ซุปเปอร์เจ้าสำราญ - บทที่94 ตระกูลซูนออกโรง
บทที่94 ตระกูลซูนออกโรง
“หรือจะให้ท่านซานมาเอง! มึงจะลองดูก็ได้ ดูสิว่าหวางกั๋วคางพ่อมึงจะรับไหวไหม!”
พูดจบ ขาท่อนใหญ่ๆของหลิวจุนก็ถีบเข้าไปที่หวางจื่อเหวินจนล้มไปนอนกองกับพื้น อีกฝ่ายเจ็บจนร้องเสียงดัง
หวางจื่อเหวินคุกเข่าอยู่หน้าประตูชุมชน ใบหน้าซีดมีเส้นเลือดฝาดด้วยความโกรธเกรี้ยว ร่างกายเจ็บปวดไปทั้งตัว เมื่อเห็นสายตาสนุกสนานของผู้คนในชุมชนที่เดินเข้าเดินออก วินาทีนี้ให้เขาฆ่าตัวตายไปเลยยังง่ายซะกว่า!
ไหนจะรถราที่ขับผ่านไปมา คนขับหลายคนที่ขับอยู่ไกลๆต่างก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิป
หวางจื่เหวินขบฟันแน่น เขาก้มหน้านิ่ง คิดยังไงก็คิดไม่ออก นี่เขาไปทำให้ใครไม่พอใจกันแน่!
วันนี้แค่ตั้งใจมาเอาเรื่องไอ้้สวะหลินอิ่ง ไหงกลายเป็นเจอเรื่องซวยๆขนาดนี้ได้!
ไอ้แมงดาเกาะผู้หญิงอย่างหลินอิ่งจะมีอำนาจยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้ยังไง ถึงกับให้ท่านเสิ่นซานผู้มีอิทธิพลที่สุดแห่งเมืองชิงหยูนออกหน้าให้?
ต้องเป็นหวางหงหลิงแน่!
หวางจื่อเหวินโกรธแค้นในใจ ในที่สุดก็คิดออก นอกจากหวางหงหลิง จะมีใครช่วยไอ้้สวะอย่างหลินอิ่งได้อีก! แล้วก็มีแค่หวางหงหลิงที่พอจะมีอำนาจนี้!
ไม่น่าหลายวันที่ผ่านมาไอ้้สวะนี่เอาแต่หลบ วันนี้จู่ๆก็โผล่หน้าออกมา ที่แท้ก็เพราะมันมีลูกสมุนมาช่วย ถึงได้ตั้งใจออกมาสู้กับเขา ชาติหมาจริงๆ!
หวางจื่อเหวินยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห แค้นจนไฟรุกท่วมหัว
หลินอิ่งมันเอาหลิวจุนมาออกหน้าแทนมันได้ เห็นทีคงจ่ายไปไม่น้อย ต้องเป็นหวางหงหลิงที่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังแน่!
เรื่องนี้จะต้องรู้ถึงหูนายท่าน หวางหงหลิงแอบชุบเลี้ยงหมาขี้เรื้อน! แถมยังทำร้ายญาติพี่น้องตัวเอง! คงต้องให้นายท่านออกโรงกล่าวโทษหวางหงหลิง นังบ้านั่นถึงจะยอมปล่อยมือ ดีไม่ดีก็ถีบหลินอิ่งกระเด็นได้อีกด้วย!
พอถึงเวลานั้น เมื่อมันไม่มีเกราะกำบังอย่างหวางหงหลิง หลินอิ่งก็ไม่ต่างอะไรกับหมาข้างทางที่ใครๆก็รังแกได้ทุกเมื่อ! เขาจะต้องเล่นไอ้้สวะนี่ให้ตายในสักวัน! ความอัปยศอดสูทั้งหมดที่เขาต้องเจอในวันนี้ ไอ้้หลินอิ่งจะต้องโดนเป็นร้อยเท่าพันเท่า!
แค่คิด แววตาของหวางจื่อเหวินก็เผยความชั่วร้าย มีแผนที่จะเอาคืนหลินอิ่งแล้วในใจ
ติดก็ตรงที่ เขายังคุกเข่าอยู่ที่เดิม ในใจกังเวลอยู่กับนาฬิกาข้อมือ ไม่กล้าลุกขึ้น หลวจุนเป็นมืองฉบังแถวหน้าของท่านเสิ่นซาน ถ้าเขาเอะอะจนเรื่องใหญ่โต เกรงว่าร่างตัวเองคงกลายเป็นผงธุลีในไม่ช้า
……
อีกด้านนึง แลนด์โรเวอร์สีดำขับมาบนถนนหลวงโดยมีหลินอิ่งนั่งอยู่เบาะหลัง มุ่งหน้ากลับไปตกแต่งวิลล่าหิมะมังกรอีกเล็กน้อย เขาจะขยายห้องนอนให้ใหญ่ที่สุด จากนั้นค่อยตกแต่งอย่างหรูหรา
เขาตั้งใจจะให้ภรรยาที่รักอย่างจางฉีโม่ย้ายเข้ามาที่วิลล่าหิมะมังกร แผนกรักษาความปลอดภัยของที่นี่ใช้ได้ทีเดียว มีการคุ้มกันอย่างหนาแน่น เจ้าหน้าที่ทั้งหมดเป็นคนจากบริษัทรักษาความปลอดภัยระดับนานาชาติ
ไอ้พวกปัญญาอ่อนทั้งหลาย อย่าหวังจะได้เข้ามาใกล้แม้แต่เซนเดียว
นอกจากนี้ หลินอิ่งเองตั้งใจจะปรับความเข้าใจของฉีโม่ที่เข้าใจเขาผิด
ถึงเขาจะไม่ได้ถนัดเรื่องความรู้สึก แต่ก็พอจะรู้ว่าต้องง้อผู้หญิงที่กำลังหึง
คิดดังนั้น หลินอิ่งก็ยกหูโทรศัพท์โทรออก
“ครับ ประธานหลิน มีอะไรจะรับใช้ครับ?” ปลายสายเป็นเสียงนอบน้อบของอูหยาง
“เรื่องที่ให้ไปทำก่อนหน้านี้ ได้ความคืบหน้ายังไงบ้าง?” หลินอิ่งเอ่ยเสียงเรียบ
ก่อนหน้านี้เขาขอให้อูหยางคอยประคับประคองกำลังส่วนในของบริษัทตระกูลจาง ใช้ทุกสิ่งที่บริษัทมีผลักดันไปที่ฉีโม่ ทำให้เธอกลายเป็นนักออกแบบเครื่องประดับชื่อดังที่สุดของเมืองตุงไห่ กระทั่งมีชื่อเสียงในระดับโลก
“ประธานหลิน ผมจะทำอย่างเต็มความสามารถ ช่วงนี้คุณนายหลินยังคงออกแบบเครื่องประดับหลายชิ้นมูลค่านับสิบล้านอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ถือว่าติดอันดับอัญมณีชื่อดังของตุงไห่แล้วครับ!” อูหยางกล่าวด้วยความเคารพ
หลินอิ่งพูดต่อ “พรุ่งนี้เรียกประชุมบอร์ดบริหาร เลื่อนตำแหน่งให้เมียฉันเป็นรองประธานฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์”
เขาสั่งให้อูหยางรวบบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ ก็เพื่อให้ความฝันของฉีโม่เมียรักของเขาเป็นจริง
แต่เขารู้จักนิสัยของฉีโม่ดี เธออยากจะไปถึงเป้าหมายด้วยความพยายามของตัวเอง
ไม่อย่างนั้นเขาคงเอาบริษัทเครื่องประดับยัดใส่มือเธอไปนานแล้ว
“ครับ! ประธานหลิน ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่คุณสั่ง ผมรับรองว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ไป คุณนายหลินจะต้องกลายเป็นรองประธานของบริษัท เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารแน่นอนครับ!” อูหยางกล่าว
อูหยางรู้ดี และเขาก็พอจะดูออก จริงๆแล้วบริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เป็นแค่เครื่องมือที่ประธานหลินใช้เพื่อเอาใจคุณนายก็เท่านั้น
การมีอยู่ของบริษัทนี้ ก็แค่เพื่อให้คุณนายหลินมีความสุข
หากจะพูดกันอย่างเปิดเผย บทบาทของเขาก็แค่พ่อบ้านของบริษัทที่ประธานหลินส่งมา เพื่อคอยประคองคุณนายหลินให้เดินทีละก้าวๆจนไปถึงจุดที่เป็นเครื่องประดับระดับโลก และห้ามแสดงตัวชัด เขาต้องทำให้คุณนายหลินรู้สึกว่าความสำเร็จทุกอย่างมาได้จากความสามารถของตัวเอง
เวลานี้เอง ที่สายโทรศัพท์เข้า หลินอิ่งเหล่ตามองนิดๆ เห็นว่าเป็นภรรยาสุดที่รักโทรเข้ามา จึงรีบวางสายอูหยาง
“ว่ายังไงฉีโม่?” หลินอิ่งถาม
“ตอนนี้นายคงไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?” น้ำเสียงจางฉีโม่มีความกังวลอยู่บ้าง
“ไม่เป็นไรนี่” หลินอิ่งพูดหัวเราะ
ติ๊ด
หลินอิ่งอยากจะพูดอะไรต่อ แต่จางฉีโม่วางสายไปแล้ว
เขาส่ายหน้า แล้วยิ้มระเหี่ยใจ เขารู้ว่าฉีโม่กังวลเรื่องที่วันนี้เขาทำร้ายหวางจื่อเหวิน จะส่งผลเสียกับตัวเขา แต่ก็ยิ่งชัดเจนว่าเธอยังหึงเขาอยู่ ถึงไม่อยากคุยกับเขามาก
“หลินอิ่ง นายไม่คิดไม่โทรกลับมาเนี่ยนะ?” อีกด้านนึง จางฉีโม่ในชุดนอนกลิ้งอยู่บนเตียง สายตาจับจ้องไปที่โทรศัพท์หลายนาที กัดฟันโมโห “ซื่อบื้อหรือไงกัน?”
เธอคิดว่าพอตัดสายเสร็จ เดาว่าหลินอิ่งจะต้องโทรกลับมาตามเธอแน่ จากนั้นเธอค่อยตัดสายเขาสักสองสามรอบ ทำจนเขาร้อนรนแล้วสุดท้ายค่อยรับสาย
ใครจะคิด เธอกดตัดสายเขาดื้อๆแบบนี้ หลินอิ่งดันไม่โทรกลับเนี่ยนะ?
เธอยังมีอะไรต้องคุยกับเขาตั้งเยอะเลย!
จางฉีโม่ดึงทึ้งผ้าห่ม ความหงุดหงิดเผยบนใบหน้าสวยสด เธอกัดริมฝีปากแน่น
ที่เบาะหลังรถ หลินอิ่งปิดเปลือกตาพักสายตาไม่นาน
เสียงสั่นจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก
หลินอิ่งหยิบโทรศัพท์ขึ้น ครั้งนี้เป็นเจียงฉีโทรเข้ามา
ตั้งแต่ที่เขาเสียเงินหลายสิบล้านเพื่อให้เจียงฉีไปทำธุรกิจครั้งก่อน เขาก็ไม่เคยติดต่อกับเจียงฉีอีกเลย
เจียงฉีเป็นคนทำอะไรคิดหน้าคิดหลัง ถ้าไม่เจอเรื่องอะไรที่ตัวเองปราบมือไม่ไหวจริงๆ เห็นทีคงไม่มีทางเป็นฝ่ายโทรมาหาเขา
“ประธานหลิน ยุ่งอยู่หรือเปล่าครับ?” เจียงฉีพูดอ่อนน้อม
“มีอะไรก็ว่ามา” หลินอิ่งเอ่ยเสียงเรียบ
“ประธานหลิน หลังจากที่ผมวางแผนมาระยะเวลานึง ในการประชุมบอร์ดบริหารวันนี้ผมจะกำจัดผู้ถือหุ้นของตระกูลซูนทุกคนทิ้ง จากนั้นก็รวบบริษัทโอเชี่ยนอสังหาริมทรัพย์มาไว้ในกำมือ ตอนแรกตั้งใจจะมารายงานสถานการณ์กับท่าน” น้ำเสียงของเจียงฉีร้อนรน ราวกับกำลังแบกรับความกดดันอย่างหนัก
“แต่ผมไม่คิดเลยว่า ตระกูลซูนจะตอบโต้เร็วขนาดนี้ พวกมันกำลังจะตลบหลังผมในอีกไม่ช้าแล้วครับ!”
“คนที่ตระกูลซูนส่งมาตอนนี้ยึดบริษัทไว้หมด พวกนั้นต้อนผมไว้ในห้องทำงานคนเดียว ออกไปไหนก็ไม่ได้” เจียงฉีพูดไม่อ้อมค้อม “เท่าที่ผมทำความรู้จักกับตระกูลซูน ผมสงสัยว่าพวกนั้นจะบีบผมให้จนมุม หรือไม่ก็สร้างสถานการณ์ว่าผมกระโดดตึกฆ่าตัวตาย จากนั้นค่อยดึงบริษัทกลับไปในมือตัวเอง นี่เป็นวิธีที่พวกมันใช้ประจำครับ!”
“นายตั้งสติดีๆ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” หลินอิ่งพูดเสียงนิ่งเรียบ
“ครับ!ครับ!” เจียงฉีใจเต้นตุ๊บตั๊บ เหมือนคว้าเชือกเส้นสุดท้ายไว้ได้
เจียงฉีกลัวว่าหลินอิ่งจะทอดทิ้งเขาในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ถ้าหลินอิ่งไม่ออกโรงช่วย วันนี้เขาคงถูกโยนออกไปจากห้องทำงานชั้นสามสิบกว่า แล้วตายอย่างอนาถอยู่บนพื้น