ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่119 คุณคือลูกเนรคุณเมื่อหลายสิบปีที่แล้วเหรอ?
บทที่119 คุณคือลูกเนรคุณเมื่อหลายสิบปีที่แล้วเหรอ?
“หา!โอ๊ย!ฟู่ๆ”
พ่อหวางกั๋วคางร้องครวญครางไม่หยุด ตอนที่ไข่แตก มันเจ็บจนทำให้พวกเขาแทบจะเป็นลมล้มพับไป
“คุณ คุณกล้าขนาดนั้นเลยเหรอ?” หวางกั๋วคางพูดด้วยความกลัวและตกใจ โดยไม่อยากจะเชื่อเลย ท่านเสิ่นซานลงมืออย่างดุดัน!นี่มันอยากจะมีเรื่องกับตระกูลหวางชัดๆ !
“กล้าขนาดนี้ได้อย่างไรงั้นเหรอ?ได้ ฉันจะกล้าให้ดู!” เสิ่นซานยิ้มขึ้นด้วยความเย็นชา ก่อนจะยกเท้าขึ้นเหยียบเข้าไปเต็มๆ และเหยียบต่อไป เหยียบเสียจนหวางกั๋วคางร้องออกมาด้วยความบ้าคลั่ง หน้าแดงก่ำ และซีดเซียวลงไป
“ตอนนี้ คุณยังจะถามอีกไหม ว่าฉันกล้าหรือไม่กล้า?” เสิ่นซานถามเสียงเย็นชา ก่อนจะมองพ่ออย่างหวางกั๋วคางด้วยความรังเกียจ ทั้งสองคนกลั้นฉี่และอึเอาไว้ไม่อยู่แล้ว ในกางเกงนั้นมีแต่กลิ่นเหม็น
ถ้าไม่ใช่ท่านหลินสนับสนุน เขาคงจะไม่กล้าทำแบบนี้กับคนตระกูลหวาง แต่มีท่านหลินอยู่ ตระกูลหวางมันจะมีความหมายอะไร?กล้ามาแก้แค้น ตระกูลหวางก็รอวันจบได้เลย!
“ฉัน ฉันกลับไป ถ้าเกิดจะใช้อำนาจและกำลังทั้งหมดของตระกูลหวาง อาจจะต้องออกทั้งแรงและใช้เงิน ในการฆ่าคุณเสิ่นซานเลยล่ะ!” หวางกั๋วคางโกรธเป็นอย่างมาก โดยถูกทำร้ายจนกระทั่งไม่มีสติชัดเจนเหมือนเดิมแล้ว
นี่มันกะจะเอาให้สาบสูญไปเลยนี่หน่า!
หวางกั๋วคางกับหวางจื่อเหวิน ทั้งสองคนรู้ว่าจบเห่แล้ว ฟ้าพังทลาย เสิ่นซานนี่ร้ายจริงๆ ทำเรื่องราวต่างๆ ได้สุดจริงๆ !
“จะฆ่าฉันงั้นเหรอ?” เสิ่นซานยิ้มขึ้นด้วยความเย็นชา “เชื่อไหมล่ะ ว่าฉันจะฆ่าคุณทั้งสองได้เลยในตอนนี้?ยังไม่ยอมน้อมให้อีกเหรอ?”
“ท่านสาม ฉันว่า ให้พวกเราทั้งสามเป็นคนกำหนดชะตาของพวกเขาดีกว่า” หลิวจุนพูดด้วยความทะเยอทะยาน ก่อนจะเอามือถูกัน พลางมองท่านเสิ่นซานที่ทำร้ายอย่างน่าสนใจ ตัวเองก็อยากจะทำบ้าง เลยได้เป็นการขอความกรุณาจากท่านหลินไปในตัวด้วย
“พวกคุณทั้งสามคนเบามือหน่อยก็แล้วกัน” เสิ่นซานพูดด้วยความจริงจัง พลางพยักหน้า
ถ้าเกิดว่าพี่น้องทั้งสามใช้แรงเต็มกำลังเหมือนกับเขา พ่อหวางกั๋วคางคงจะตายเอาได้ง่ายๆ เลยล่ะ
ท่านหลินไม่ได้บอกให้ฆ่าหวางกั๋วคางให้ตาย ก็ให้พวกเขาได้มีชีวิตรอดสักหน่อย
ปัก!ปั่ก!
พี่น้องทั้งสามอย่างหลิวจุนลงมือ ก็ทำให้คนตัวแทบลอย เหมือนกับเตะฟุตบอล เตะไปเตะมา จนกระดูกของพ่อหวางกั๋วคางแทบละเอียด ร้องโอดครวญ น้ำตาไหล
“ยังไม่เคารพกันอีกเหรอ?อยากจะมีชีวิตต่อ ก็คุกเข่าลงให้ฉันตอนนี้เลย ขอโทษ และสำนึกผิดด้วย!” เสิ่นซานพูดเสียงเย็นชา
หลิวจุนหยุดมือ แค่คนละไม้คนละมือ ก็ทำให้พ่อหวางกั๋วคางกองอยู่บนพื้นแล้ว
ในตอนนั้นเอง หวางกั๋วคางทนไม่ไหวแล้ว เพราะร่างกายกับศักดิ์ศรีนั้นถูกทำร้ายอย่างหนัก มันทำให้พวกเขารู้สึกจบเห่แล้ว กระดูกแทบป่น ฟันหักสิบกว่าซี่ ชีวิตแทบจะหาไม่ ตัวเต็มไปด้วยความเหม็นเน่า ทั้งอึทั้งฉี่ต่างราดออกมา หัวยุ่งหยิง ภาพลักษณ์นั้นดูแย่กว่าพวกขอทานอีก
“คุณจะคุกเข่าลงไหม?จะเอาหัวโขกไหม?ยังพูดได้อยู่ไหม?”
เสิ่นซานพูดเสียงเย็นชา ก่อนจะรีบเข้ามาตบอีก ตบเสียจนแววตาของพ่อหวางกั๋วคางนั้นเหม่อไป เหมือนกับพวกโง่เง่า เมื่อตบตีไปกว่าสิบครั้ง เลยทำให้พวกเขามีปฏิกิริยาขึ้นมา
“ไม่คุกเข่าลงก็ตายซะ” เสิ่นซานพูดเสียงเย็นชา ก่อนจะจุดซิการ์คิวบามอนเต
“โอ้ย!”
เมื่อได้ยินว่าจะทำให้ตาย พ่อหวางกั๋วคางก็ตื่นตกใจ จนรีบคุกเข่าลง พลางเอาหัวโขกพื้น
“พูดไม่เป็นเหรอ?” เสิ่นซานถามเสียงเย็นชา
“โอ๊ย!ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้ว ฉันสมควรตาย!ท่านเสิ่นซานขอโทษจริงๆ ฉันไปทำร้ายคุณนายหลินโดยไม่รู้กลัวความตาย!คุณทำร้ายก็ดีแล้ว สมควรแล้ว!” หวางกั๋วคางเอาหัวโขกแล้วขอโทษอย่างไร้ศักดิ์ศรี จนสูญเสียศักดิ์ศรีของนักธุรกิจรุ่นใหญ่ไฟแรงไปโดยสิ้นเชิง
หวางจื่อเหวินเองก็โขกหัวอย่างบ้าคลั่ง ปากก็ด่าตัวเองไม่หยุด และขอเพียงให้ไว้ชีวิต
พิการแล้ว เสียไปหมดแล้วจริงๆ
ทั้งสองคนนี้ ไม่เพียงแค่ถูกเสิ่นซานทำร้ายปางตาย กระดูกหัก แถมยังหยามศักดิ์ศรี จนไม่เหลือความเป็นคนแล้ว
แต่ว่า ตัวเขาเอง เหมือนกับเดรัจฉานอย่างพวกเขา โดยไม่มีความเป็นคนจะต้องพูดถึงอยู่แล้ว
“หึ!” เสิ่นซานยิ้มขึ้นด้วยความเย็นชา พลางมองคนพิการทั้งสอง และเพราะปล่องวางไม่ลง
มีเงินและอำนาจมากมายอยู่ในมือเขา พวกนักธุรกิจห่วยๆ ต่างก็ได้รับมรดกมาจากพวกบรรพบุรุษทั้งนั้น
เมื่อกลับสู่รูปแบบเดิม เมื่อไม่มีเงินและอำนาจเปลือกๆ อยู่แล้ว ก็เป็นแค่พวกอ่อนๆ คนหนึ่ง !ชีวิตแทบวอดวาย แถมยังต้องมาคุกเข่าขอร้องอีกงั้นเหรอ?
เสิ่นซานไม่ได้สนใจหวางกั๋วคางที่ถูกทำร้ายจนแทบไม่ได้สติ ก่อนจะหันไปแล้วโทรหาท่านหลิน
“ท่านหลิน คุณดูสิ จัดการแบบนี้ก็ได้เหรอ?” เสิ่นซานถามขึ้นด้วยความเคารพ
เสิ่นซานให้หลิวจุนใช้กล้องถ่ายวิดีโอ ถ่ายสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเอาไว้ ก่อนจะส่งให้ท่านหลินดู ท่านหลินเห็นทุกอย่างที่จัดการพ่อหวางกั๋วคางแล้ว
“ได้” ทางสายโทรศัพท์นั้น ท่านหลินพูดด้วยเสียงเรียบๆ
“เดี๋ยวคุณให้หลิวจุนทั้งสามคน หาคนไปดูแลจางฉีโม่ ฉันไม่อยากให้เกิดอันตรายหรืออุบัติเหตุอะไร!” ท่านหลินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ได้เลย!ท่านหลิน วันนี้เป็นความผิดของข้าน้อยเอง!” เสิ่นซานพูดด้วยความเกรง
“จำเอาไว้ก็ดี ฉันยังติดธุระอยู่”
มีเสียงติ๊ดดังขึ้น หลินอิ่งวางสายไป
เสิ่นซานเหงื่อออกที่หน้าผาก ท่านหลินโกรธเลยกำชับไปแบบนั้น ให้หลิวจุนสามพี่น้องคอยดูแลคุณนายหลินอยู่ห่างๆ
ในใจของเสิ่นซานนั้นโกรธเป็นอย่างมาก ตัวเองมาสู้กับท่านหลินก็กดดันมากพอ ไม่เพียงแค่อาจจะทำให้ไม่มีเงินถุงถังให้ได้กอด หมดอนาคตการเป็นคนรวย และเกือบจะตายแล้ว
คิดไป เสิ่นซานมองกลับไป แล้วเตะเข้าไปที่ตัวของหวางกั๋วคางกับหวางจื่อเหวินอย่างเต็มแรงอีกครั้ง แตะเสียจนพวกเขาร้องออกมา และคุกเข่าขอร้อง
เมื่อเตะอยู่หลายนาที จนหวางกั๋วคางกับหวางจื่อเหวินไม่ได้สติ พูดพึพำคนเดียว เสิ่นซานก็หยุดลง ด้วยความโกรธ ก็พาหลิวจุนสามพี่น้อง ขึ้นรถออกไป
“รองเท้าสกปรกแล้ว ต้องเปลี่ยนแล้วแหละ” เสิ่นซานถุยน้ำลายใส่รองเท้า ด้วยความรังเกียจ อึและฉี่ของทั้งสองเดรัจฉานนั่น ทำให้รองเท้าเขาเปื้อนหมด
พ่อหวางกั๋วคางเหม่ออยู่ที่เดิม พลางหายใจรุนแรง พูดอะไรไม่รู้ภาษา เมื่อปากพูดอะไรไปเรื่อยจนเสร็จ ชีวิตแทบจะไม่รอด ต่างไม่รู้จะทำอย่างไร
บอดี้การ์ดของทั้งสองก็ตกใจอยู่ไม่น้อยเลย ก่อนจะรีบโทรเรียกรถพยาบาล แล้วส่งไปที่โรงพยาบาลเพื่อดูว่ารักษาได้แค่ไหน แล้วค่อยโทรไปรายงานกับคุณท่านของตระกูลหวาง
เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับหวางกั๋วคางกับหวางจื่อเหวิน พวกเขาเองไปทำเรื่องต่ำๆ ก่อน แถมอีกฝ่ายคือเสิ่นซาน หวางเฉิงเฉียนเป็นคนมีความรู้ คงจะไม่ช่วย แต่ว่าคุณท่านหวาง เป็นพ่อแท้ๆ ของหวางกั๋วคางเลยนะ ลูกชาย หลานถูกทำร้ายเสียขนาดนั้น จะให้โกรธแค่นั้นได้อย่างไร?
ต้องรู้ด้วยว่า ตระกูลหวางนั้น ไม่มีใครมีลูกชายเลย
หัวหน้าอย่างหวางเฉิงเฉียนมีลูกสาวอย่างหวางหงหลิง หวางจื่อเหวินเป็นรุ่นที่หนึ่งของตระกูลหวาง และก็เป็นหลานเพียงคนเดียวด้วย
พูดได้ว่า ตระกูลหวาง จะสูญหายไปอย่างแท้จริง…… คุณท่านหวางอาจจะโกรธเป็นอย่างมากก็ได้ แค่คิดก็รู้แล้ว
อีกฝั่ง ตี้จิง ที่พักรักษาจื่อหลงซาน
ในบ้านพักตากอากาศ เมื่อมองเข้าไปในห้องพัก หลินอิ่งเพิ่งจะวางโทรศัพท์ ก่อนจะปิดคลิปคลิปไลฟ์ของที่โทรศัพท์ที่ส่งมา
พ่อหวางกั๋วคาง ไม่รู้จักความเป็นความตายเลย รอให้ตัวเองกลับไปที่เมืองชิงหยูน จะต้องไปเหยียบย่ำตระกูลหวางด้วยตัวเองแน่นอน!
คิดๆ ไป หลินอิ่งเดินไปที่ห้องพักของคุณปู่
ปู่ของหลินอิ่ง ฉีเวิ่นติ่ง เองก็เป็นคนใหญ่คนโตที่คนในประเทศหลุงรู้จักกันทั่วไป!เป็นถึงชายผู้มีเกียรติในการก่อตั้งประเทศ!
หลินอิ่งเพิ่งจะเดินออกมาจากห้องเยี่ยม หน้าประตูก็มีผู้ชายวัยกลางคนมากมายอยู่หน้าประตู พลางมองเขาอย่างจริงจัง
“คุณ ก็คือลูกเนรคุณเมื่อสิบกว่าปีก่อน ของครอบครัวคุณท่านฉีงั้นเหรอ?”