ซูเปอร์หมอเข็ม/หมอเข็มยอดฝีมือ(NC25+) - ตอนที่ 44 มันที่ร้อนร้อน
ตอนที่ 44 มันที่ร้อนร้อน
สำหรับคำพูดของลั่วหยิ่ง หลินหยางไม่ได้นึกสงสัยอะไร เขายิ้มแล้วถามอีกครั้ง “ตอนนี้ก็จะเดือนแปดแล้ว เธอคิดว่าพอถึงตอนเปิดเทอมเธอจะสามารถหาเงินได้เท่าไหร่”
“ไม่รู้ ถ้าฉันขยันหน่อยน่าจะหาได้ประมาณสองพัน” ลั่วหยิ่งนั่งข้างๆหลินหยาง มือสองข้างประสานกันแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ
หลินหยางประมาณการคร่าวๆในใจ สองพันหยวน ถ้าอิงจากราคาที่ตนให้กับหู่จือก่อนหน้านี้นั่นก็คือหนึ่งหมื่นต้น ถึงแม้ว่าต้นหญ้ากรดน้ำตรงนี้จะเยอะ แต่ก็ไม่เหมือนกับวัชพืชที่จะหาได้ทุกที่ ราคาที่ลั่วหยิ่งบอกมานั้นน่าจะเป็นราคาที่พอรับได้ ถ้าเธอมาเก็บทุกวันจริงๆ อย่างน้อยน่าจะทำเงินได้ถึงห้าพันหยวน
เพียงแต่ว่าเวลานั้น เกรงว่าต้นหญ้ากรดน้ำที่ข้างแม่น้ำนี้ส่วนใหญ่จะถูกทำลายให้เสียหาย
เมื่อไตร่ตรองอย่างดีอยู่สักพัก หลินหยางก็หันไปดูลั่วหยิ่งที่ทำหน้ามุ่ยอยู่แล้วพูดว่า “หลังจากเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ทุกปีจะต้องจ่ายค่าเทอมกี่พันหยวน ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันปกติเดือนนึงก็ประมาณเจ็ดถึงแปดร้อยขึ้นไป ถ้าสมมติว่าเธอใช้เดือนละแปดร้อยหยวนบวกกับค่าเทอม ทั้งหมดต้องหาให้ได้หมื่นกว่าหยวน”
เมื่อได้ยินหลินหยางคิดเงินแล้ว ลั่วหยิ่งก็เหนื่อยใจ หนึ่งหมื่นกว่าหยวน เงินจำนวนนี้มากกว่าที่ตนคิดคำนวนไว้ก่อนหน้านี้เยอะมาก กลัวว่าตัวเองเก็บค่าเทอมพอแล้วแต่เงินกินข้าวไม่พอ คนทางบ้านก็คงไม่ให้ยืมเพื่อที่จะให้ตนเองเอาไปเรียนหรอก
หรือว่าเส้นทางมหาวิทยาลัยของตนจะจบลงเท่านี้? ตอนนี้ใจของลั่วหยิ่งเป็นทุกข์มาก แต่ก็ยังกลั้นน้ำตาเอาไว้
มองไปที่ลั่วหยิ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ ดูแล้วน่ารักอบอุ่นแต่ก็ยังมีความแข็งแกร่งรักในศักดิ์ศรีของตนเอง หลอดเลือดในใจของหลินหยางราวกับว่าโดนสั่นอยู่ขณะหนึ่ง
เดือนนี้เธอเอาต้นหญ้ากรดน้ำให้ฉันหนึ่งหมื่นต้น ฉันให้เธอสองหมื่นหยวน หลินหยางพูดอย่างนิ่งๆ
ลั่วหยิ่งที่กำลังเหม่อลอยได้ยินที่หลินหยางพูดตอนแรกก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร แต่ทันใดนั้นก็รีบหันกลับไปดูหลินหยาง ลืมตากลมกว้างแล้วถามขึ้นว่า “เท่าไหร่นะ?”
“เธอช่วยฉันเก็บหนึ่งหมื่นต้น ฉันให้เธอสองหมื่นหยวน” หลินหยางพูดซ้ำอีกครั้งอย่างจริงจัง
“สองหมื่นหยวนเยอะเกินไป นายเอาเงินทั้งหมดมาให้ฉันแล้ว นายจะเข้าเรียนยังไง ฉันไม่เอา” เมื่อได้ฟังหลินหยางพูดอย่างชัดเจนลั่วหยิ่งก็ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง และคิดได้ว่าหลินหยางคงเอาเงินที่ตัวเองเข้าเรียนมาให้ตน เลยปฏิเสธไป
เมื่อได้ยินดังนั้นหลินหยางก็อึ้งไปซักพัก แล้วก็หัวเราะ “มันไม่ได้หนักหนาอย่างที่เธอคิด ฉันยังมีเงินอีก เมื่อครั้งที่ฉันไปเมืองเจียงหลิงช่วยชีวิตคนคนหนึ่งไว้ คนนั้นเค้าให้เงินฉันสามหมื่นหยวน ให้เธอสองหมื่นหยวน ฉันยังมีเหลืออีกหนึ่งหมื่นหยวน”
“นายพูดจริงหรอ?” ลั่วหยิ่งเอ่ยถาม
“ แน่นอน จะโกหกเธอทำไม เงินสามหมื่นหยวนยังวางไว้ที่บ้านอยู่เลย ถ้าเธอไม่เชื่อ เดี๋ยวฉันจะเอาออกมาให้เธอดู” หลินหยางตบหน้าอกเพื่อยืนยัน
“ยังไงก็ไม่เชื่อ” แม้ว่าจะเห็นหลินหยางจะแสดงความมั่นเป็นอย่างยิ่ง แต่ลั่วหยิ่งก็ยังไม่เชื่อ
“ฉันสาบาน ถ้าโกหกเธอขอให้ฉันกลายเป็นหมา” หลินหยางพูดอย่างจนปัญญา
เมื่อฟังหลินหยางพูดขนาดนี้ ความสงสัยที่มีอยู่ของลั่วหยิ่งก็ค่อยๆกลายเป็นความเชื่อใจ
ลั่วหยิ่งคิดแล้วคิดอีกอยู่ซักพักจึงพูดออกมา “พี่หลินหยาง เงินจำนวนเยอะขนาดนี้ ฉันรับไว้ไม่ได้ พี่ให้ฉันแค่ห้าพันหยวนพอ ฉันเอาไปจ่ายค่าเทอมก่อน”
“ไม่เยอะเลยซักนิดเดียว ในเมื่อฉันเต็มใจให้สองหมื่นหยวนก็ไม่ใช่ว่าฉันสงสารถึงให้เธอ แต่เป็นเพราะว่าต้นหญ้ากรดน้ำ มีค่าเพียงพอสำหรับราคานี้ ฉันซื้อมาสองหมื่นหยวน ผสมเป็นยาออกมา อาจจะขายได้ถึงหนึ่งแสนหยวน สองหยื่นหยวนซื้อหนึ่งหมื่นต้น ถ้าเธอไม่ทำ ฉันก็จะไปหาคนอื่นทำ” หลินหยางไม่หยุดที่จะเกลี้ยกล่อมลั่วหยิ่ง แถมในตอนท้ายยังพูดด้วยคำพูดที่รุนแรง
เมื่อได้ยินหลินหยางพูด สองตาของลั่วหยิ่งก็แดงขึ้น แล้วพูดด้วยเสียงเบาๆ “ฉันแค่กลัวว่าเงินนี่จะเป็นเงินที่นายเอาไว้จ่ายเข้าเรียน ถ้าฉันใช้แล้วจะทำให้ฉันลำบากใจ”
เมื่อพูดแล้ว ลั่วหยิ่งก็อดกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว ไหลลงมาอาบสองแก้ม
หลินหยางเข้าโอบกอดลั่วหยิ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนุ่มๆว่า “ เธอวางใจเถอะ ฉันไม่โกหกเธอแน่นอน รอวันที่เธอเปิดเรียน ฉันจะไปลงทะเบียนกับเธอ ให้เธอได้เห็นฉันจ่ายค่าเทอมด้วยตาของเธอเอง ถ้าถึงเวลานั้นแล้วฉันจ่ายไม่ได้ เธอก็ไม่ต้องจ่าย แบบนี้ดีไหม?”
ฟังหลินหยางพูดแบบนี้ จิตใจของลั่วหยิ่งก็สงบลง เอาหัวเข้าใกล้อ้อมอกของหลินหยางแล้วพูดว่า “งั้นพูดคำไหนคำนั้น ไม่มีการคืนคำ”
เมื่อเห็นลั่วหยิ่งตกลงแล้ว หลินหยางถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย และเนื่องจากลั่วหยิ่งอยู่ในอ้อมอกของตน กลิ่นของความบริสุทธิ์ก็ถ่ายทอดออกมา ทำให้หลินหยางใจละลาย และเรือนร่างที่อ่อนนุ่มก็ทำให้หลินหยางเกิดความคิดที่ไม่ดีขึ้นมา
เอนกายอยู่อ้อมอกของหลินหยาง ลั่วหยิ่งก้มหน้าลงเห็นกางเกงของหลินหยางนูนสูงขึ้นมา แปลกประหลาดใจจนเอามือยื่นไปจับคลำ
พี่หลินหยาง ตรงนี้พี่ใส่อะไรไว้ ถามไปอย่างประหลาดใจ มือของลั่วหยิ่งจับลงไปที่ของชนิดหนึ่งที่ร้อนผ่าวในชั่วพริบตา
หลินหยางตื่นตกใจ คิดที่จะห้ามแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว รับรู้ถึงมือที่นุ่มนวลของลั่วหยิ่ง ใจก็สั่นไหว
“อันนี้คืออะไร ทำไมยังร้อนแบบนี้” มือเล็กๆของลั่วหยิ่งลูบคลำอยู่ข้างบน ไม่รู้ว่าจู่จู่สมองคิดอะไรอยู่ ร้องออกมาอย่างเอียงอายราวกับทิ้งมันร้อนๆแล้วรีบเอามือดึงออกมา
มองไปที่บนใบหน้าอันแดงก่ำของลั่วหยิ่ง หลินหยางหัวเราะแล้วพูดว่า “ไหนเธอพูดสินั่นคืออะไร?”
รับรู้สิ่งที่บ่งบอกความเป็นผู้ชายของหลินหยางออกมา ลั่วหยิ่งก็หลงเสน่ห์เล็กน้อย ใบหน้าอันน่ารักแดงก่ำมองด้วยความโกรธเคืองไปทางหลินหยางแล้วพูดออกมาว่า “ของไม่ดีของนาย”
“ไม่ดีแล้วเธอยังจะคลำ? “หลินหยางมองลั่วหยิ่งแล้วพูด
“ไปตายซ้ะ” หน้าของลั่วหยิ่งแดงแทบจะมีเลือดหยดลงมา
“เธอคลำของฉันแล้ว ฉันก็อยากคลำของเธอบ้าง” หลินหยางหัวเราะแล้วยื่นมืออันใหญ่หนึ่งข้างไปที่หน้าอกของลั่วหยิ่ง
อา~ ลั่วหยิ่งร้องขึ้นมาอย่างตกใจ รีบหลบไปแอบ
หลินหยางเห็นลั่วหยิ่งขยับออกไป ถอนหายใจในใจอย่างเสียดาย เขาตบฝุ่นที่ก้นแล้วพูดว่า “พอแล้ว ไม่วุ่นวายแล้ว เรากลับไปกันเถอะ”
“ทำไม วันนี้ไม่เก็บต้นหญ้ากรดน้ำหรอ” ลั่วหยิ่งถามอย่างตาโต
“วันนี้ยังไม่ทำ เธอรีบกลับไปช่วยที่บ้านเก็บข้าวโพด พรุ่งนี้ค่อยเริ่มทำ วันนึงทำทั้งวัน ทำสิบกว่าวันก็ได้แล้ว” หลินหยางพูดพลางยิ้ม “ตอนนี้เธอกลับบ้านไปกับฉัน ไปเอาเงินมัดจำก่อน”
ถ้าอย่างงั้นจะมาเก็บต้นหญ้ากรดน้ำเมื่อไหร่ก็แล้วแต่หลินหยางเป็นคนกำหนด
ระหว่างทางเดินกลับ หลินหยางและลั่วหยิ่งก็คุยกันตลอดทาง คุยจนหัวใจของลั่วหยิ่งเต้นแรงใบหน้าแดงก่ำ
ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนถึงแม้จะแค่ระยะเวลาสั้นๆเพียงครึ่งวัน แต่ก็สนิทสนมกันมากขึ้น
เมื่อมาถึงบ้านของหลินหยาง หลินหยางหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมา นำเงินสามหมื่นหยวนออกมาแล้วพูดว่า “ฉันบอกแล้วว่าฉันมีเงิน ไม่ได้โกหกเธอใช่ไหม อันนี้มัดจำหนึ่งหมื่นหยวน รอเธอเอาต้นหญ้ากรดน้ำมาให้ฉันครบ ก็จะเอาเงินที่เหลือให้เธอ”
ลั่วหยิ่งเอาเงินมาแบ่งครึ่ง จากนั้นก็เอาอีกครึ่งให้กลับคืนไปแล้วพูดว่า “ทั้งหมดมีสามหมื่นหยวน พวกเราแบ่งคนละครึ่ง ฉันเอาแค่หนึ่งหมื่นห้าพันหยวนก็พอแล้ว แบบนี้ก็พอดีกับที่ฉันจะใช้เข้ามหาวิทยาลัย ฉันรับมาก่อนห้าพันหยวน ถึงตอนนั้นเสร็จแล้วค่อยให้เพิ่ม นายก็ไม่ต้องให้ฉันสองหมื่นหยวน ถึงให้ฉันก็ไม่อยากได้”
หลินหยางก็ไม่ได้ปฏิเสธ ลูบที่ผมของลั่วหยิ่งแล้วพูดว่า “ได้ เมื่อไหร่ที่ต้องการเงินแล้ว ก็ค่อยบอกฉันถึงเวลานั้นฉันค่อยให้เธอก็ได้”
“อืม ถ้างั้นฉันกลับบ้านก่อน พ่อกับแม่ไม่เห็นฉันกลับบ้านซักที ฉันคงต้องโดนด่าแน่เลย” ลั่วหยิ่งพูดพลางยิ้ม
“ได้ ถ้างั้นเธอกลับไปที่ไร่ข้าวโพดก่อน” เมื่อหลินหยางพูดถึงไร่ข้าวโพดก็นึกถึงเรื่องเมื่อคืนวานที่ทำกับหลี่ซูเฟินที่ไร่ข้าวโพด ใจของหลินหยางก็สั่นไหวขึ้นมาทันที
ระหว่างที่ไปส่งลั่วหยิ่งตรงทางกลับบ้าน เห็นคนคนหนึ่งกำลังลากรถเข็นมาพอดี ข้างบนบรรจุกระสอบข้าวโพดมุ่งหน้าไปทางข้างในหมู่บ้าน
หลังจากที่เห็นคนนั้นเดินไป ในใจหลินหยางก็รู้สึกงงงวย ผู้หญิงคนนั้นดูแล้วน่าจะอายุประมาณยี่สิบ ดูคุ้นตาอย่างมาก
ข้างบนใส่เสื้อยืดสีชมพู คลื่นซัดสาดแรงของนมที่อยู่ข้างหน้ายากที่จะปกปิด ในขณะที่ผู้หญิงคนนี้กำลังออกแรงลากรถเข็นแล้วเดิน สั่นสั่นกลิ้งกลิ้งไป หลินหยางมองไปจิตใจก็ว้าวุ่นสับสน
“พี่เหย่ ฉันช่วยพี่ลาก” เมื่อเห็นผู้หญิงคนข้างหน้า ลั่วหยิ่งก็รีบกระโดดออกไปช่วยดันข้างหลังของรถเข็นทันที
“ เป็นเธอเองเสี่ยวหยิ่ง เมื่อกี้พ่อแม่เธอกำลังพูดกับฉันว่าถ้าเห็นเธอให้เธอรีบกลับไปช่วยงาน เธออย่าพึ่งมาช่วยฉันเลย รีบกลับไปก่อน” เมื่อเห็นข้างหน้ามีเด็กผู้หญิงเข้ามา หญิงคนนั้นก็ยิ้มแล้วพูด
เมื่อผู้หญิงคนนี้เงยหน้าขึ้นหลินหยางก็นึกได้ทันที ไม่น่าละดูแล้วคุ้นตามาก ที่แท้ก็เพื่อนร่วมห้องตอนประถมชื่อหลี่ถาว
หลี่ถาวหน้าตาสวย ดวงตาโต ตอนเด็กผู้ชายในกลุ่มของหลินหยางชอบไปหยอกล้อเธอ
แต่หลี่ถาวพอจบมัธยมต้นก็ไม่เรียนต่อแล้ว ตอนนั้นก็ออกเรือนเสียแล้ว ได้ยินมาว่าตอนนี้คลอดลูกแล้วหนึ่งคน อายุสี่เดือนแล้ว
“เสี่ยวหยิ่งเธอไปช่วยพ่อแม่เธอเถอะ ฉันลากรถเอง” หลินหยางยิ้มแล้วเดินเข้าไป นำเอาเชือกที่ติดตัวหลี่ถาวดึงลงมา
“งั้นก็ได้ ฉันไปก่อนนะ” เมื่อเห็นมีหลินหยางคอยช่วย ลั่วหยิ่งก็วางใจ ทักทายบอกลาหลินหยางแล้วรีบกลับไป
“ขอบคุณนายนะหลินหยาง” เมื่อเห็นชัดว่าเป็นใคร หลี่ถาวก็หน้าแดงแล้วพูด
“จะขอบคุณอะไรกัน คนบ้านเดียวกัน แล้วเราตอนเด็กก็ยังเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันอีก ช่วยนิดเดียวจะเป็นอะไรไป” หลินหยางเอาเชือกไนล่อนพาดไว้บนบ่าใช้มือดึงลากรถไปข้างหน้า
“ฉันอยู่ข้างหลังช่วยนายดัน” หลี่ถาวพูด
“ไม่ต้อง ฉันแรงเยอะ แค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก เธอมาคุยเป็นเพื่อนก็ได้” หลินหยางพูด
มองไปที่หลินหยางที่กำลังดึงรถอยู่ข้างๆ สบายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ กระฉับกระเฉงกว่าตนมาก หลี่ถาวเดินไปพร้อมกับหลินหยางแล้วพูดชื่นชมเขา “ฉันคิดว่านายเข้ามหาวิทยาลัยแล้วร่างกายจะเปราะบาง ลากรถคันนี้ไม่ไปซะอีก”
“จะเป็นไปได้ยังไง ฉันก็เกิดและโตที่นี่ ผ่านความลำบากมาหมดแล้ว ตอนเด็กๆก็เรียนกังฟูกับปู่ ไม่ว่าทำงานอะไรก็สบายๆ” หลางหลินพูดพลางยิ้ม
“นายไปเรียนข้างนอก มีคนรักแล้วหล่ะสิ” หลี่ถาวถาม
“ยังไม่มีเลย ก็อยากหา แต่ยังหาไม่เจอ” หลินหยางโดนคนอื่นถามคำถามนี้จนชินแล้ว จึงตอบได้อย่างถนัด
“ยังหาไม่ได้? ทำไมนายไม่หาแบบผู้หญิงที่อยู่ในเมืองมีมากกว่าผู้หญิงในชนบทของเราอีก” หลี่ถาวถามอย่างประหลาดใจ
“ แบบที่พึ่งพาได้แบบเธอหาง่ายซะที่ไหน ล้วนแล้วแต่ไม่สวยเท่าเธอ แบบสวยๆก็พึ่งพาไม่ได้” หลินหยางทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่ถาวปรากฏออกมาทันที
“นายดูสิว่านายพูดอะไร ฉันไม่ได้ดีแบบที่นายพูดหรอก ในเมืองมีคนที่ดีกว่าเยอะมาก นายยังไม่หาให้ดีเป็นแน่”
ใบหน้าของหลี่ถาวเขินอายและพูดต่อว่า “ตอนนั้นถ้าฉันไปต่อ คาดว่าก็คงเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว”
“ใช่แล้ว อาจจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกับฉัน ถึงเวลานั้นเธอก็อาจจะแต่งงานกับฉัน” หลินหยางพูดหยอกล้อ
“ นายก็ช่างพูด ฉันว่านายพูดไร้สาระ” หลี่ถาวได้ยินหลินหยางพูดจาแปลกๆ ก็รีบหยิกไปที่เอวของหลินหยางทันที
“พอแล้วพอแล้ว ทำไมเป็นเธอมาลากรถหล่ะ สามีเธอไม่มาช่วยหรอ” หลินหยางถาม
“พวกเขายังหักข้าวโพดอยู่ไร่ กลางวันไม่กลับมาแล้ว ให้ฉันกลับมาทำกับข้าวแล้วแล้วเอาไปให้ ถือโอกาสป้อนนมลูกไปด้วย” หลี่ถาวอธิบาย