ซูเปอร์หมอเข็ม/หมอเข็มยอดฝีมือ(NC25+) - ตอนที่87 จางเยว่กลับบ้าน
ตอนที่87 จางเยว่กลับบ้าน
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินหยางค่อยๆลืมตาขึ้นมา และหลังจากที่ตื่นขึ้นมาแล้วนั้น หลินหยางมองจางเยว่ที่นอนพันอยู่เหมือนกับปลาหมึก มุมปากจึงปรากฏรอยยิ้มออกมา
ที่อยู่ด้วยกันมาช่วงเวลานี้ ความต้องการของจางเยว่ หลินหยางก็นอนด้วยกันกับจางเยว่ทุกวัน และโชคดีที่หลินหยางเรียนรู้การใช้ท่าทางฝึกวิชามาตั้งแต่แรกแล้ว ในช่วงสองสามวันนี้แรงภายในของเขาไม่ได้ลดลงเลย
หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะบทหลงเฟิ่งเจว๋ที่วนอยู่ในร่างกายของเขาในช่วงกลางคืน ถึงทำให้จางเยว่ถูกเขาดึงดูดเข้ามาพัวพันอยู่กับตัวเขา มองจางเยว่ในเวลานี้ ใบหน้าของเธอยังคงมีรอยยิ้มของคนเมาที่กำลังรู้สึกพอใจ ราวกับกำลังดื่มด่ำกับความสุขอย่างบ้าคลั่งของเมื่อคืนนี้อยู่อย่างไรอย่างนั้น
เดิมทีความปรารถนาของคนที่เพิ่งตื่นขึ้นมานั้นจะมีมากในช่วงเช้า สาวสวยที่กำลังกอดเขาอยู่ ทันใดนั้นเองที่หลินหยางรู้สึกถึงร่างกายที่ร้อนระอุ มือคู่ใหญ่นั้นกดไปตรงหน้าอกของจางเยว่อย่างไม่รู้ตัว ความรู้สึกอ่อนนุ่มแพร่เข้ามาสู่มือของเขา
เขาเล่นกับสิ่งที่อยู่ในมือสองสามนาที จางเยว่ที่ยังคงหลับไม่ตื่นนั้นกลับมีลมหายใจที่หอบถี่ขึ้นมาก หลินหยางหัวเราะออกมาพลางงับองุ่นเม็ดนั้นเข้าไปในปาก
หลังจากที่หลินหยางที่ทำเช่นนี้ไปไม่กี่นาทีนั้น จางเยว่ที่กำลังหลับฝันอยู่ก็ส่งเสียงร้องออกมา หลินหยางได้ยินแล้วนั้นไฟชั่วร้ายที่อยู่ในตัวของเขาก็ยิ่งทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น จึงจับตัวจางเยว่กดให้มาอยู่ภายใต้ร่างของเขาในทันที
“เสี่ยวหยาง ยังเช้าอยู่เลยเธอ…..” จางเยว่ที่ตื่นขึ้นมากำลังจะอุทานขึ้นมา แต่เป็นเวลาอันรวดเร็วกับความสุขที่ส่งมานั้นทำให้สิ่งที่เธอจะพูดออกมากลายเป็นเสียงร้องเรียกที่น่าดึงดูดนั่นแทน
เป็นเวลาชั่วโมงกว่า จางเยว่นอนหอบอยู่บนเตียง สีหน้าราวกับดอกไม้ มีเสน่ห์และสวยงาม
“เสี่ยวหยาง หลังจากที่เธอส่งฉันกลับบ้านแล้ว จะกลับมาเลยหรือเปล่า?” จางเยว่ที่อยู่ในอ้อมกอดของหลินหยางเอ่ยถามขึ้น
“ทำไมหรือครับ พ่อแม่ของคุณจะให้ผมอยู่ที่นั่นก่อนหรือ? ผมที่เป็นผู้ชายแปลกหน้าไปที่บ้านคุณแบบนั้น คงจะไม่สะดวกหรอกครับ” หลินหยางเอ่ยตอบพลางหัวเราะออกมา
“มีอะไรที่ไม่สะดวกกัน แล้วอีกอย่างสองสามวันนี้ฉันก็รู้สึก…..รู้สึกว่าไม่อยากจากเธอไปแล้วสิ” จางเยว่เอ่ยขึ้นเสียงเบาๆเหมือนกับเสียงของยุงอย่างไรอย่างนั้น ว่าแล้วก็ซุกใบหน้าของเธอลงกับหน้าอกของหลินหยาง ใบหน้าร้อนวูบวาบไปหมด
หลินหยางได้ยินความในใจที่เปิดเผยออกมานั้น ในใจของเขาเองก็สั่นไหวเล็กน้อยเช่นกัน จึงเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยน : “รีบร้อนทำไมล่ะครับ วันข้างหน้าก็ยังมีอีกโอกาส ต่อไปเมื่อไรก็เจอกันได้แล้ว จะว่าไปแล้วพี่เยว่ก็สวยขนาดนี้ ต่อไปจะหาผู้ชายซักคนก็คงจะเป็นเรื่องง่ายๆ ถึงตอนนั้นคุณมีสามีแล้ว บางทีอาจจะไม่คิดถึงผมแล้วก็ได้”
จางเยว่ได้ยินแล้วในใจก็รู้สึกเศร้าลงไปบ้าง หลินหยางพูดออกมาอย่างมีเหตุผล ตัวเธอเองเป็นคนสวย หลายปีมานี้คนที่ตามจีบเธอก็มีไม่น้อย ตัวเธอเองก็มีสิทธิที่จะเลือกผู้ชายได้ก็จริงอยู่ แต่หลินหยางเองก็เป็นคนเก่งขนาดนี้ ต่อไปผู้หญิงข้างๆกายเขาจะลดน้อยลงได้อย่างไรกัน?
การได้อยู่ร่วมกันในช่วงสองสามวันนี้ แม้แต่จางเยว่เองก็ไม่รู้เลยว่า หลินหยางได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเธอไปแล้ว
ถึงอย่างไรเสียเธอเองก็อายุสามสิบแล้ว เข้าใจเรื่องราวของคนเราดี และรู้ว่าความรู้สึกไม่สามารถบีบบังคับกันได้ จึงทำได้เพียงถอนหายใจออกมา ริมฝีปากแดงนั้นประทับลงบนปากของหลินหยางแทน
ทั้งสองคนเกาะกุมกันอยู่บนเตียงเช่นนั้นเป็นระยะเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงนั้นในที่สุดก็แยกกันได้เสียที หลังจากที่ตื่นขึ้นมาแล้วเขาก็ฝึกฝนบทหลงเฟิ่งเจว๋อยู่ตรงลานบ้าน อาบน้ำเสร็จเขาก็มาทำอาหารเช้าให้กับจางเยว่ และเนื่องจากจะต้องไปส่งจางเยว่กลับเมืองจินหลิง ดังนั้นหลินหยางจึงไม่ฝึกฝนการเขียนตัวอักษร
หลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น เห็นว่าจางเยว่จะออกไปจากที่นี่แล้วนั้น ในใจของหลินหยางก็มีความรู้สึกทำใจไม่ได้นี้แวบขึ้นมา และก็ไม่รู้ว่ามีความรู้สึกอะไรกับจางเยว่หรือว่ารู้สึกเสียดายที่ขาดคนร่วมเตียงไปเท่านั้น
จางเยว่ไม่มีของอะไรให้ต้องเก็บแล้ว นอกจากเสื้อผ้าทั้งสามชุดนั้น ก็ไม่มีอย่างอื่นอีก
“ไปแล้วนะคะ” มองไปยังหลินหยางที่กำลังมองตัวเองอย่างเหม่อลอย จางเยว่จึงเอ่ยขึ้น
“พี่เยว่ รอก่อนนะครับ” หลินหยางว่า แล้วก็หากล่องใบหนึ่งออกมา ด้านในนั้นมีครีมแผลลายอยู่หนึ่งขวดและครีมโต้วโค่วอยู่สองสามขวด
หลินหยางเอาครีมแผลลายและครีมโต้วโค่วออกมาอย่างละหนึ่งขวดส่งให้กับจางเยว่ แล้วเอ่ยขึ้น : “สองอันนี้ผมให้ครับ”
“ฉัน……ฉันไม่เอา” ถึงแม้ว่าแววตาจะปรากฏแสงแห่งความปรารถนานี้ แต่จางเยว่ก็ยังคงส่ายหน้า ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าครีมโต้วโค่วราคาเท่าไหร่ แต่ครั้งที่แล้วที่หลินหยางขายครีมแผลลายไปขวดละห้าแสน เธอเองก็พอจะเดาได้ว่าราคาของครีมโต้วโค่วจะไม่ถูกไปกว่านี้อย่างแน่นอน
“ครั้งหนึ่งผมให้คุณครับ ถือซะว่าเป็นของขวัญที่เราต้องแยกกันแล้วกันนะครับ แล้วอีกอย่างผมเองก็เคยนอนกับคุณ คุณก็เป็นผู้หญิงของผมแล้วด้วย” หลินหยางหัวเราะออกมา แล้วเอาขวดครีมทั้งสองขวดยัดลงในกระเป๋าเดินทางของจางเยว่
เดิมทีเธอต้องการจะปฏิเสธ แต่ได้ยินหลินหยางที่บอกว่าคนที่เคยนอนกับเขาก็เป็นผู้หญิงของเขา คำพูดที่ดูเอาแต่ใจนี้ไม่คิดว่าจะทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นเช่นนี้ แต่ด้วยนิสัยเย่อหยิ่งของเธอ จึงแสร้งทำเป็นไม่สนใจ : “เฮ้ย ใครเป็นผู้หญิงของเธอกัน ครีมสองขวดนี้ฉันไม่ให้เธอแล้วนะ และฉันเองก็ไม่มีเงินให้เธอด้วยเหมือนกัน”
มองดูท่าทางที่เอาแต่ใจของจางเยว่แล้ว หลินหยางจึงหัวเราะ พลางมองไปว่ายังมีของที่เธอมีของที่ยังไม่เก็บอีกหรือเปล่า เมื่อเก็บของเสร็จแล้วนั้น ก็พาจางเยว่มายังรถ
หลังจากที่คาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้วนั้น ในใจของหลินหยางก็รู้สึกตื่นเต้น หลายปีมานี้ นอกจากขับรถที่ผุพังของโรงเรียนคันนั้น เขาก็แทบจะไม่เคยได้ขับรถคันไหนอีกเลย ในที่สุดตอนนี้ก็สามารถขับรถตัวเองโชว์ได้แล้ว
สตาร์ทรถอย่างชำนาญ หลังจากที่เลื่อนเกียร์แล้วนั้นเขาก็พาจางเยว่ขับออกไปบนถนนเล็กๆนั่น
“รถหรูนี่มันดีแบบนี้สินะ สบายจริงๆ” จางเยว่ที่นั่งอยู่บนรถอุทานขึ้นมา
หลินหยางยิ้มพลางพยักหน้า เมื่อเทียบกับรถของโรงเรียนสอนขับนั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับดินเลยเสียอย่างนั้น
“อา หลินหยาง นี่รถใครน่ะ?” เมื่อตอนที่หลินหยางขับรถออกไปถึงหน้าหมู่บ้านแล้ว จางห้วยชู่ที่สังเกตเห็นรถคนนี้ตั้งแต่แรกนั้น หลังจากที่เห็นว่าคนขับรถเป็นหลินหยางนั้น จึงเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจในทันที
“รถผมเองครับ” หลินหยางจอดรถแล้วเอ่ยตอบกลับไป : “รักษาคนป่วย แล้วคนนั้นเขามีเงินน่ะครับ ให้เงินผมไม่มากหรอก แล้วก็ให้รถคันนี้ผมมานี่แหล่ะ ผมต้องขับรถไปส่งพี่เยว่กลับบ้านก่อนนะครับ”
“อะไรนะ? เธอรักษาให้คนอื่น เขาก็เลยให้รถคันเล็กนี่เธอมาอย่างนั้นหรือ?” ถึงแม้ว่าจางห้วยชู่จะเป็นคนที่แต่งตัวค่อนข้างทันสมัยแต่ก็รู้จักว่าอะไรคือรถเบนซ์ ในความคิดเธอนั้นคนที่ขับรถคันเล็กๆแบบนี้ ใครจะไม่ใช่พวกคนร่ำรวยบ้างกัน?
“ใช่ครับ ถ้าไม่อย่างนั้นผมจะไปเอาเงินที่ไหนมาซื้อรถได้กัน” หลินหยางว่าพลางหัวเราะออกมา
“เธอนี่สามารถจริงๆเลยนะ เอาล่ะ ตอนนี้ก็นับว่ามีทั้งรถทั้งบ้านแล้ว ต่อไปจะมีภรรยาก็คงจะสะดวกแล้วสินะ” จางห้วยชู่หัวเราะออกมา
“สามารถอะไรกันล่ะครับ ต่อไปถ้าหาภรรยาอย่างคุณอาจางได้แบบนี้ ผมก็พอใจแล้ว” หลินหยางว่า
ได้ยินคำพูดนี้ของหลินหยางแล้ว ถึงแม้จะไม่ได้เป็นการเอ่ยชมมากมายขนาดนั้น แต่ฟังแล้วก็รู้สึกสบายเป็นอย่างมาก ในใจของจางห้วยชู่รู้สึกชอบใจ ส่งสายตาให้กับหลินหยางเพื่อต้องการจะบอกว่าเขาตาถึง : “ดีเลย ถ้าอย่างนั้นเธอไปส่งพี่เยว่กลับบ้านก่อนเถอะ รอเธอกลับมาแล้วค่อยขับรถพาฉันไปเที่ยวเล่นบ้างนะ”
“เรื่องเล็กมากครับ รอผมกลับมาก่อน อาอยากจะไปไหนผมจะขับรถพาไปเอง” หลินหยางและจางห้วยชู่ทักทายกันอยู่ซักพักหนึ่ง เขาถึงได้ขับรถมุ่งตรงไปยังในเมือง
ถึงแม้ว่าหลินหยางจะไม่ได้เคยขับรถอยู่บ่อยๆ แต่เขาขับรถได้นิ่งมาก ไม่เหมือนกับเป็นมือใหม่เลย สมรรถนะของรถคันนี้ดีมาก วิ่งเร็ว เพราะเพียงแค่ยี่สิบนาที หลินหยางก็มาถึงถนนที่แทบไม่มีรถวิ่งเลย เขาจึงเหยียบคันเร่ง เพื่อเพิ่มความเร็ว
“พี่เยว่ ที่บ้านมีใครอยู่บ้างครับ?” หลินหยางเอ่ยถาม
“พ่อ แม่ แล้วก็ไม่มีใครแล้วล่ะ” จางเยว่ตอบกลับ
“ไม่มีพี่น้องเลยหรือครับ?” หลินหยางรู้สึกสงสัย
“ไม่มีหรอก ตอนนั้นวางแผนมีลูกค่อนข้างจะเข้มงวดน่ะ แล้วอีกอย่างทั้งพ่อและแม่ฉันก็ทำงานด้วยกันทั้งคู่ ใครที่มีลูกมากกว่าสองคนขึ้นไป ก็จะส่งผลกระทบต่องาน ใครจะกล้ามีลูกหลายคนกันล่ะ?” จางเยว่ยิ้มออกมาอย่างฝืนๆ
หลินหยางพยักหน้า แล้วเอ่ยถามต่อ : “พ่อแม่ของคุณทำอะไรหรือครับ?”
“แม่ฉันเป็นผู้จัดการอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่งน่ะ ส่วนพ่อก็ทำงานที่หน่วยงานรัฐ” จางเยว่ตอบกลับไปอย่างง่ายๆ
“ถ้าอย่างนั้นครอบครัวของคุณก็ไม่เลวเลยนี่ครับ ถ้าอย่างนั้นก็ไปเก็บค่ารักษาค่ายากับพ่อแม่ของคุณได้สิ” หลินหยางพูดขึ้นมาพลางหัวเราะ
“อะไรนะ ที่ฉันอยู่กับเธอช่วงนี้ยังไม่พอค่ารักษาค่ายาอีกหรือ? นี่ๆๆ เธอเป็นผู้หญิงอย่างนั้นหรือ ฉันนอนกับเธอมาตั้งหลายวัน เธอควรจะทอนเงินมาให้ฉันเสียด้วยซ้ำ” จางเยว่เอ่ยพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“อะไรนะ ถึงแม้ผมจะไปหาแบบนั้นในเมือง คืนนึงก็ไม่เท่าไหร่เองนะ” หลินหยางหัวเราะพลางหยอกล้อจางเยว่
“ไปตายซะ ไม่คิดเลยว่าเธอจะเอาฉันไปเปรียบกับผู้หญิงพวกนั้น ฉันจะฆ่าเธอแล้วนะ!” จางเยว่เอากำปั้นเล็กๆของตัวเองพุ่งไปทุบที่ร่างของเขา หลินหยางจึงร้องขอให้ยกโทษให้
“พี่สาวครับ ทั้งสองบัญชีเคลียร์กันหมดแล้วล่ะโอเคไหม คุณอย่าเอะอะสิ เดี๋ยวเกิดอุบัติเหตุคุณเสียโฉมขึ้นมาผมไม่สนใจแล้วนะ”
ได้ยินคำขู่ของหลินหยางแล้ว จางเยว่จึงหยุดลง ในฐานะที่เป็นตำรวจหญิงเธอเองก็รู้ว่าหยอกล้อกันระหว่างขับรถนั้นอันตราย หลังจากที่เธอกลับมานั่งดีๆแล้วนั้นความโมโหนี้ก็ยังคงไม่หายไป จึงเอ่ยขึ้นอย่างโกรธๆ : “ถ้าเอาฉันไปเปรียบกับผู้หญิงคนอื่นอีก ฉันจะตีเธอให้ดู”
เนื่องจากขึ้นทางด่วนมา อีกทั้งรถดี เดิมทีที่หลินหยางคิดเอาไว้ว่าประมาณ5-6ชั่วโมงจะถึง ผลปรากฏว่า3ชั่วโมงเขาก็ขับมาถึงเมืองจินหลิงแล้ว
มองดูดวงอาทิตย์ ที่เอนไปทางทิศตะวันตกเล็กน้อยบ่งบอกว่าเป็นช่วงกลางวัน เขาจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดู ปรากฏว่าเป็นเวลาเที่ยงสี่สิบแล้ว
หลังจากที่ขับลงมาจากทางด่วนแล้วนั้น ก็มุ่งหน้าตรงไปยังไปในเมืองจินหลิง เป็นตำรวจอยู่ที่นี่มาหลายปี ลักษณะพื้นที่ของพี่แห่งนี้เธอเข้าใจดี จากที่จางเยว่คอยชี้แนะอยู่นั้น ไม่นานหลินหยางก็จอดรถอยู่ตรงหน้าชุมชนแห่งหนึ่ง
ตำแหน่งของชุมชนนี้นับว่าไม่เลวเลย มีสวนสาธารณะแห่งหนึ่งอยู่ไม่ไกลออกไป ด้านหลังมีแม่น้ำ ทิวทัศน์ดูแล้วนับว่าดีไม่น้อย อากาศก็บริสุทธิ์อีกด้วย
หลังจากที่จอดรถดีๆแล้วนั้น หลินหยางก็เดินถือของขวัญที่เตรียมมาระหว่างทางนั้น เดินเข้าไปในบ้าน
หลังจากที่ปฏิบัติภารกิจจนเกือบเสี่ยงชีวิตไปเช่นนั้นแล้ว จางเยว่เองก็ไม่ได้กลับมาที่บ้านเลยเป็นเวลาครึ่งเดือนแล้ว เดิมทีคิดว่าเธอจะไม่สามารถเอาตัวเองกลับมาได้แล้วเสียด้วยซ้ำ เดินเข้าไปในพื้นที่ที่คุ้นเคยอีกครั้ง ในใจของจางเยว่นั้นรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
เดินเข้าไปในลิฟต์กับหลินหยาง เธอกดปุ่มชั้นสี่ เพื่อขึ้นตามลิฟต์ขึ้นไปด้านบน
ป้ายหน้าประตูบ้านของจางเยว่คือหมายเลข401 หลังจากที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูบ้านแล้ว จางเยว่จึงกดกริ่งตรงหน้าประตู
“ใครน่ะ?” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังออกมาจากทางด้านใน น้ำเสียงที่ดูขี้เกียจนั้น เผยให้เห็นถึงความร่ำรวย
“คุณเซี่ย ฉันเสี่ยวหวางเองค่ะ” จางเยว่กดเสียงต่ำลง โดยไม่เหมือนเสียงเธอก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย
คนในห้องที่โดนจางเยว่หลอก จีงรีบส่งเสียงตอบรับออกมา : “โอเคเสี่ยวหวาง ฉันไปเปิดประตูให้นะ”
เวลาเพียงสิบวินาที กลอนประตูก็ถูกเปิดออกมาด้วยเสียงที่ไม่ดังเท่าไรนัก มือของจางเยว่ที่บีบกันไว้ด้วยความตื่นเต้น
“แกร๊ก—” ประตูถูกเปิดออก ด้านในปรากฏให้เห็นร่างของผู้หญิงวัยกลางคนออกมา ผู้หญิงคนนี้ดูแล้วเป็นคนที่ดูแลตัวเองได้ดีมาก ผิวขาว ดวงตาประดุจหงส์ รูปร่างดี กลับให้ความรู้สึกเซ็กซี่และดูสง่างามเป็นอย่างมาก
เมื่อเทียบระหว่างจางเยว่กับผู้หญิงคนนี้แล้ว ก็มีส่วนที่คล้ายกันอยู่บ้าง คิดดูแล้วผู้หญิงคนนี้ก็คือมารดาของจางเยว่นั่นเอง
“แม่” จางเยว่ร้องเรียกออกมาเบาๆ
“เยว่! กลับมาแล้วหรือ?” สตรีงามส่งเสียงเรียกออกมาเสียงดัง สองแขนกางออกต้อนรับเธอ
จางเยว่พุ่งตรงเข้าไปหาอ้อมกอดของสตรีงามผู้นั้น ถึงแม้เธอจะอายุสามสิบแล้ว แต่เวลานี้เธอยังคงเหมือนกับเด็กที่ยังไม่โตอย่างไรอย่างนั้น
“เจ้าเด็กคนนี้นี่ กลับมาแล้ว ยังจะมาบอกว่าเป็นเสี่ยวหวางอีก ตั้งใจจะแกล้งแม่ใช่ไหม?” ทั้งสองคนกอดกันอยู่ซักพักหนึ่ง หญิงงามสงบลงแล้วจึงเอ่ยพูดขึ้น
“ที่ไหนกันล่ะคะ หนูอยากจะเซอร์ไพรส์แม่ต่างหาก” จางเยว่เอ่ยขึ้นอย่างหยอกล้อ
“จริงสิ คนนี้…..” สตรีงามผู้นั้นรับรู้ว่าข้างๆยังมีอีกคนหนึ่งอยู่ด้วย จึงมองหลินหยางอย่างพิจารณาพลางเอ่ยถาม
“นี่คือหลินหยางค่ะ คนที่ช่วยหนูไว้ เทคนิคทางการแพทย์ของเขายอดเยี่ยมมากเลยนะคะ” จางเยว่คิดได้ดังนั้นว่าตัวเองลืมหลินหยางที่อยู่ข้างๆไปเสียแล้ว จึงรีบแนะนำเขาอย่างเกรงใจ
“หลินหยาง นี่แม่ของฉันเอง” จางเยว่ชี้ไปยังสตรีตรงหน้าพลางเอ่ยขึ้น
“สวัสดีครับคุณน้า ผมหลินหยางครับ คุณน้าเรียกผมว่าเสี่ยวหยางก็ได้ครับ” หลินหยางกล่าวทักทาย
“ฉันชื่อเซี่ยหยวนหยวน เธอจะเรียกว่าน้าหยวนหยวนหรือน้าเซี่ยก็ได้นะ ครั้งนี้โชคดีมากเลยนะที่มีเธอ เข้ามานั่งข้างในก่อนดีกว่า” เมื่อรู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นคนที่ช่วยชีวิตลูกสาวตัวเองไว้ เซี่ยหยวนหยวนจึงรีบทักทายขึ้น