ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่368บินสู่เมืองก่าง
หลังออกจากร้านอาหารหลุยกง หลินอิ่งแววตาลึกซึ้ง ในหัวกำลังวิเคราะห์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น
เหตุการณ์ในครั้งนี้ เป็นจี้ฉงซานที่ชิงลงมือก่อน เขาจับตัวหยูจื๋อเฉิงและหนีไปได้
แต่ว่า หนีอย่างไรก็หนีไม่พ้นวันยังค่ำ!
กิจการใหญ่โตของจี้ฉงซานต่างก็อยู่ที่เชียงเจียงเมืองก่าง!
ต่อให้หนีไปถึงสุดขอบฟ้า หลินอิ่งก็คิดว่าต้องลากคอมันออกมาให้ได้!
จี้ฉงซานไม่เพียงแค่รู้เรื่องเส้นสายของตระกูลเหวินเท่านั้น เขายังจับตัวหยูจื๋อเฉิงไป จึงจำเป็นต้องหาคนคนนี้ให้เจอ
เขามีแผนไว้แล้ว ว่าจะเดินทางไปที่เมืองก่างด้วยตนเองรอบหนึ่
เมืองก่างเมืองรังเก่าของจี้ฉงซาน นักลงทุนใหญ่ที่รักเงินทองยิ่งกว่าชีวิตอย่างจี้ฉงซานน่ะ ไม่มีทางทิ้งกิจการที่ใหญ่โตในเมืองก่างได้ลงหรอก
“หัวหน้าหลินครับ เมื่อกี้ผู้อำนวยการโทรมา เขามีเรื่องฝากให้ผมมาขอร้องครับ” หัวหน้าพูดจริงจังอยู่ข้างๆ
หลินอิ่งพูดไปด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย “ถ้าเรื่องที่ให้ผมไปรับตำแหน่งละก็ ไม่ต้องมาพูด”
หัวหน้าทำหน้าลังเลแปบหนึ่งก่อนจะพูดไปว่า “หัวหน้าหลินครับ ผู้อำนวยการบอกว่า เขาได้คุยกับหลุยกงแล้วครับ หลุยกงเป็นคนที่รู้ว่าควรทำอะไร เขาจะไม่เข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ผู้อำนวยการอยากขอให้คุณเห็นแก่ความสัมพันธ์ของคุณทั้งสอง ช่วยอย่าไปถือโทษหลุยกงเลยครับ”
“ถ้าหลุยกงไม่ได้ข้องเกี่ยวอะไรกับเรื่องของตระกูลเหวิน ผมก็ไม่มีทางไปยุ่งกับเขาหรอก” หลินอิ่งตอบมาอย่างเรียบเฉย
หัวหน้ารู้สึกตะลึงจนใจสั่น คำพูดของหลินอิ่งนั้นยังแฝงด้วยความนัย ซึ่งก็คือ ถ้าหลุยกงไปข้องเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลเหวินเข้า เกรงว่าเขาก็คงจะโดนคิดบัญชีไปด้วยเหมือนกัน!
“หัวหน้าหลินครับ ผู้อำนวยการอยากเชิญคุณกลับไปดูแลกองกำลังที่สูงที่สุด ฝึกสอนพวกสมาชิกใหม่ และมันก็คือคำเชิญชวนจากผู้บัญชาการสูงสุดด้วยนะครับ” หัวหน้าพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง
หลินอิ่งส่ายหน้า แล้วพูดว่า “ผมมีเรื่องสำคัญต้องให้ทำ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีก”
พูดจบ หลินอิ่งก็หมุนตัว ฮาเดสได้เปิดประตูรถไว้นานแล้ว เขาก้าวขึ้นรถไป
หัวหน้ามองดูหลินอิ่งที่จากไป อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
การที่ไม่สามารถเชิญหัวหน้าหลินกลับไปได้ ถือเป็นการสูญเสียที่ใหญ่หลวงสำหรับกองทัพเลย
หัวหน้าหลินไม่ได้อยู่ในกองทัพของประเทศหลุง แต่ก็ยังทิ้งตำนานอันน่าเหลือเชื่อไว้ที่กองทัพ ตอนที่เขาอายุสิบหกได้ถูกผู้บัญชาการสูงสุดเชิญมาใช้ช่วย สร้างชื่อจากการสงครามนอกประเทศในครั้งเดียว สร้างความฮึกเหิมมากมายให้กับกองทัพ ได้รับการตกรางวัลจากท่านผู้นำสูงสุด ได้รับอำนาจและเกียรติยศระดับผู้บัญชาการไปตลอดชีวิต
แต่ตอนอยู่ในช่วงพีคที่สุด เขากลับปฏิเสธคำเชิญของผู้บัญชาการสูงสุด แล้วเดินจากไป เหลือไว้เพียงแค่ตำนานเท่านั้น
การกลับไปเก็บตัวของหัวหน้าหลินนั้นทำให้ผู้บัญชาการสูงสุดรู้สึกเสียดายมาก ไม่เคยลืมเลือน มักจะพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง เขาบอกว่า ถ้าดึงตัวหัวหน้าหลินเข้ากองทัพได้ละก็ จะสามารถยกระดับประเทศหลุงได้อีกมากโขเลย!
……
จงเทียนซิงเฉิง อาคารดวงดาว
ภายในห้องทำงานของประธาน หลินอิ่งยืนอยู่ข้างหน้าต่าง มองดู ตี้จิงที่คึกคัก จัดบุหรี่ม้วนหนึ่ง
เขาได้จองตั๋วที่จะบินไปเมืองก่างในวันพรุ่งนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว
ทางเมืองก่างนั้นหลินอิ่งไม่เคยส่งคนไปเลย
เดิมทีแก๊งมังกรได้มีการส่งองครักษ์มังกรไปแผงตัวอยู่ในฮ่องกง แต่สถานการณ์ในตอนนี้ แก๊งมังกรได้เปลี่ยนจากมิตรเป็นศัตรู องครักษ์มังกรพวกนี้ไม่เพียงไม่เกิดประโยชน์กับตน แต่ยังอาจจะกลายเป็นภัยสำหรับเขาไปแล้ว
หลินอิ่งได้เตรียมแผนการใหญ่ไว้แล้ว เขาจะส่งคนไปแฝงตัวอยู่ในเมืองก่าง เพื่อสวนกลับจี้ฉงซานกับตระกูลเหวิน
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงโทรหานายคริสที่อยู่ในเมืองตุงไห่ สั่งให้นายคริสดำเนินการทันที ให้ไปรอเขาอยู่ที่เมืองก่าง
นายคริสเป็นตัวแทนเอเชียแปซิฟิกของลาตินกรุ๊ป อยู่ที่เมืองก่างเขามีอำนาจสั่งการอยู่พอสมควรเลย
ที่สำคัญ คู่แข่งเพียงหนึ่งเดียวของนายคริสในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกก็คือเมืองก่างนั่นเอง
ในตอนนี้ การใช้งานเบี้ยอย่างลาตินกรุ๊ป
ให้เดินตามน้ำไป เป็นการทางให้นายคริสอย่างดี กำจัดคู่แข่ง กลายเป็นคนสั่งการอย่างแท้จริงของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เดินเกมใส่เมืองก่างอย่างเด็ดขาด!
ในตลาดมืดทั่วโลก เมืองก่างนั้นถือเป็นแหล่งข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลย
เมื่อมีเบี้ยอยู่ในเมืองก่างแล้ว ก็เท่ากับมีตาเพิ่มขึ้นมาอีกคู่หนึ่ง ช่วยตนเองสอดส่องแก๊งมังกรและตระกูลเหวินหลังจากที่เปลี่ยนผู้นำแล้ว
อีกอย่าง หลังจากที่ไปถึงเมืองก่าง หลินอิ่งก็ตั้งใจจะลองติดต่อกับองครักษ์มังกรในเมืองก่างดู เพื่อสืบหาความเป็นไปของแก๊งมังกร
พอคิดได้ หลินอิ่งก็หยิบมือถือออกมา ต่อสายออกไป
“ฮัลโห หลินอิ่ง มีธุระอะไรรึเปล่าคะ?” อีกฟากหนึ่งของโทรศัพท์ ได้มีเสียงที่ไพเราะของจางฉีโม่ดังขึ้น
“ฉีโม่ ผมมีธุระต้องไปทำที่เมืองก่าง” หลินอิ่งพูดด้วยใบหน้าที่จริงจัง “ส่วนเรื่องของบริษัททางตี้จิงนั้นผมได้มอบหมายให้ถูซานกับถังฮุยดูแลแล้ว ถ้ามีปัญหาอะไรก็หาพวกเขาได้เลยนะครับ”
“อืมอืม เข้าใจแล้วค่ะ คุณจะไปที่เมืองก่างเหรอคะ? แล้วจะไปนานแค่ไหน?” จางฉีโม่เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ “อีกวันสองวันฉันก็จะกลับเมืองชิงหยูนแล้วเหมือนกัน”
“ตอนนี้ยังไม่รู้วันที่แน่ชัด แต่อย่างน้อยน่าจะสักเดือนสองเดือนครับ” หลินอิ่งตอบไป “ช่วงที่ผมไม่อยู่นี้ คุณต้องดูแลตัวเองดีๆ นะครับ” ”ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว” จางฉีโม่ตอบ “คุณเองก็เหมือนกัน อยู่ที่เมืองก่างก็ดูแลตัวเองด้วยนะคะ”
“บาย”
พูดจบ หลินอิ่งก็วางสายไป
ก๊อกๆ
ทันใดนั้น ถังฮุยก็เคาะประตูเข้ามา โดยมีเอกสารติดมือมาด้วยฉบับหนึ่งพร้อมกับสีหน้าที่เคร่งขรึม
ท่านอิ่ง ข้อมูลที่คุณให้ผมไปรวบรวมของชีซิงกรุ๊ปกับของบริษัทยามาโตะหยิงหวา ผมจัดการเรียบร้อยแล้วครับ”
ถังฮุยพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง
หลินอิ่งพยักหน้า แล้วพูดไปว่า “พรุ่งนี้ผมจะเดินทางออกจากตี้จิง ช่วงที่ผมไม่อยู่ คุณกับถูซานต้องระวังให้ดี”
“จำไว้ ตระกูลสวียังไม่ยอมรามือ พอผมไม่อยู่ ถ้ามีโอกาสให้แก้แค้น พวกเขาก็จะแว้งกลับมากัดอย่างไม่ลังเลเลยล่ะ”
หลินอิ่งค่อยๆ พูดออกมา “ส่วนชีซิงกรุ๊ปนั้น จะต้องมาก่อเรื่องที่ตี้จิงแน่ พวกคุณต้องต้านเอาไว้ให้ได้ แล้วบริษัทยามาโตะหยิงหวานั้นอค่จับตาด็การเครื่อนไหวของบริษัทต้าเหอก็พอ”
ถังฮุยสีหน้าเคร่งขรึม เขารับฟังอย่างตั้งใจ จากนั้นก็พูดไปว่า “ท่านอิ่งครับ เรื่องที่ได้รับมอบหมายจากคุณ ผมจะไม่ให้พลาดเลยแม้แต่เรื่องเดียวครับ คุณไปทำธุระอย่างสบายใจเถอะครับ ผมจะช่วยคุณดูแลกิจการในตี้จิงเองครับ”
หลินอิ่งพยักหน้า
การที่เขาเดินทางไปเมืองก่างในครั้งนี้ ในช่วงที่เขาไม่ได้อยู่บัญชาตี้จิงด้วยตนเอง ตระกูลสวีที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมนั้นจะต้องหาโอกาสมาลอบกัดแน่นอน
ส่วนชีซิงกรุ๊ป เนื่องจากมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับตระกูลสวี จึงมีความเป็นไปได้มากที่พวกเขาจะปรากฏตัวด้วย
ถึงกลุ่มธของชีซิงจะอยู่ที่ประเทศเกาหลี แต่อิทธิพลของธุรกิจนั้นกระจายไปทั่วโลก ถ้าเผียวจินฮุนต้องการสร้างชื่อให้ลูกชายละก็ เขาก็สามารถสร้างผลกระทบอันยิ่งใหญ่ให้กับธุรกิจของตัวเองได้เลย
ที่เหลือก็คือบริษัทยามาโตะหยิงหวา สืบเนื่องจากกงจิ่วผู้ลึกลับที่ควบคุมตระกูลนิ่งอยู่เบื้องหลังนั้น จึงจำเป็นต้องป้องกันไว้ก่อน
หลังจากที่กงจิ่วถูกตัวเองทำลายแผนที่ตระกูลนิ่งแล้ว เขาก็เงียบไปเลย ไม่มีวี่แววว่าจะมีการสวนกลับใดๆ แต่มันก็เป็นอันตรายที่ร้ายแรงที่สุดอันหนึ่งที่ยังแอบซ่อนอยู่ในตี้จิง
ความสนใจที่หลินอิ่งมีต่อกงจิ่วนั่น สูงกว่าชีซิงกรุ๊ปและตระกูลสวีเสียอีก
ก่อนหน้านี้ก็เป็นอันรู้กันอยู่แล้วว่า ในที่ลับของประเทศหลุงกงจิ่วนั้นได้มีการปลุกระดมและเป็นสายลับอยู่แล้ว เขาได้สร้างกลุ่มสายลับญี่ปุ่นขึ้นมา นี่มันไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาล้อเล่นกันได้เลย เมื่อเทียบกันแล้วเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความลับทางการทหารของสองประเทศ มันร้ายแรงยิ่งกว่ากลุ่มธุรกิจกับวงศ์ตระกูลไปมากเลย
“โอเค คุณไปได้แล้ว ถ้ามีอะไรที่จัดการไม่ได้ก็ฝากข้อความไว้ให้ผม” หลินอิ่งยกชาขึ้นมาดื่ม แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ครับ!” ถังฮุยพยักหน้าอย่างแน่วแน่ หันหลังแล้วเดินจากไป
เขารู้อยู่แก่ใจดี ว่าครั้งนี้ท่านอิ่งจะเข้าไปในเมืองก่างถิ่นเก่าของจี้ฉงซาน เพื่อช่วยลูกพี่หยูกลับมา มันอันตรายเหมือนเป็นการเดินเข้าถ้ำเสือเลย
ส่วนกิจการในตี้จิง ท่านอิ่งก็ได้มอบหมายให้เขา ถังฮุยจัดการแทนทั้งหมด มันถือเป็นโอกาส และยังเป็นประสบการณ์ครั้งใหญ่อีกด้วย
เมื่อมอบหมายทุกอย่างเสร็จ หลินอิ่งก็หลับตาลงเพื่อพักสายตา
นักสู้ทั้งสี่รองลงจากหยูจื๋อเฉิง คนที่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาด้านธุรกิจที่สุดก็คือถังฮุย คนคนนี้ขึ้นชื่อเรื่องบริหาร การดูแลกิจการนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับเขาเลย
ที่สำคัญ ตนเองยังได้แอบเก็บมือดีเอาไว้ที่ตี้จิงอีกคน
ถ้าหากว่าถังฮุยถูซานกับพวกดูแลกิจการไม่ไหว เขาก็ยังมีนิ่งซวนอยู่ เขาสามารถใช้งานอำนาจของตระกูลนิ่งได้ทุกเมื่อ คิดว่าน่าจะสามารถคุมสถานการณ์ได้อยู่