ซูเปอร์หมอเข็ม/หมอเข็มยอดฝีมือ(NC25+) - ตอนที่ 63 หมอนี่มันร้ายกาจนัก
ตอนที่ 63 หมอนี่มันร้ายกาจนัก
เมื่อได้ยินจางเยว่ก็รู้สึกดีใจนิดๆ ที่อย่างน้อยร่างกายของตัวเองก็ยังทำให้พึงพอใจจึงอนุญาตให้หลินหยางจับๆ คลำๆ แบบนั้นไป ผ่านไปพักใหญ่หลินหยางก็ปล่อยมือแล้วหยิบโทรศัพท์กดโทรหาคุณป้าจางฟางทันที
สายตรงข้ามรับเร็วมาก หลินหยางจึงหยิบเอาขึ้นมาพูด “ป้าจาง พรุ่งนี้ป้ากับคุณหญิงเซี่ยจะมาด้วยกันใช่รึเปล่าครับ?”
“ใช่แล้วจ้ะพ่อหนุ่มน้อย นี่กดโทรหาป้าแบบนี้แสดงว่าคิดถึงป้าอย่างนั้นใช่รึเปล่า?” จางฟางถามพูดอย่างขบขัน
หลินหยางเองก็ยิ้ม “ใช่แล้วครับ คิดถึงทุกลมหายใจเข้าออกเลยเชียวแหละครับ ถ้าว่าหากว่าป้ามาพรุ่งนี้ ผมจะเอาโคลนพิศุทธิ์ให้ป้าขวดนึงเลย”
ก่อนหน้านั้นเซี่ยหลินหลินก็ให้โคลนพิศุทธิ์กับเธอมาขวดหนึ่งแล้ว ประสิทธิภาพของมันดีมากมาก จนถึงตอนนี้ก็ยังคิดถึงสิ่งเหล่านั้นมาโดยตลอด จนมาถึงวันนี้ไม่คิดว่าหลินหยางจะนำเอาข่าวดีมาให้ตนเองแบบนี้ “ขอรับเป็นสินน้ำใจเลยแล้วกันนะ…เอาล่ะ พูดมาเลย ว่าอยากจะให้ป้าช่วยอะไร ป้าช่วยได้ทุกอย่าง”
ในที่สุดก็มาถึงจุดประสงค์หลักจริงๆ ของหลินหยางเสียที หลินหยางหัวเราะอย่างเคอะเขินก่อนจะพูดขึ้น “พรุ่งนี้ตอนที่ป้ามาผมจะขอรบกวนป้าซื้อเสื้อผ้าของผู้หญิงให้ผมหน่อยสักสองชุดสิครับ”
“ไม่มีปัญหาเลยจ้ะ บอกขนาดมาสิเดี๋ยวป้าไปซื้อมาให้”
หลังจากที่หลินหยางบอกขนาดเสื้อผ้ากับชั้นในของจางเยว่หมดแล้ว ปลายสายก็ส่งเสียงประหลาดใจออกมาว่า “เสี่ยวหยาง คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีแฟนแล้วหรือ? แถมขนาดยังตั้งสามสิบแปดด้วย ทรวดทรงแบบนี้ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!”
“มีที่ไหนกันล่ะครับป้า เป็นคนที่ผมช่วยมาจากแม่น้ำไว้น่ะครับ เสื้อผ้าต่างๆ เละเทะหมดเลยไม่มีเสื้อผ้าใส่ อย่างไรผมก็ฝากซื้อมาด้วยนะครับ สองชุด”
“ได้สิจ้ะแค่สองชุดเอง แล้วก็เรื่องโคลนพิศุทธิ์หนึ่งขวดที่จะให้ป้าน่ะ อย่าลืมนะจ้ะ” จางฟางหัวเราะพร้อมตอบรับข้อตกลง
“ป้าวางใจเถอะ ผมมีให้ป้าขวดหนึ่งแน่นอน” หลังจากนั้นหลินหยางกับจางฟางก็คุยสัพเพเหระต่อกันสักพักแล้วก็วางสายไป
“ถ้าอย่างนั้นคุณนอนก่อนเถอะ อ่ะนี่ผมเอาผ้าห่มมาให้ ถ้าหนาวก็ห่มเอาไว้ ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะเป็นหน้าร้อนแต่อากาศในตอนเช้าก็ถือว่าหนาวอยู่ดี”
หลังจากบอกฝันดีจางเยว่หลินหยางก็ออกจากห้องนอนเดินไปที่ห้องโถงเพื่อกินข้าว
หลังจากกินเสร็จหลินหยางก็เก็บจานชามพลางเดินไปที่ห้องบูรพาเพื่อไปเก็บของให้เข้าที่เข้าทางเสียหน่อย เดิมทีห้องห้องนี้เป็นห้องที่คุณปู่ของเขาเคยพำนักอยู่ เดาว่าเขาคงต้องอยู่ห้องนี้ไปสักระยะหนึ่ง
เขามองดูเวลาตอนนี้ก็ปาเข้าไปหกโมงเย็นแล้ว ฟ้าด้านนอกก็ค่อยๆ มืดลง หลินหยางหย่อนก้นลงนั่งบนเตียง เปิดโคมไฟพลางหยิบหนังสืองานวิจัยวิชาแพทย์โบราณๆ มาอ่าน หลังจากที่เขาอ่านได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงคนมาเคาะที่ประตู
“หยางน้อย อยู่บ้านหรือเปล่า?” เสียงที่ไพเราะเพราะพริ้งดังเข้ามา ทันทีที่ได้ยินหลินหยางก็รู้ว่าใครมาทันที
“ป้าหานครับ ผมกำลังจะไปเปิดประตูเดี๋ยวนี้แหละครับ” เขาวิ่งออกไปเปิดประตูโดนที่ตัวเองยังไม่ทันได้ใส่เสื้อดี หลังจากเปิดประตูก็พบเป็นคุณนายหานน่า ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านหม่าเจี้ยนนั่นเอง
เมื่อหลินหยางเห็นหานน่ามาคนเดียวเขาก็ถามออกไปอย่างสงสัย “คุณป้า ทำไมมาคนเดียวล่ะครับ? หัวหน้าหมู่บ้านล่ะครับ?”
“เร็วๆ นี้เขาต้องเข้าไปประชุมในเมือง ตอนนี้เลยง่วนอยู่กับการเตรียมการน่ะ ก็เลยให้ป้าแวะมาดูเจ้าหน่อย แล้ว…ผู้หญิงคนนั้นตื่นรึยังล่ะ?” หานน่าส่งเสียงหัวเราพลางเดินเข้ามาในบ้าน ทันใดนั้นเธอก็จัดการลงกลอนที่ประตู
หลินหยางเองก็ไม่ได้สนใจการกระทำนั้นพลางเดินนำหานน่าเข้ามาในห้องนอนของตนแล้วพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา “เธอตื่นขึ้นมากินข้าวแล้วรอบหนึ่ง หลังจากนั้นก็มาพัก ตอนนี้น่าจะหลับไปแล้วครับ ป้าลองไปดูอาการเธอหน่อยก็ได้นะครับ”
พูดจบหลินหยางก็ดันประตูเปิดออก เขาเปิดโคมไฟเพื่อให้หานน่าเดินเข้าไปดูเธอข้างใน ทันใดนั้นหานน่ามองดูหญิงสาวที่อยู่ข้างในพลางคิดไปด้วย สีหน้าเทียบกับก่อนหน้านี้ดีขึ้นมาก การหายใจก็ปรกติ คงจะยังแข็งแรงดีอยู่
หลังจากหานน่าออกมาจากห้องปิดประตูเรียบร้อยก็พูดขึ้นอย่างประหลาดใจ “ช่างร้ายกาจจริงๆ นะ คนลักษณะนี้ก็ยังช่วยมาได้ แบบนี้เจ้าจะต้องเป็นหมอที่มีชื่อเสียงในภายภาคหน้าได้อย่างแน่นอน”
“ผมไม่อาจคิดจะเป็นหมอที่มีชื่อเสียงหรอกครับ แค่ได้รักษาได้ช่วยเหลือคนแค่นี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว” หลินหยางยิ้มพลางรินน้ำชาให้หานน่า
“ป้าไม่ดื่ม ไม่ต้องรินหรอก อ้อ ใช่สิ ผู้หญิงคนนั้นนอนอยู่ที่ห้องเจ้า แล้วเจ้าจะนอนที่ไหนล่ะทีนี้? ห้องบูรพาหรือ?” หานน่าถาม
“ครับ ช่วงนี้ผมก็จะอาศัยอยู่ที่ห้องปู่ไปก่อน” หลินหยางตอบ
หานน่าไม่พูดพร่ำพลางผลักประตูห้องบูรพาเปิดออกแล้วเดินเข้าไปสำรวจด้านใน ของประดับตกแต่งในห้องค่อนข้างดูเรียบง่าย เตียงใหญ่หนึ่งเตียง ตู้เสื้อผ้าหนึ่งตู้ และยังมีโต๊ะเก้าอี้อีกหนึ่งชุด
หลังจากรอที่ให้หลินหยางเดินเข้ามาแล้วหานน่าก็ปิดประตูลงแล้วหย่อนกายลงนั่งที่ข้างๆ เตียง มองหลินหยางด้วยสายตาที่มีความหยอกล้อหน่อยๆ “มานั่งข้างๆ ป้านี่มา”
หลินหยางพลางเดินมาข้างเตียงแล้วก็หย่อนกายนั่งลงข้างๆ หานน่าเช่นเดียวกัน ในใจก็รู้สึกประหม่าอยู่หน่อย อายุของหานน่าก็ไม่ได้มาก ทรวดทรงก็ใช้ได้ ไหนจะหน้าอกที่นูนเด่นออกมาสะดุดตานั่นอีก ไหนจะเรียวขาอันยาวสวยดูสมบูรณ์นั่นอีก เป็นอะไรที่น่าดึงดูดเสียจริง ที่ผ่านมานี้หานน่าอาศัยอยู่ในชนบทตลอดทั้งปี ร่างกายก็อาจจะดูบึกบึนดั่งคนในชนบท อีกทั้งป้าก็เป็นคุณนายของหมู่บ้านมานานแรมปี ร่างกายลักษณะจึงดูมีภูมิฐานมากขนาดนี้
พลันได้กลิ่นหอมจางๆ โชยมาจากป้าหานน่าหลินหยางก็สะดุ้งทันที
“เจ้าไม่ได้ฉวยโอกาสผู้หญิงคนนั้นตอนที่ไม่ได้สติใช่ไหม?” หานน่าถามขึ้นทันที
“ใช่ที่ไหนล่ะครับ” หลินหยางได้ยินก็สะดุ้งโหยงพลางปฏิเสธทันควัน
“จริงหรือ? ตอนที่ป้าเห็นผู้หญิงคนนั้นน่ะ ถึงแม้ว่าผิวจะโดนน้ำที่แม่น้ำกัดจนเปื่อย แต่กลับมีเสน่ห์น่าดึงดูดขนาดนั้น ไหนจะรูปร่างของเธอที่ไม่เลวเลย ตรงนี้ของเธอก็มีขนาดล้นมือ แล้วเจ้าไม่ได้จับสักนิดเลยหรือ?” หานน่าใช้มือลูบผ่านหน้าอกของหลินหยางพลางพูดเสียงอ่อน
“ใช่ที่ไหนล่ะครับ อย่าพูดลอยๆ น่าครับคุณป้า” หลินหยางพยายามแย้ง
“เสี่ยวหยาง เจ้าจะไม่ยอมรับอย่างนั้นหรือ?” หานน่าหัวเราะในลำคอพลางหันตัวกลับไปนั่งแนบชิดใกล้กับหลินหยางจนร่างกายของเธอแนบทั้งแขนของหลินหยางหมด
หลินหยางสัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มที่ไหลผ่านท่อนแขนของเขามาเขารู้ได้ทันทีว่าหานน่าไม่ได้ใส่เสื้อชั้นใน เขาก้มลงมองส่วนที่คล้ายจะปะทุออกมาของหานน่าพลางพูดเสียงแผ่ว “ยอมรับอะไรล่ะครับป้า?”
“ไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร หยางน้อย ตอนอยู่ที่โรงเรียนเจ้าไม่มีแฟนสาวเลยสักคน ถ้าหากวันหนึ่งคิดอยากจะทำเรื่องแบบนั้นขึ้นมาล่ะก็ เจ้าจะแก้ไขอย่างไรกันฮึ?” หานน่าถามขึ้นทันควัน
หลินหยางถึงจะรู้สึกเคอะเขินเมื่อได้ยินคำถาม แม้ว่าหน้าเขาจะหนาแค่ไหนแต่ความรู้สึกที่เขามีอยู่ตอนนี้เริ่มจะรับต่อไปไม่ไหว ใบหน้าของเขาร้อนผ่าวขึ้นมาพลางพูด “ถ้ารู้แล้วจะถามนะครับ”
“ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะไปทำอะไรมากไม่ได้แล้วล่ะ…แล้วเจ้าปกติช่วยตัวเองวันละกี่รอบล่ะฮึ?” หานน่ายิ่งเข้าใกล้เขามากขึ้นไปอีก ก้อนเนื้ออ่อนนุ่มกลมๆ นั้นยิ่งกดทับแขนของหลินหยางมากขึ้น ทำให้ตรงนั้นของหลินหยางค่อยๆ ตั้งชูชันขึ้นมาทีล่ะน้อยคล้ายๆ จะปะทุออกมา
“ถามไปเพื่ออะไรล่ะครับเนี่ย?” หลินหยางพูดโดยที่หน้ายังแดงก่ำอยู่
“ก็ไม่มีอะไร แค่ถามเฉยๆ น่ะ แค่ห่วงว่าเจ้าจะทำเองไม่ได้” หานน่าส่งเสียงขบขัน เธอเอามือวางไว้บนหน้าขาของหลินหยางแล้วเริ่มลูบเข้าไปด้านในของเขา พลันเธอจับเจ้าสิ่งนั้นของเขาไว้จนทำให้หลินหยางใจเต้นระส่ำระส่ายไม่หยุด
หลินหยางนั่งแข็งทื่อไม่พูดไม่จา แถมตรงนั้นของเขายิ่งจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
“วันนี้ที่ป้ามาหาเจ้า ข้อแรกป้าอยากมาดูผู้หญิงคนนั้น ข้อสองเพื่อมาตรวจดูว่าเจ้าได้ทำอะไรผู้หญิงคนนั้นลงไปหรือเปล่า” หานน่าพูดไปหัวเราะไป มือเธอก็เริ่มขยับเพิ่มความเร็วไปด้วย “ตอบรับดีอะไรขนาดนี้ แสดงว่าเจ้าคงยังไม่ได้ทำเรื่องเลวร้ายอะไรลงไปสินะ”
“ผมจะทำเรื่องเลวร้ายอะไรได้ล่ะครับ” หลินหยางพยายามพูดแบบข่มตัวเองไว้ คล้ายๆ พยายามลืมเรื่องที่ตัวเองทำอะไรกับร่างกายของจางเยว่มาตั้งขนาดนั้น
หลังจากที่หลินหยางโดนนวดตรงจุดนั้นอยู่สักพักเขาก็เริ่มหายใจแรงขึ้นเรื่อยๆ สายตาก็มองไปที่ก้อนเนื้อของหานน่าอย่างไม่ละสายตา ส่วนที่นูนเด่นออกมาของเธอช่างมีเสน่ห์ดึงดูดเสียจริง
หลังจากที่ทำไปได้สักพักหานน่าก็ส่งเสียงหึในลำคอ ทันใดนั้นเธอก็ถอดกางเกงของหลินหยางออกพลางมองดูสภาพความเป็นอยู่ของมันสักครู่หนึ่ง ในใจเต้นตุบตับจนในที่สุดก็คลายมือออก
“เจ้านี่ไม่เลวเลยจริงๆ ใครที่ได้ออกเรือนกับเจ้าคงได้เสพสุขยามค่ำคืนเป็นแน่” หานน่าหัวเราะพลางลุกแล้วเดินออกไป
หลินหยางทำหน้าลำบากใจพลางเดินไปส่งหานน่าที่ประตู แอบรำพึงอยู่คนเดียวเงียบๆ ว่าหญิงคนควรฆ่าอย่างเดียวไม่ควรฝัง
“หยางน้อย เรื่องวันนี้เป็นเรื่องระหว่างเรา อย่าบอกให้ใครรู้นะจ้ะ” เมื่อเดินไปถึงประตูหานน่าก็หันกลับมาพูดกับหลินหยางเบาๆ
“ป้าวางใจเถอะ เรื่องแบบนี้ผมพูดไปแล้วจะได้ประโยชน์อะไรล่ะ?” หลินหยางรับประกัน
“ถ้าหากมีเวลาว่างก็ไปหาป้าที่บ้านบ้างนะ” ไม่พูดเปล่าพร้อมลูบคลำหลินหยางด้วยความตื่นเต้นยินดีไปด้วย หานน่าหน้าแดงด้วยความรู้สึกที่พึงพอใจพร้อมดึงประตูเดินออกไป
หลังจากกลับเข้ามาในห้องเขาก้มมองดูเจ้าหนูที่ตั้งชูชันของตัวเองพลางทำหน้าเหยเก เขาส่ายหัวเพื่อจะไล่ความคิดทั้งหมดออกพลางหยิบหนังสือคร่ำครึเล่มเดิมขึ้นมาอ่านทักษะในการรักษาฝังเข็มต่อไป
เวลาผ่านไปรวดเร็วจนเป็นเวลาสามทุ่มครึ่ง หลินหยางวางหนังสือลงพลางนั่งไขว่ห้างอยู่ที่เตียงโคจรพลังบริสุทธิ์ในร่ายกายแล้วเริ่มเข้าสู่ภวังค์
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนแสงอรุณอันแสนปรอดโปร่งมาเยือน แสงสีม่วงจากขอบฟ้าทิศบูรพาอาบไปทั่วร่างของหลินหยางตอนนี้ หลินหยางค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นแสงสีม่วงผ่านตาเขาไปแวบหนึ่ง หลังจากที่ฝึกฝนที่ผ่านหลายวันมานี้หลินหยางรู้สึกได้ว่าพลังบริสุทธิ์ในร่างกายของเขายิ่งเพิ่มมากขึ้น เชื่อว่าอีกไม่นานเขาพลังของเขาก็คงจะทะลุผ่านขั้นต้นไปขั้นกลางได้แล้ว
หลินหยางลุกออกจากเตียงเดินมาที่ลานกว้างพลางเดินกำลังภายในของเขาอยู่หลายกระบวนท่าจนร่างกายของเขาเหงื่อท่วมไปหมด เมื่อเสร็จเขาจึงไปอาบน้ำแล้วก็ไปเตรียมกับข้าว
หูที่ดีของหลินหยางพลันได้ยินเสียงของจางเยว่ดังมาจากห้องนอนของเขา “หลินหยาง หลินหยางอยู่หรือเปล่า?”
“เกิดอะไรขึ้น?” หลินหยางตอบกลับไปพลางผลักประตูเข้าไปหาจางเยว่
พอเขาเข้าไปลูกตาของเขาแทบจะถลนออกมานอกเบ้า สิ่งที่เขาเห็นในตอนนี้ก็คือจางเยว่นอนอยู่บนเตียงด้วยเรือนร่างที่น่าดึงดูดใจมากยิ่งขึ้น หลังจากการฟื้นฟูผ่านไปหนึ่งคืนดูเหมือนเธอจะเริ่มกระฉับกระเฉงมากขึ้นแถมด้วยประสิทธิภาพของโคลนพิศุทธิ์ที่ใช้ไปกับจางเยว่อีก ทำให้ผิวของเธอตอนนี้ดูเปล่งประกายมากขึ้นกว่าเก่า
หลินหยางมองดูหญิงสาวที่นอนวางมาดเย้าแหย่อยู่บนเตียง ทั้งใบหน้าที่ดูจิ้มลิ้มอย่างมีเสน่ห์เหลือล้น ภายในของหลินหยางตอนนี้เริ่มร้อนรุ่มขึ้นมาหลังจากที่เห็นภาพตรงหน้า
“เรียกผมทำไมหรือ?” หลินหยางพยายามข่มใจไว้แล้วถามออกไปด้วยท่าทางหงุดหงิดหน่อยๆ
“ฉันอยากเข้าห้องน้ำ” จางเยว่พูดเสียงอ่อน
ถึงแม้ว่าจะฟื้นฟูกลับมาได้แต่ร่างกายยังคงอ่อนแออยู่จึงทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ดั่งใจคิด หลินหยางมองจางเยว่แล้วถามขึ้นว่า “ปวดหนักหรือปวดเบาล่ะ?”
“เอ่อ…หนัก” ถึงแม้อายุจะสามสิบแล้วแต่กับผู้ชายที่รู้จักกันได้แค่วันเดียวแล้วทำให้จางเยว่เขินอายที่จะพูดออกไป
เดิมทีหลินหยางก็คิดจะถามเธอว่ายังต้องการใส่เสื้อผ้าอีกรึเปล่า แต่มองดูเรือนร่างที่กระตุ้นอารมณ์ของจางเยว่ตอนนี้แล้วหลินหยางก็ล้มเลิกความคิดลงพร้อมทั้งหารองเท้าแตะของตนเอาไปใส่ให้จางเยว่แล้วก็อุ้มจางเยว่ขึ้นมาในท่าเจ้าหญิงแล้วเดินพาออกไปที่ห้องน้ำ
จางเยว่ที่โดนอุ้มไม่มีท่าทีต่อต้านแต่อย่างใด หลินหยางก้มมองดูจางเยว่แต่สายตาไปจับอยู่ที่ก้อนเนื้อที่กระเพื่อมเหมือนลูกคลื่นนั้นอย่างบ้าคลั่ง ในใจเขาก็เต้นระรัวขึ้นมาอีกครั้ง
พอจางเยว่รู้สึกได้ว่าหลินหยางมองตนอยู่ เธอจึงส่งเสียงดุเบาๆ “จะรีบมองไปทำไมกัน รอฉันเสร็จธุระก่อนค่อยมองก็ยังไม่สาย” พูดจบ จางเยว่ก็หน้าแดงขึ้นมาทันที ไม่คิดว่าตนเองจะพูดประโยคแบบนั้นขึ้นมาได้
พอได้ยินใจหลินหยางก็เหมือนลิงโลดพยักหน้าตอบรับแล้วรีบเดินไปที่ห้องน้ำ พอถึงเขาก็จัดท่านั่งยองให้กับจางเยว่แล้วหลบฉากออกมา
“เกิดอะไรขึ้นก็เรียกผมนะครับ กระดาษชำระวางอยู่ด้านขวานะ” หลินหยางชี้แนะ
“รู้แล้วล่ะน่า! รีบออกไปได้แล้ว!” จางเยว่ตอบกลับ
ขณะที่จางเยว่กำลังเข้าห้องน้ำอยู่นั้นหลินหยางก็เดินไปที่โอ่งขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ข้างๆ พลางมองดูปลาตะเพียนที่ ว่ายวนเวียนอยู่ด้านใน ปลาส่วนใหญ่ในโอ่งยังคงมีชีวิตอยู่ ในใจก็เบิกบาน เพราะรู้แล้วว่าเช้านี้จะฝากท้องไว้ที่ไหน
ปลาในแม่น้ำหลงส่วนใหญ่เป็นปลาธรรมชาติ ความสามารถในการเอาตัวรอดค่อนข้างสูง แต่รสชาติของพวกมันถึงขั้นดีเยี่ยม หลินหยางตัดมันขึ้นมาล้างให้สะอาดประมาณตัวสองตัว สักพักก็ได้ยินเสียงเรียกของจางเยว่ดังมาจากห้องน้ำ
“รอสักเดี๋ยว ผมกำลังไป” หลินหยางรีบเอามือล้างสบู่ให้สะอาดจากนั้นก็พุ่งตรงไปที่ห้องน้ำทันควัน
ขณะที่เขากำลังอุ้มจางเยว่กลับห้อง ก้อนเนื้อของจางเยว่ก็กระเพื่อมไม่หยุดจนเกือบจะทำให้เขาเวียนหัว
จางเยว่ที่ถูกมองก็ตะโกนกลับไปอย่างโมโห “มองจนพอใจรึยังฮึ?”
“ยังหรอก” หลินหยางตอบตามความจริง
“ไปให้พ้น อย่ามามองมั่วซั่วนะ!” จางเยว่พูดไปพลางปิดหน้าอกตัวเอง แต่เพราะว่ามือของเธอนั้นค่อนข้างเล็กไปหน่อยจึงทำให้ปิดเจ้าก้อนเนื้อที่ล้นทะลักนั้นไม่หมด แต่ยิ่งจางเยว่ปิดแบบนี้กึ่งปิดกึ่งเผยยิ่งทำให้น่าดึงดูดเข้าไปใหญ่
หลังจากที่พาจางเยว่มาวางลงบนเตียงแล้วหลินหยางก็แทบจะเดินออกมาทันที เพราะเขากลัวว่าถ้าหากยังมองร่างกายอันแสนเร่าร้อนของจางเยว่ต่อไปเขาอาจจะยับยั้งชั่งใจตัวเองไม่ได้