ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่367 ใครมาขอร้องก็ไม่มีประโยชน์
“อะไรนะ? กองพิเศษเว่ยอัน!”
หัวหน้าคำรามออกมา ทำเอาทุกคนในที่นั้นตะลึงไปตามๆ กัน ต่างก็แสดงสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อออกมา
กองพิเศษเว่ยอันแห่งตี้จิงนั้นเป็นถึงกองกำลังพิเศษที่ลึกลับที่สุดแล้ว
ตามตำนานแล้ว กองกำลังนี้มีไว้ต่อต้านการรุกรานของศัตรูจากต่างแดนเลยนะ เป็นกองกำลังอันแข็งแกร่งที่อยู่แนวหน้าของหน่วยข่าวกรอง เป็นดั่งตัวแทนของผู้บัญชาการสูงสุดเลยทีเดียว
บรรยากาศโดยรอบนั้นเงียบสงบลงทันที ไม่มีใครกล้าเข้ามาขวางพวกของหลินอิ่งอีก
เรื่องนี้มันเลยเถิดไปไกลมากแล้ว!
ไอ้หนุ่มคนนี้มันเป็นใครมาจากไหน? ถึงขนาดสั่งการกองพิเศษเว่ยอันได้เลยเหรอ?
คนของกองพิเศษเว่ยอันยังเรียกเขาว่าหัวหน้าหลินอีก?
“หมายความว่ายังไง พวกแกเป็นคนของกองพิเศษเว่ยอันเหรอ?” ฟางหย่วนขมวดคิ้วอย่างแรง เขาต้องพิจารณาหลินอิ่งใหม่ รู้สึกเหมือนมองชายหนุ่มคนนี้ไม่ค่อยออกเลย
คนของกองพิเศษเว่ยอัน เขาเองก็มีเรื่องด้วยไม่ไหวหรอก
“ขอฉันดูหลักฐานแสดงตัวของแกหน่อย! ฉันว่าฐานะของพวกแกมันแปลกๆ!” ฟางหย่วนจ้องเขม็งมาที่หลินอิ่ง พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม เขารู้สึกสงสัยในตัวของหลินอิ่งมาก
“แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ถึงกล้าขอตรวจหลักฐานจากหัวหน้าหลินแบบนี้?” หัวหน้าตะคอกใส่อย่างไม่พอใจ ทำเอาฟางหย่วนตกใจจนสะดุ้ง
“สามหาว!” ฟันหยวนทำหน้าโมโห แล้วชี้ไปที่หัวหน้า
คนที่เป็นถึงเลขาของหลุยกงอย่างเขา ในตี้จิงเขาเองก็ถือว่าเป็นคนที่มีหน้ามีตาเหมือนกัน ไม่เคยถูกใครตะคอกใส่แบบนี้มาก่อนเลย!
หัวหน้ามองด้วยสายตาที่ไม่ชอบใจ ไม่พูดพร่ำทำเพลง พุ่งเข้าไปเกี่ยวขาจนล้ม จากนั้นก็รับไว้ด้วยการล็อกแขนจากทางด้านหลัง กดฟางหย่วนไว้กับพื้นจนไม่สามารถดิ้นหลุดได้
“ดูซะ นี่คือหลักฐานของฉัน! ส่วนหลักฐานของหัวหน้าหลินนั้นคนอย่างแกไม่มีสิทธิ์ดู!” หัวหน้าหยิบเอกสารสีเงินลายมังกรฉบับหนึ่งออกมา จากนั้นก็โยนลงพื้น
ฟางหย่วนสีหน้าแดงก่ำ เขารู้สึกไม่พอใจมาก เขาคิดว่าตัวเองเป็นถึงเลขาของหลุยกงยังไม่มีสิทธิ์ดูอีกเหรอ?
ฟางหย่วนยื่นมือไปเก็บเอกสารขึ้นมา เขากวาดตามองด้วยสายตาที่เคร่งขไปหนึ่งรอบ
ผู้บัญชาการสูงสุด กองพิเศษเว่ยอัน กองกำลังลับระดับS____XXX
รหัส: หัวหน้า
ตราประทับ: ผู้บัญชาการสูงสุด
พอดูข้อมูลในเอกสารเสร็จ ใบหน้าฟางหย่วนก็เต็มไปด้วยเหงื่อ
ยังไม่ต้องพูดถึงชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าหัวหน้าหลินนั่น แค่ตำแหน่งของหัวหน้า ก็ถือเป็นตำแหน่งที่สูงมากในกองพิเศษเว่ยอันแล้ว!
ที่สำคัญ ฟางหย่วนที่เป็นเลขาธิการของหลุยกง ก็เคยตามหลุยกงไปที่จื่อหลงซานมาก่อน และเคยได้ยินหัวหน้าที่เป็นบุคคลลึกลับของจื่อหลงซานด้วย
ตัวตนของหัวหน้าคนนี้ปิดเป็นความลับในระดับที่สูงมาก เป็นที่ถูกอกถูกใจของผู้นำด้านการทหาร รับหน้าที่คุ้มครองเหล่าบุคคลสำคัญของประเทศที่ปลดเกษียณแล้วอยู่ในจื่อหลงซาน ทั้งอำนาจและตำแหน่งนั้นสูงมาก!
ณ ตอนนี้ ฟางหย่วนนั้นอึ้งไปเลย ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมหัวหน้าของจื่อหลงซานถึงมาที่นี่ด้วยตนเอง?
แม้แต่หัวหน้ายังเรียกชายที่มาหาคุณท่านจี้ว่าหัวหน้าหลินเลย?
ตอนนี้ คงขวางเอาไว้ไม่ได้จริงๆ แล้วล่ะ!
“ทะ……ที่แท้ก็เป็นคนของกองพิเศษเว่ยอันนี่เอง ล่วงเกินแล้ว พวกคุณช่วยรอสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมจะโทรไปรายงานให้หลุยกงทราบนะครับ” ฟางหย่วนพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง
ฟิ้ว หัวหน้าจับฟางหย่วนเหวี่ยงขึ้นมาแล้วเหวี่ยงออกไป เขาลอยออกไปไกลกว่าสิบเมตร
“กองพิเศษเว่ยอันกำลังปฏิบัติภารกิจ แกยังกล้ามาขวางอีกเหรอ?” หัวหน้าตวาดด้วยความเคร่งขรึม
ทันใดนั้น ชายชุดดำด้านหลังก็พากันพุ่งเข้ามา จัดการบอดี้การ์ดข้างใน จับคนละคน จนบอดี้การ์ดถูกโยนออกไปจนหมด จากนั้นก็มายืนเฝ้าประตูอย่างสุภาพเรียบร้อย
หลินอิ่งก้าวขึ้นบันได เดินเข้าร้านอาหารหลุยกงไปโดยมือทั้งสองข้างไขว้หลัง
ส่วนถังฮุยและหยูจื๋อเฉิงนั้นแอบเฝ้าอยู่ด้านนอก โดยไม่ละเว้นใครก็ตามที่เดินออกจากร้านอาหารหลุยกงมา
พอเห็นท่าทางที่ดูผ่อนคลายของหลินอิ่งแล้ว ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อออกมา
นี่มันไม่เวอร์ไปหน่อยเหรอ? เพิ่งอายุเท่านี้เองนะ? เป็นหัวหน้าตั้งแต่ยังน้อยเลย?
เลขาใหญ่ฟางยกชื่อของหลุยกงออกมาแล้ว ก็ยังเอาไม่อยู่?
หลินอิ่งเดินเข้าไปในร้านอาหารหลุยกงที่ตกแต่งได้อย่างเลิศหรูอลังการ หัวหน้าเดินตามอยู่ข้างหลัง คนกลุ่มนี้เดินขึ้นชั้นบนไปโดยตรง
ร้านอาหารหลุยกงในตอนนี้ดูค่อนข้างโล่ง เพราะคนอื่นๆ ได้ถูกไล่ออกไปหมดแล้ว
หลินอิ่งนั้นรู้ข้อมูลดี ว่าตอนนี้จี้ฉงซานอยู่ในห้องบนชั้นสอง
พอขึ้นมาถึงชั้นสอง บนโถงทางเดินที่สวยหรู มีบอดี้การ์ดในชุดสูทยืนเรียงกันเป็นแถวๆ
“จี้ฉงซานอยู่ห้องไหน?” หลินอิ่งถามไปด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
“พวกแกเป็นใคร? มีธุระอะไรกับคุณท่านจี้? ร้านอาหารหลุยกงของเรานั้นปกป้องความลับของลูกค้าเป็นอย่างดี!” หัวหน้าบอดี้การ์ดพูดเสียงเคร่งขรึม พร้อมกับมองหน้าหลินอิ่งด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“หุบปากซะ แล้วไสหัวไปให้หมด!”
ฟางหย่วนที่ถือมือถือไว้ รีบวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน พอเห็นพวกบอดี้การ์ดที่ไม่รู้ผิดชอบกำลังขวางหลินอิ่งไว้ เขาจึงตะคอกออกมาทันที
“ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงครับ!”
บอดี้การ์ดของร้านอาหารหลุยกงพวกนี้ พอถูกฟางหย่วนตะคอกไป ก็รีบหันมาขอโทษหลินอิ่งแล้วออกจากโถงทางเดินทันที
“คุณชายอิ่ง ต้องขออภัยด้วยนะครับ เรื่องเมื่อครู่มันคือความเข้าใจผิด ผมเสียมารยาทแล้ว เมื่อกี้หลุยกงเพิ่งโทรศัพท์มาเขาบอกว่าอยากคุยกับคุณสักหน่อยครับ” ฟางหย่วนพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
เมื่อกี้เขาได้โทรไปรายงานสถานการณ์ให้หลุยกงฟัง และรู้แล้วว่าคนที่อยู่ตรงหน้านั้นคือ คุณชายอิ่งแห่งตระกูลฉีที่ทรงอำนาจของตี้จิง!
เป็นตระกูลฉีที่แม้แต่หลุยกงยังต้องกลัวเลย!
เขาที่เป็นแค่เลขา จะไปมีเรื่องกับเทพเจ้าอย่าง คุณชายอิ่งได้ยังไงล่ะ!
“ผมกับหลุยกงไม่มีอะไรที่ต้องคุยกัน” หลินอิ่งพูดออกไปอย่างเรียบเฏย
ฟางหย่วนเอามือปาดเหงื่อบนหน้าผากออก จากนั้นก็พูดไปว่า “คุณชายอิ่ง หลุยกงฝากผมมาบอกคุณว่า เขาอยากขอร้องคุณว่าช่วยให้ไว้หน้าเขานิดหนึ่ง ให้คุณช่วยปล่อยเรื่องคุณท่านจี้ไปก่อนครับ”
“หลุยกงบอกว่า เรื่องนี้เขาจะตอบแทนคุณชายอิ่งได้อย่างพอใจแน่นอนครับ” ฟางหย่วนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “คุณจะไม่คุยกับหลุยกงหน่อยเหรอครับ?”
“ใครมาขอร้องก็ไม่มีประโยชน์!” หลินอิ่งทิ้งท้ายอย่างเรียบเฉย “กลับไปบอกหลุยกงว่า ถ้าเขายังกล้าเข้ามายุ่งเรื่องของจี้ฉงซานอีก ผมจะปลดเขาลงจากตำแหน่งทันที!”
ฟางหย่วนทำหน้าหวาดกลัว เขาถูกรังสีของหลินอิ่งกดดันเข้าอย่างหนัก ไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่อย่างว่าง่าย
“พาผมไปที่ห้องของจี้ฉงซาน” หลินอิ่งพูดออกมาอย่างใจเย็น
ฟางหย่วนทำหน้าลังเลไปแวบหนึ่ง จากนั้นก็เดินนำทางไปอย่างว่าง่าย
ไม่นาน หลินอิ่งก็เดินผ่านทางเดินสีทอง จนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูสีแดงชุบทองบานใหญ่
ปั้ง หัวหน้าพุ่งเข้าไปถีบประตูบานใหญ่ออก ภายในห้องที่สวยหรูไร้ซึ่งผู้คน ข้าวของที่นอนต่างถูกจัดเก็บไว้อย่างเรียบร้อย และสะอาดสะอ้าน
“นี่……คุณท่านจี้ล่ะ?” ฟางหย่วนแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมา
หลินอิ่งจ้องเขม็งมาที่ฟางหย่วน
ฟางหย่วนกลัวจนพูดไม่ออก ร่างกายสั่นไปทั้งตัว เขาทนต่อแรงกดดันที่หลินอิ่งส่งมาไม่ไหวจริงๆ ปาดเหงื่อไปทีหนึ่งจากนั้นก็พูดด้วยความนอบน้อมว่า “คุณชายอิ่งครับ ผมสามารถยืนยันได้นะครับ ว่าเช้าวันนี้คุณท่านจี้ยังร่วมรับประทานอาหารกับหลุยกงที่ร้านอาหารหลุยกงอยู่เลย ผมไม่รู้ว่าเขาออกไปตอนไหน ผมเป็นแค่เลขา เรื่องนอกเหนือจากนี้ผมก็ไม่รู้อะไรเลยครับ!”
เขากลัวว่าการที่หลินอิ่งหาจี้ฉงซานไม่เคย แล้วจะเอาความโกรธมาลงที่เขา ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็แย่สิ!
หลินอิ่งส่งสายตาให้หัวหน้า หัวหน้าเข้าใจความหมาย แล้วพาคนชุดดำสองคนพุ่งออกไปทางโถงทางเดิน
สามนาทีต่อจากนั้น
หัวหน้าเดินกลับมาพร้อมกับใบหน้าที่เคร่งเครียด เขาพูดขึ้นว่า “ผมไปดูที่ห้องกล้องมาแล้ว เทปบันทึกภาพในร้านอาหารหลุยกงในรอบสัปดาห์นี้ถูกลบไปแล้วครับ”
หลินอิ่งค่อยๆ หลับตาลง กระต่ายเจ้าเล่ห์ยังมีสามรัง ดูท่า จี้ฉงซานคงรู้ตัวนานแล้ว หลังจากที่จับหยูจื๋อเฉิงได้ เขาก็พากันหนีไปก่อนแล้ว จิ้งจอกเฒ่านั่นมันได้วางแผนไว้อย่างรอบคอบมาก่อนแล้ว
หลินอิ่งค่อยๆ ลืมตาขึ้น จากนั้นก็พูดออกมาอย่างเรียบเฉยว่า “ไป”