ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่120 คุณกล้าทำร้ายฉันเหรอ?
บทที่120 คุณกล้าทำร้ายฉันเหรอ?
“พวกคุณเป็นใคร?” หลินอิ่งถามขึ้นด้วยใบหน้าเย็นชาไร้อารมณ์
เขาเพิ่งจะเดินเข้าไปในห้องพักของคุณปู่ โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีคนสามคนมาจากไหน เหมือนกับว่าจะเดาฐานะของตัวเองได้อีกต่างหากงั้นเหรอ?
“เหอะ คุณสามารถเข้ามาในห้องพักของลุงจื่อหลงซานได้ นั่นก็หมายความว่า คุณคือลูกเนรคุณเมื่อสิบปีก่อนงั้นสิ?” ชายวัยกลางคนที่อนชยู่ข้างหน้ายิ้มด้วยความเยือกเย็นก่อนพูดขึ้น
“ได้ยินชัดแล้วนะ ฉันชื่อลู่เฟย” ลู่เฟยพูดด้วยอารมณ์ไม่ไยดี “ว่ากันตามลำดับญาติแล้ว คุณต้องเรียกฉันว่าน้าเขยนะรู้ไหม?”
“อีกอย่าง นี่เป็นน้าเขยคนที่สองของคุณ” ลู่เฟยแนะนำไปก่อนจะพูดขึ้นด้วยท่าทีของผู้ใหญ่ว่า “ยังไม่รีบทักทายอีก?เรียกน้าเขยสิ!”
หลินอิ่งยิ้มขึ้นด้วยความเย็นชา คุณปู่มีลูกชายเพียงแค่สามคน สามคนนี้เรียกตัวเองว่าน้าเขยของตระกูลฉี งั้นก็หมายความว่า มากกว่าครึ่งนั้นเป็นคนนอกของตระกูลฉีที่แต่งเข้ามา หรือเป็นคนที่พาเข้ามาในบ้าน คนพวกนี้พยายามจะสร้างความสัมพันธ์ที่มีอยู่
“พี่ลู่ คุณดูท่าทีโทรมๆ นั้น จำฉันเป็นน้าเขยได้ไหม?ฉันกลัวว่าจะต้องเสียหน้าน่ะ” ชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยความไม่แยแส
เมื่อเห็นชายหนุ่มแต่งตัวดูไม่ได้ ท่าทางเหมือนผีดิบ ออกไปจากตี้จิงตั้งหลายปี ไม่รู้ว่าไปลำบากที่ไหนมา ตอนนี้ดูจนๆ ยังจะมานับญาติกันอีกเหรอ?
พวกเขาหลายคนนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้โดดเด่นเท่าตระกูลฉีในตี้จิง แต่ก็เป็นตระกูลรองๆ ลงมาในตี้จิง อย่างน้อยก็เป็นตระกูลที่มีราวๆ ร้อยล้านได้
ตะกี้เหมือนได้ยินฉีหยิ่นพูดว่าลูกเนรคุณ เหมือนจะมีเงินเดือนเพียงไม่กี่พันสินะ?
“ก็ พี่ลู่ คุณรู้จักลูกเนรคุณคนนี้ แต่ฉันไม่รู้จักน่ะสิ” ชายอีกคนพูดหยอกล้อ “ต้องรู้ด้วยว่า ตอนนี้ตระกูลฉีที่ตี้จิง ก็มีเพียงแค่พวกเราสามคนที่มีความสัมพันธ์กับคุณท่าน อย่าได้นับญาติกับลูกเนรคุณห่วยๆ นี่เลย!”
หลินอิ่งสีหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ ส่ายหัวอยู่ในใจ เรื่องนี้มันน่าตลกจริงๆ เลย
ญาติพี่น้องที่ไม่มีมันเจอกันแล้ะเกี่ยวข้องกัน ยังมีหน้ามาคิดว่าตัวเองจะนับญาติไม่นับญาติกับใคร ต่อหน้าประตูของปู่ของตัวเองอีกเหรอ?
คนในตี้จิงที่ตระกูลฉีนั้น ไม่ว่าจะเป็นสายเลือดใดๆ นอกจากคุณท่านกับตัวเองแล้ว ก็ถูกตระกูลเหวินฆ่าตายไปหมดแล้ว
“ภรรยาของพวกคุณตายกันหมดหรือยัง?” หลินอิ่งพูดอย่างสงบ
“ภรรยาเสียกันหมดแล้ว ไม่รีบไปจัดการเรื่องราวต่างๆ แถมยังมาต่อปากต่อคำกับฉันตรงนี้อีกเหรอ?”
“คุณ!คุณพูดอะไรเนี่ย ให้ตายเถอะ คุณแช่งครอบครัวพวกเราเหรอ?เชื่อไหมว่าถ้าออกจากจื่อหลงซานไปพวกเราจะฆ่าคุณ!” ลู่เฟยทั้งสามโพล่ง โกรธขึ้นมาพร้อมกัน
“ภรรยาของพวกคุณยังไม่ตาย พวกคุณจะไปกล้าออกมาได้อย่างไร?แล้วเข้ามาในจื่อหลงซานได้อย่างไร?” หลินอิ่งถามขึ้น
เมื่อพูดออกไป ลู่เฟยทั้งสามคนก็พูดไม่ออก
พวกเขาทั้งสามเป็นเขยของตระกูลฉี ครั้งก่อนตอนที่ตระกูลเหวินฆ่าล้างตระกูลฉี พวกเขาจะให้ภรรยาเปลี่ยนชื่อหนี และส่งเงินให้ตระกูลเหวิน เพื่อหวังว่าตระกูลเหวินจะปล่อยไป
บางทีตระกูลเหวินอาจจะคิดว่าพวกผู้หญิงไร้ประโยชน์ที่แต่งออกไป ไม่มีอะไรขู่ได้ เลยรับเงินหลายร้อยล้านเอาไว้ และไม่ได้ไล่ฆ่าพวกเขา
ลู่เฟยเลยจ่ายชดเชยให้ตระกูลเหวินหลายร้อยล้าน แต่ไม่วาย ก็อยากจะเอาตระกูลฉีกลับมา
ถึงแม้ว่าตระกูลฉีจะพังไปหมดแล้ว เงินทองก็ถูกตระกูลเหวินเอาไป แต่ว่าคุณท่านของตระกูลฉียังอยู่ ถึงแม้ว่าคุณทานจะไม่มีสติแล้ว และเป็นคนแก่คนหนึ่งก็ตาม
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เขาก็มีกำลังมากกว่าอยู่ดี คุณท่านฉีเวิ่นติ่งมีบ้านสี่มุมที่ราคาเป็นพันล้าน!แถมยังมีบ้านพักตากอากาศกับของโบราณที่เก็บเอาไว้อีก!
สมบัติพวกนี้ แค่คุณท่านฉีเวิ่นติ่งยังอยู่ ถึงตระกูลฉีจะถูกทำลายไปแล้ว ตระกูลเหวินก็ไม่กล้าฮุบไป เพราะพวกเขาได้เงินทองอำนาจไปจากตระกูลฉีพอแล้ว ไม่สนใจของพวกนี้อีกไม่คุ้มเสี่ยงด้วย เพื่อจะมาที่จื่อหลงซานเพื่อฆ่าคนก่อตั้งระดับสูง
ไม่มีคนตระกูลฉีแล้ว คุณท่านก็ไม่ฟื้นขึ้นมา สมบัติกว่าร้อยล้าน พวกเขาก็ต้องหาวิธีในการใช้มัน ถึงอย่างไรก็ใช้ชื่อของภรรยาตระกูลฉี เพื่อเอาชื่อมาไว้ในครอบครองของลูกชายแทน แล้วเป็นคนรับช่วงต่อจากคุณท่าน เมื่อคุณท่านฉีตายแล้ว ก็จะได้รับมรดกตกทอด
แต่คิดไม่ถึงเลย ว่าวันนี้มาได้ยินข่าวจากพนักงาน บอกว่ามีคนมาหาคุณท่านฉี แถมยังเรียกว่าคุณปู่ฉีเวิ่นติ่งอีกด้วย
พวกเขาทั้งสาม เลยรีบมา แล้วก็ได้พบกับหลินอิ่ง
“เหอะๆ คุณน่าจะชื่อฉีหยิ่นใช่ไหม” ลู่เฟยกระแอม ก่อนจะพูดพลางวางท่า “เรื่องของคุณท่าน คุณไม่ต้องเป็นห่วง พวกเราจะจัดการเอง ลูกเนรคุณอย่างคุณ จะไปไหนก็ไป!”
“ใช่เลย น้าเขยพูดถูก ฉันเป็นน้าเขย ก็ต้องโน้มน้าวลูกเนรคุณอย่างคุณ ให้รีบไสหัวไป” ชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่งพูดขึ้น
“ดูท่าคุณน่าจะขาดเงินใช่ไหม?เอาแบบนี้ น้าเขยเห็นว่าคุณน่ะน่าสงสาร ให้เงินค่าขนมเอาไว้กินเล่นก็แล้วกัน” ลู่เฟยวางมาด ก่อนจะหยิบธนบัตรสีแดงในกระเป๋าโยนให้ มันปลิวไปอยู่ที่ขาของหลินอิ่ง น่าจะแสนกว่าๆ ได้
“ลูกเนรคุณรีบเอาเงินแสนแล้วออกไปได้แล้ว ซื้อเสื้อผ้าหน่อย อย่ามาขายขี้หน้าแถวนี้” ลู่เฟยพูดด้วยความรำคาญ
หลินอิ่งที่เป็นลูกเนรคุณมีท่าทียากจน ให้เงินแสนก็รู้สึกสงสารแล้ว ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะกังวลว่าลูกเนรคุณจะมาขัดขวางเรื่องมรดก คงไม่ให้แม้แต่แดงเดียว!
หลินอิ่งมีแววตาเย็นชาขึ้น พลางมองทั้งสามที่ไม่รู้จักกลัวตาย
“ทำไม?ไม่พอเหรอ?ลูกเนรคุณอย่างคุณ เดือนๆ หนึ่งจะหาเงินได้เท่าไหร่เชียว?” ลู่เฟยไม่พอใจ ก่อนจะโยนเงินเพิ่มให้อีก “ให้อีกสองแสน รีบเก็บแล้วไสหัวไปได้แล้ว ถ้าให้ฉันเห็นคุณมาที่ตี้จิงอีก จะฆ่าตายเลย!ได้ยินหรือยัง!”
เมื่อขู่เสร็จ ลู่เฟยก็รู้สึกไม่ดี สิบกว่าปีที่ลูกเนรคุณมานับญาติด้วย เท่ากับว่าเงินหลายแสนนั้นก็เสียเปล่าๆ น่ะสิ
ในตอนนั้นเอง หลินอิ่งท่าทางบ้านนอกยากจนนั้น ควรจะเก็บเงินที่พื้นเหมือนกับหมา แล้วเรียกพวกเขาว่าน้าเขย จากนั้นก็ออกไปอย่างทื่อๆ ทำไมถึงได้มีท่าทีโอ้อวดแบบนั้นนะ?
“ฉันให้เวลาพวกคุณสิบวิ รีบออกไป ถ้ากล้ามาที่จื่อหลงซานอีก ฉันจะบดคุณให้เละเลย” หลินอิ่งพูดเสียงเรียบเฉย
“บดฉันงั้นเหรอ?ฮ่าๆ ลูกเนรคุณ คุณดูหนังเยอะเกินไปหรือเปล่า?” ลู่เฟยกุมท้องหัวเราะ “ไม่ดูท่าทีจนๆ ของตัวเองเลย ยังอยากจะมาแบ่งมรดกอีก สงสารนะเลยให้สามแสนเนี่ย แต่ก็ยังหน้าไม่อายอีก!”
“โง่จริงๆ เลย มีเงินก็ยังไม่เอา?ลูกเนรคุณอย่างนี้จะมาขอสมบัติได้อย่างไร?คุณมีสิทธิ์เหรอ?”
“นั่นสิ ถ้ายังมาหาเรื่องอีก จะทำให้พิการเลย!รีบเก็บเงินแล้วไสหัวออกไป!พวกเราอยากจะฆ่าลูกเนรคุณอย่างนี้ให้ตายเลย!”
ชายอีกสองคนก็พูดขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
“ทำไมเหรอ?ลูกเนรคุณแบบนี้ยังไม่ยอมเคารพกันอีก อยากมีเรื่องเหรอ?” ลู่เฟยวางมาด พลางพูดด้วยท่าทีทระนงต่อหลินอิ่ง “รู้ไหมว่าที่นี่คือที่ไหน?ที่นี่คือสถานที่เฉพาะของจื่อหลงซาน!ฉันมายืนอยู่ตรงนี้ คุณกล้าทำร้ายฉันเหรอ?”