114 การประชุมประธานเร่งด่วน
บทที่114 การประชุมประธานเร่งด่วน
“อะไร?คุณจะไล่ประธานหลินไปเหรอ?” หลี่ผูเบิกตาโผลง พลางพูดด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
แม่ตาของคุณชายกล้าเกินไปแล้วหรือเปล่า?จะมาไล่คุณชายแบบนี้?
เธอเก่งมาจากไหน?ไม่รู้ว่าทุกอย่างมันเป็นของคุณชายหรือไง?
“คุณตกใจอะไรเหรอ?แค่ไล่ไอคนจนนั่นออกไปมันน่าแปลกตรงไหน?” ลู่หย่าฮุ่ยยิ้มด้วยความเยือกเย็นก่อนพูดขึ้น
“ตอนนี้ลูกสาวฉันขึ้นมาเป็นรองประธานของบริษัท หรือผู้บริหารที่รับผิดชอบเรื่องราวหนักๆ มากมาย และเป็นที่หนึ่งของเครื่องประดับต่างๆ ในตุงไห่!แค่ออกแบบเครื่องประดับไข่มุกเพียงอย่างเดียวก็แพงเป็นสิบๆ ล้านแล้ว!” ลู่หย่าฮุ่ยพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ “ว่ากันตามหลินอิ่งจนๆ นั่น จะคู่ควรกับลูกสาวฉันงั้นเหรอ?ตอนนี้เขาเป็นคนหยิบรองเท้าให้ลูกสาวฉันยังไม่เหมาะเลย!”
“นี่ คุณพูดถึงเรื่องนี้บ่อยๆ ทำไม?” จางฉีโม่เดินลงมาจากชั้นบน มีแววตาที่ดีไม่สู้ดีนัก “หลินอิ่งเป็นผู้ช่วยข้างกายฉัน ช่วยอะไรฉันมามาก การทำงานที่บริษัทของเขานั้น ก็ทำได้อย่างดี”
ลู่หย่าฮุ่ยมองจางฉีโม่ ก่อนจะพูดด้วยความรำคาญ: “อั้ยหยา ลูกสาว หลินอิ่งเอาใจผู้หญิงเก่ง ดูสิ เอาใจจนคุณช่วยพูดแทนเขาเลยงั้นเหรอ?คุณรู้ไหมว่าเขามีความสัมพันธ์กับหวางหงหลิงน่ะ?บอกว่าออกไปทำงานที่ไกลๆ ครั้งนี้ ผียังรู้เลยว่าเขาได้ไปยุ่งเกี่ยวกับใครหรือเปล่า”
จางฉีโม่ไม่รู้จะพูดอะไร เลยถอนหายใจ
“โอเค ลูกสาว เรื่องพวกนี้คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก คุณตั้งใจทำงานไป เรื่องภายในบ้านฉันจะช่วยคุณจัดการเอง” ลู่หย่าฮุ่ยพูดด้วยความจริงจัง
“หลี่ผู ถ้าเกิดว่าคุณอยากจะทำงานให้พวกเราอยู่ ก็ต้องซื่อสัตย์หน่อยนะ” ลู่หย่าฮุ่ยพูดเสียงเย็นชา โดยที่ไม่พอใจในตัวของพ่อบ้านที่หลินอิ่งเชิญมาเป็นอย่างมาก “ฉันจะบอกคุณให้นะ คำพูดของฉันถือว่าเด็ดขาดในบ้านนี้ ถ้าเกิดว่าคุณเอาแต่เรียกประธานหลินๆ ตลอดเวลา จะช้าหรือเร็วคุณก็ต้องเหมือนหลินอิ่ง คือถูกพวกเราเตะออกจากบ้านไป อายุขนาดคุณแล้ว ยังจะหางานดีๆ ทำได้จากที่ไหนอีก?”
จริงๆ ลู่หย่าฮุ่ยอยากจะเปลี่ยนหลี่ผูออกไป แต่ว่าการหาคนดูแลบ้านนั้น ได้ยินมาจากบริษัทจัดหาว่าถ้าหาคนที่ชำนาญนั้นจะต้องจ่ายเงินเดือนเป็นพันเป็นหมื่นเลยล่ะ เลยไม่อยากจะจ่ายเงินก้อนนั้นไป
ถึงอย่างไรก็เป็นคนที่หลินอิ่งเชิญมา หลินอิ่งเป็นคนจ่ายเงิน ก็ให้เป็นคนใช้ต่อไปก็ได้
หลี่ผูหยุดพูด มีสีหน้าทำอะไรไม่ได้ ก่อนจะถอนหายใจออกมา แล้วไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่าเดิม
เขาเป็นหัวหน้าคนดูแลมากว่าครึ่งชีวิตที่ตระกูลฉีของตี้จิง ไม่เคยเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้ และก็ไม่เคยเจอคนแบบไหนมาก่อนเลยซะที่ไหนกัน?
แต่มีเพียงอย่างเดียว ที่ไม่เคยเจอผู้หญิงที่ปากร้าย มีตาหามีแววไม่ และหน้ามืดตามัวขนาดนี้มาก่อนเลย!
ติ๊ดๆ
ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของจางฉีโม่ดังขึ้น เธอรับโทรศัพท์ด้วยแววตานิ่งเฉย ก่อนจะขมวดคิ้วเบาๆ
“แม่ ฉันไปที่บริษัทแล้ว บริษัทเปิดประชุมจัดหาคนดูแลอย่างเร่งด่วน” จางฉีโม่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะบอกลา แล้วเดินออกจากบ้านพักไป
“ได้เลย ลูกสาวสู้ๆ นะ” ลู่หย่าฮุ่ยพูดด้วยความยินดี
จากนั้น เธอก็เชิดใส่หลี่ผู ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร
“นี่เป็นบ้านของน้องชายสามหรือเปล่า?ใช่ ใช่ นี่ป้าเอง เสี่ยวเฉียน ให้พ่อคุณโทรกลับมาหาฉันหน่อยนะ เดี๋ยวสักพักมาที่เมืองชิงหยูน ย้ายมาอยู่บ้านฉัน” ลู่หย่าฮุ่ยโทรอย่างมั่นอกมั่นใจ
โทรไปถึงเจ็ดแปดครั้ง ทั้งญาติโกโหติกา ทุกๆ ครอบครัวที่รู้จัก ทุกๆ สายต่างพูดโอ้อวดและเชิญเข้ามาอยู่ในวิลล่าหิมะมังกร แล้วก็ชวนทุกคนมาเที่ยวที่เมืองชิงหยูนด้วย
หลังจากโทรเสร็จ ลู่หย่าฮุ่ยก็ยิ้มเยาะ แต่งเข้าตระกูลจางมาตั้งหลายปี ในที่สุดก็ได้อวดต่อหน้าคนในบ้านแล้ว!ลูกสาวนี่มันดีจริงๆ เลย
เมื่อคิดๆ ไป ลู่หย่าฮุ่ยก็ติดต่อบริษัทอสังหาริมทรัพย์อย่างไม่หยุด เพื่อเริ่มคิดราคาห้องที่จะปล่อยเช่า อยากจะใช้บ้านให้เป็นประโยชน์ที่สุด เลยคิดจะปล่อยเช่า
หลี่ผูมองฉากที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าไร้ทางเลือก ก่อนจะถอนหายใจ นี่มันเห็นกงจักรเป็นดอกบัวจริงๆ มีของแพงๆ มากมายตั้งตระหง่านอยู่ในบ้าน ไม่รู้จักเห็นค่า!แต่กลับหน้ามืดตามัว ทำอะไรโง่ๆ ตลอด
ตอนแรกเขาอยากจะโทรไปบอกคุณชาย แต่เมื่อคิดๆ ดูแล้วก็ปล่อยมันไปดีกว่า ไม่อยากให้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนั้นไปรบกวนคุณชาย
เมื่อคุณชายกลับมา แล้วเห็นความเละเทะแบบนี้จะเป็นอย่างไรกันนะ!
หลังจากนั้นยี่สิบนาที อาคารเป่าติ่ง
เปิดประตูรถด้วยท่าทีเคารพ จางฉีโม่หยิบกระเป๋าเอกสาร ใส่ชุดสูท เมื่อผ่านการฝึกจากบริษัท ก็มีท่าทีจริงจังของความเป็นประธานหญิง
เพียงไม่นาน จางฉีโม่ก็มาถึงที่ทำงานของประธาน ก่อนจะเดินมาที่ที่นั่งที่มีชื่อของตัวเองแขวนอยู่ พลางนั่งลงอย่างเรียบร้อย
เมื่อนั่งลงร่วมงานประชุม ในใจของจางฉีโม่ก็สงสัย เพราะไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมจู่ๆ ถึงได้มีการประชุมขึ้นอย่างเร่งด่วน
พึ่บ!
ประตูของโถงทำงานนั้นมีทนายของทีมธุรกิจเดินเข้ามากลุ่มหนึ่ง จางหงจูนกับจางหงซวนยิ้มเหมือนกับผู้ชนะ ก่อนจะนั่นลงบนที่นั่งของกรรมการผู้จัดการอย่างยืดอกมั่นใจ ด้านหลังมีเอกสารการจัดการมากมายและกลุ่มนักธุรกิจที่อยู่ในสัญญา
“ประธานกรรมการจางทั้งสอง พวกคุณเปิดประชุมอย่างเร่งด่วนขนาดนี้ มีเรื่องอะไรกันแน่?” อูหยางนั่งลงบนที่นั่งของประธานกรรมการ พลางพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ถ้าเกิดไม่อธิบายให้ฉันอย่างมีเหตุผล พวกคุณสองคนตกที่นั่งลำบากแน่นอน”
ประธานกรรมการหุ้นส่วนคนสำคัญหลายๆ คนที่นั่งอยู่ มีสีหน้าไม่พอใจ
“ประธานกรรมการอูพูดถูก ทุกคนเองก็ยุ่งอยู่ไม่ใช่เหรอ?” มีประธานคนหนึ่งพูดอย่างทนไม่ไหว และพูดด้วยความไม่เกรงใจ “คุณน่าน่าแปลกใจจังเลยนะ เปิดประชุมอยู่นั่นแหละ เปิดอะไรนักหนา?เรื่องของบริษัทในตอนนี้ พวกคุณมีส่วนร่วมด้วยหรือเปล่า?”
จางหงจูนหัวเราะขึ้นด้วยความเย็นชา ก่อนจะยิ้มแล้วพูดขึ้น: “ต้องขอรบกวนเวลาของประธานกรรมการทุกคนด้วย วันนี้ที่เปิดประชุมอย่างเร่งด่วน เพราะฉันอยากจะประกาศเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก!”
“อูหยาง ประธานกรรมการอู ฉันคิดว่า คุณสามารถลงจากตำแหน่งประธานกรรมการได้แล้วนะ!” จางหงจูนพูดพลางยิ้มเบาๆ ด้วยความพึงพอใจ
อูหยางขมวดคิ้วเบาๆ ก่อนจะมองจางหงจูน แล้วพูดว่า: “คุณกำลังพูดอะไรน่ะ?”
“เหอะๆ ประธานกรรมการอู ฉันว่า ให้ประธานกรรมการหุ้นส่วนใหม่เขาพูดดีกว่า” จางหงซวนทำท่าทีมั่นใจ พลางยิ้มขึ้นอย่างลึกลับ
ได้รับความไม่พอใจมาจากอูหยางแล้ว!เก็บกดวางแผนมาก็ตั้งนาน ในที่สุดก็ทำร้ายอูหยางได้แล้ว!หลังจากนี้ก็จะไม่ถูกอูหยางมาทำอะไรจากตำแหน่งนี้ได้แล้ว!
“ประธานกรรมการอู สวัสดี ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
น้ำเสียงที่เย่อหยิ่งดังขึ้น
หวางจื่อเหวินใส่เสื้อคลุมหนัง ก่อนจะเดินเข้ามาที่โถงทำงานด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง
“หวางจื่อเหวิน?” อูหยางขมวดคิ้วเบาๆ พลางหัวเราะขึ้นด้วยความเย็นชา “คุณยังมีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนไม่พออีกเหรอ?”
“คุณ!” หวางจื่อเหวินมีสีหน้าแดงขึ้น คิดไม่ถึงเลยว่าแค่เจอก็จะมีปัญหาเล็กๆ ขึ้นมาแล้ว อูหยางเข้ามาพูดจาแดกดันใส่ที่ครั้งก่อนเขาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าประตูชุมชนสุ่ยหยวน และเรื่องที่เกิดการโต้วาทีขึ้นในเมืองชิงหยูน
“ประธานกรรมการอู วันนี้ฉันมาคุยเรื่องจริงจังกับคุณ คุยเรื่องธุรกิจกันน่ะ!” หวางจื่อเหวินยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา ก่อนจะนั่งลงด้วยความยืนหยัดมั่นใจ
ถึงแม้ว่าวันนี้จะเชิญอูหยางออกจากการเป็นประธานกรรมการ แต่เมื่อพูดออกไป เขากลับไม่กล้าทำอะไรกับอูหยางมาก
“จางหงจูน นี่เป็นผู้ช่วยที่คุณเชิญมาเหรอ?” อูหยางถามขึ้น
“ขอโทษนะ มาสายเกินไปแล้ว”
ในตอนนั้นเอง มีชายหญิงวัยกลางคนคู่หนึ่งเดินเข้ามา
อูหยางขมวดคิ้วเบาๆ ก่อนจะมองทั้งสองคน
เขาจำได้ และแยกออกว่าเป็นโจวเสี่ยฉินของตระกูลโจ ซูนเจี่ยนคุณชายคนที่เจ็ดของตระกูลซูน
ในตอนนี้เอง คนทั้งสามตระกูลของเมืองชิงหยูน ปรากฏตัวพร้อมๆ กันงั้นเหรอ?