ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่93 คุกเข่าสารภาพผิด
บทที่93 คุกเข่าสารภาพผิด
“พวกมึงเป็นใคร? จะทำอะไร? รู้ไหมว่ากูเป็นใคร?” หวางจื่อเหวินพูดด้วยความหวาดกลัว มองกลุ่มชายบึกบึนเต็มไปด้วยรังศีสังหาร ก็ลนลานขยับตัวถอยหลังหนีไม่หยุด
เสียงดังพลั่ก ในขณะที่จิตใจร้อนรนไม่หยุด หวางจื่อเวินตกลงมาจากรถ ร่างเขากลิ้งไปกับพื้นเหมือนลูกหมาจุกตูดก็ไม่ปาน เขาจับประตูรถพยุงตัวลุกขึ้น
“เหอะๆๆ เนี่ยหรอคุณชายแห่งตระกูลหวาง? ล้อเล่นป้ะวะ?” ชายร่างกำยำคนหนึ่งหัวเราะเยาะ
“แกรู้ว่าฉันคือคุณชายตระกูลหวาง?” หวางจื่อเหวินมีสีหน้าแปลกใจรมถึงมีคำถามในคราวเดียวกัน เขามองหลินอิ่งไม่อยากเชื่อสายตา สลับกับมองชายร่างใหญ่ทั้งสาม
เป็นไปได้ยังไง? ไอ้พวกนี้มันรู้สถานะของฉัน แต่ยังกล้าลงมือซ้อมบอร์ดี้การ์ด รวมทั้งทำร้ายร่างกายเขาอีก?
ไอ้สวะอย่างหลินอิ่ง มันไปเอาคนพวกนี้มาจากไหน?
ในใจของหวางจื่อเหวินสับสนอย่างหนัก
“เป็นคุณชายตระกูลหวางแล้วไง?” ชายกำยำพูดอย่างไม่แยแส
“รู้ว่าฉันเป็นคุณชายตระกูลหวางแต่ยังกล้าทำฉัน?” หวางจื่อเหวินตอบ ทั้งตกใจทั้งโมโห “พวกแกมันโง่ ที่ทำกับฉันแบบนี้เพื่อไอ้สวะอย่างหลินอิ่ง? กูจะจำหน้ามึงให้หมดทุกคน กูจะไม่ให้มึงตายดีแม้แต่คนเดียว!”
หลินอิ่งแค่นหัวเราะ หวางจื่อเหวินวันๆก็ดีแต่พร่ำว่าตัวเองเป็นคุณชายตระกูลหวาง สงสัยตายไปก็ยังไม่พ้นพูดคำนี้
“หลิวจุน ทางนี้ให้นายจัดการแล้วกัน” หลินอิ่งพูดนิ่งๆ แล้วหมุนตัวเดินจากไป เขาขึ้นไปนั่งบนรถแลนด์โรเวอร์แล้วออกไปจากชุมชนสุ่ยหยวน
“จะจัดการให้เรียบร้อยแน่นอนครับ!” หลิวจุนพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง
พูดจบหลิวจุนก็หันกลับมา ฝ่ามือใหญ่กระชากร่างของหวางจื่อเหวินจนลงไปกองกับพื้น
“มึงเป็นใคร? กล้าดียังไงมาตีกูวะ?!” หวางจื่อเหวินกุมใบหน้าแดงเถือกจากรอยถลอก โกรธแค้นอย่างถึงที่สุด
เขาเป็นถึงคุณชายใหญ่แห่งตระกูลหวาง พ่อของเขาคือหวางกั๋วคางผู้มีอิทธิพลเป็นอันดับสองแห่งตระกูลหวาง อยู่ในเมืองชิงหยูนมาตั้งหลายปี เขาเคยต้องก้มหัวให้ใครรังแกที่ไหน?
แต่เหมือนว่าตั้งแต่เขาทำผิดต่อหลินอิ่ง ผ่านไปไม่ถึงเดือน เขาก็ขายขี้หน้าจะไม่เหลือชิ้นดี โกรธจนอยากจะอักเป็นเลือด! เรื่องซวยซ้ำซวยซ้อนต่างๆล้วนโดนมาหมด
อย่างต่ำๆก็ถูกฉีกหน้าโดยคนไม่ซ้ำหน้ากันสามสี่คน!
ผั๊วะ ผั๊วะ!
หลิวจุนตรงเข้ามาบ้องหูอีกสองที แรงสะบัดจากฝ่ามือทำให้ปากของหวางจื่อเหวินบวมเป่ง
จากนั้น ชายร่างบึกมีสีหน้าไม่แยแส เขาขากเสลดลงพื้น จากนั้นมองหน้าหวางจื่อเหวินด้วยสายตาเย็นชา
“ดูท่ามึงยังไม่เข้าใจสถานะของตัวนี้! ไอ้เวรนี่มึงลองปากดีอีกทีสิ ถ้าไม่ยอมแพ้ วันนี้กูจะตบบ้องหูมึงจนกว่าจะสาแก่ใจ!” หลิวจุนพูดเสียงเย็น วอร์มมือรอ
หวางจื่อเหวินเห็นหลิวจุนท่าทางโอหัง สลับกับกลุ่มชายกำยำที่นั่งอยู่ในรถออฟโรดหลายคัน ในใจก็หวิวขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอย่างระมัดระวัง “พี่ชาย พวกพี่เป็นใครมาจากไหน? ผมไม่เคยทำอะไรให้พี่ไม่พอใจหรอกใช่ไหม?”
หลิวจุนสะบัดฝ่ามือออกไปอีกรอบ แล้วพูดตะคอก “ไม่เคยทำอะไรให้? มึงไม่เคยทำผิดต่อกู จะบอกว่ากูก็ห้ามทำอะไรมึงงั้นสิ?”
เดิมทีหลิวจุนก็เป็นนักต่อสู้มือฉมังอยู่แล้ว ยิ่งผสมกับทักษะฝ่ามือทลายก้อนอิฐเข้าไปอีก แรงตบครั้งเดียวก็มากพอที่จะทำให้หวางจื่อเหวินโลกหมุน สมองตื้อไปหมด
หวางจื่อเหวินแทบจะหดหัวเข้าคอ กลัวตายสุดขีด
“อย่าทำผมเลย! ไม่ไหวแล้ว! พ่อผมคือหวางกั๋วคัง! ระดับชื่อเสียงของพ่อในเมืองชิงหยูนคงมีประโยชน์กับพวกพี่บ้างล่ะ” หวางจื่อเหวินยังคงทำใจดีสู้เสือ “พี่ชาย พี่อยากได้เงินหรืออยากได้อะไรล่ะ ผมจะโทรหาพ่อให้เดี๋ยวนี้ ให้พ่อผมเอามาให้ ขอแค่พี่อย่าทำผมอีกเลย!”
เมื่อพูดจบ หลิวจุนก็จู่โจมเข้ามาหยุดปากของหวางจื่อเหวินด้วยฝ่ามือหนักๆที่ตบเข้าตรงบ้องหูทั้งสองข้างสลับไปมา เมื่อเหวี่ยงมือออกไปทีก็ตบอีกฝ่ายติดต่อกันหลายครั้งราวกับเสพติดไปแล้ว
“มึงยังพูดถึงหวางกั๋วคังอีกใช่ไหม? คิดจะขู่กูงั้นสิ?” หลิวจุนถุยน้ำลาย พูดโต้อย่างไม่เกรงกลัว
เขาถึงกับผ่านความโชกโชนมาด้วยตัวเองภายใต้น้ำมือของท่านหลิน ความสามารถที่สะเทือนปฐพีแบบนั้น อย่าว่าแต่หวางกั๋วคังอะไรนั่น ไม่ว่าใครในเมืองชิงหยูนก็ไม่มีประโยชน์!
ก่อนจะมาอาศัยบารมีของหลินอิ่ง ตอนที่เขายังเป็นมือขวาให้โจปินคุณชายใหญ่แห่งตระกูลโจ เขาก็ไม่เคยให้ค่ากับไอ้วันๆที่ดีแต่สำมะเลเทเมาอย่างหวางจื่อเหวิน ยิ่งตอนนี้ที่เขามาติดสอยห้อยตามหลินอิ่งยิ่งไม่ต้องพูดถึง
หวางจื่อเหวินตัวสั่นระริก ไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป
เขาที่นับว่าเป็นคุณชายที่ปกติทำอะไรก็ไม่คำนึงถึงเหตุถึงผล ใครจะคิดว่าวันนี้จะต้องมาเจอคนที่ไม่มีเหตุผลหนักกว่าตัวเอง ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรล้วนกลายเป็นวอนโดนตบไปซะหมด แถมแรงก็อย่างกับช้าง ใครมันจะไปทนไหว
“กูชื่อหลิวจุน เคยได้ยินชื่อนี้ไหม?” หลิวจุนแสยะยิ้ม เขามองหวางจื่อเหวินด้วยสีหน้ากวนๆ
“หลิวจุน?” หวางจื่อเหวินขมวดคิ้ว ค่อยๆรำลึกความทรงจำ ก่อนจะมีสีตกใจเล็กน้อยเมื่อนึกออก “นายคือหนึ่งในสามอัศวินสกุลหลิวแห่งเมืองชิงหยูน?”
สามพี่น้องหลิวจุนที่มีทักษะการต่อสู้ขั้นสูงมีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานในเมืองชิงหยูนกับเรื่องการสู้ปราบปราม ทั้งยังก่อตั้งศูนย์ศิลปะการต่อสู้ของสกุลหลิวขึ้นที่ใจกลางเมือง เพื่อถ่ายทอดวิชากังฟูประจำตระกูล ซึ่งเป็นวิชาที่หาเรียนได้ยาก และเป็นทักษะที่สามารถฆ่าคนได้ง่ายๆ
เพราะแบบนั้นสามพี่น้องสกุลหลิวเองก็ถือว่าเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง แม้แต่คนดังหรือเศรษฐีในเมืองชิงหยูนก็ยังต้องเกรงใจ
“นึกว่าไอ้ลูกหมาหางจุกตูนอย่างแกจะตังลอยขึ้นฟ้า ไม่สนใจแม้แต่ชื่อเสียงเรียงนามของฉันซะอีก” หลิงจุนพูดโอหัง
“นายเป็นคนของโจปินหรือเปล่า?” หวางจื่อเหวินสงสัย “ฉันได้ยินมาว่าระยะนี้นายมาอาศัยบารมีของท่านเสิ่นซาน หรือว่าท่านเสิ่นซานส่งนายมา?”
หวางจื่อเหวินเคยปะทะกับสามพี่น้องหลิวจุน เมื่อตอนงานเลี้ยงต้อนรับโจปินเพิ่งกลับจากต่างประเทศ
ในแวดวงไฮโซของเมืองตุงไห่ หวางจื่อเหวินจ่ายเงินเพื่อให้ตัวเองได้ไต่ระดับขึ้นเป็นคุณชายผู้ร่ำรวยชั้นหนึ่ง แต่ถ้าเทียบกับโจปินแห่งตระกูลโจ พื้นเพของทั้งสองครอบครัวถือว่าไม่ต่างกันนัก แต่อำนาจและความสามารถกลับต่างกันอย่างชัดเจน อำนาจและความสามารถของเขาต่ำต้อยกว่าโจปินจนแทบเทียบไม่ติด
ก่อนหน้านี้ที่โจปินเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แถมยังพาพวกนักฆ่าโหดๆกลับมาด้วย เรียกว่าเป็นมาเฟียประจำเมืองไปอย่างสมบูรณ์ เขาลั่นวาจาจะกำราบมาเฟียทุกคน และครองเมืองชิงหยูนให้ได้ภายในหนึ่งเดือน พร้อมกับลับมีดด้วยการเปิดศึกกับเสิ่นซานของเมืองหนานเฉิง
แต่ใครจะคิด โจปินที่ผ่านคู่ต่อสู้มามากมายขณะอยู่ต่างประเทศ ผู้ที่มีเงินมีอำนาจมีลูกน้อง ไหนจากมีตระกูลโจแบ็คอัพ กลับต้องพ่ายแพ้ให้กับน้ำมือของเซียนอันดับหนึ่งแห่งเมืองชิงหยูนอย่างเสิ่นซาน แพ้คาบ้านไปซะดื้อๆ
หลังจากจบเหตุการณ์นั้น แม้แต่ตระกูลโจก็ไม่กล้ากลับไปแก้แค้นเสิ่นซาน เหตุการณ์นี้สร้างความตกอกตกใจแก่แวดวงคนดังในเมืองชิงหยูนเป็นอย่างมาก
ท่านเสิ่นซานกลายเป็นคนดังในชั่วข้าวคืน เหล่ามาเฟียแห่งเมืองชิงหยูนแค่ได้ยินชื่อ ก็ต่างพากันก้มหัวให้ บารมีของเขาแผ่ขยายไปไกลจากแค่เขตเล็กๆในเมืองหนานเฉิง กลายเป็นเงามืดที่แม้แต่สามตระกูลใหญ่แห่งเมืองชิงหยูนต้องหวาดกลัว!
“พี่หลิว คงไม่ใช่ท่านเสิ่นซานสั่งให้พี่มาหรอกใช่ไหม?” หวางจื่อเหวินเริ่มหน้าซีด แววตาสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว
หากเป็นเสิ่นซานในสมัยก่อน กะอีแค่ทุบเมืองหนานเฉิงทิ้ง ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับคุณชายแห่งตระกูลหวางอย่างเขา
แต่ตอนนี้ แม้แต่โจปินท่านเสิ่นซานก็กำจัดมาแล้ว มิหนำซ้ำตระกูลโจยังไม่กล้าหือ แล้วเหวางจื่อเหวินอย่างเขาจะไปเหลืออะไร?
นี่ถ้าท่านเสิ่นซานหมายหัวเขาเข้าจริงๆ คงมีแต่ตายกับตายเท่านั้น!
“หึ กลัวเป็นเหมือนกันหรอวะ?” หลิวจุนแสยะยิ้ม “เบื้องบนเขาสั่งมา แก ไอ้หวางจื่อเหวินไปนั่งคุกเข่าหน้าประตูชุมชนสุ่ยหยวนหนึ่งชั่วโมง! จะไว้ชีวิตให้แค่ครั้งนี้!”