ซูเปอร์หมอเข็ม/หมอเข็มยอดฝีมือ(NC25+) - บทที่ 181 ไปดูดาวเป็นเพื่อนฉัน
บทที่ 181 ไปดูดาวเป็นเพื่อนฉัน
ไป๋เซียนเฉ่าค่อยคิดขึ้นมาได้ว่าตนบุกเข้ามาเพื่ออะไร มองเห็นหลินชิงสวมเสื้อคลุมของหลินหยางยืนอยู่ด้านข้าง ค่อยโล่งอก เจียงหัวกลับเปลือยกายอยู่บนพื้น ท่าทางอนาถมาก
“คุณบุกเข้ามาได้ยังไง? เกิดอะไรขึ้นกับคุณกันแน่ เรื่องอุบัติเหตุคือยังไง? เสียงร้องเมื่อกี้คืออะไร” ไป๋เซียนเฉ่าถามขึ้นอย่างสงสัย
หลินหยางโบกมือพูดขึ้นว่า “เรื่องค่อนข้างยาว จัดการเรื่องที่นี่ก่อนเถอะ”
“เชอะ เราพาเสี่ยวกับไปก่อน หมูอ้วนบนพื้นคนนี้ ตายแล้วหรือแกล้งตายเหมือนกับคุณ?” ไป๋เซียนเฉ่าพูดขึ้นด้วยความขุ่นเคืองเล็กน้อย
หลินหยางพูดขึ้นว่า “สะกดจุดไว้แล้ว แต่เราสามารถทำให้เขาทรมานยิ่งกว่าตายทั้งเป็นได้”
“ฉันไม่สนใจที่จะทรมานหมูอ้วนคนนี้ ในเมื่อคุณไม่เป็นไรแล้ว ฉันก็โล่งใจ เราไปกันเถอะ เจียงหัว ไม่ว่าจะด้วยวิธีลับหลังหรือต่อหน้า ฉันจะทำให้คุณรู้ว่า คำว่าตายเขียนยังไง” ไป๋เซียนเฉ่าโบกมือพูดขึ้น
มีบอดี้การ์ดกลุ่มใหญ่เข้ามาปกป้องพวกไป๋เซียนเฉ่าไว้ แล้วพาออกไป จากนั้นคนสองสามคนที่มีอาการจมูกบวมก็วิ่งเข้ามา มองเห็นเจียงหัวในสภาพแบบนี้ ก็รีบเข้าไปประคองขึ้นมา
ดีที่หลินหยางไม่ได้ใช้พลังภายในอย่างรุนแรง เจียงหัวสามารถพูดได้แล้ว
“เร็ว…รีบส่งผมไปโรงพยาบาล” เขาตกใจกลัวจะแย่อยู่แล้ว
ร่างกายหลินชิงไม่มีปัญหาอะไรเลย ไป๋เซียนเฉ่ายืนยันที่จะพาเธอไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ยังจงใจอ้อมไปที่ร้านขายเสื้อผ้าสตรีและซื้อชุดเสื้อผ้าให้เธอ เปลี่ยนเสื้อคลุมของหลินหยางออก
ตอนที่ออกมาจากโรงพยาบาล หลินหยางก็ขึ้นรถรถสปอร์ตรถสปอร์ตมาเซราติ ของไป๋เซียนเฉ่า รถคันนี้มีเพียงสองที่นั่งเท่านั้น หลินหยางหันไปมองไป๋เซียนเฉ่า ดูเหมือนเธอจะไม่มีความสุขเลย
“ทำไมวันนี้ถึงไม่ลงมือจัดการเจียงหัว?” หลินหยางถามขึ้นอย่างแปลกใจ
“แล้วทำไมคุณไม่ลงมือ น่าจะเป็นเจียงหัวที่หาคนไปทำร้ายคุณ? เจียงหัวหาใครไปทำร้ายคุณ?” ไป๋เซียนเฉ่าจอดรถแล้วพูดขึ้น
หลินหยางอดที่จะชื่นชมความฉลาดของผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ แต่คิดๆดูแล้วก็ถูก หากไม่ใช่ผู้หญิงที่ฉลาดจะอยู่ในวงการธุรกิจที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมได้อย่างไร?
“เขาหานักแข่งรถมา แต่ว่าผมชนะ คนคนนั้นถูกผมควบคุมไว้แล้ว คนที่อยู่เบื้องหลังเป็นใครผมไม่รู้ จึงได้ใช้แผนซ้อนแผน ทำเป็นแกล้งตาย รอให้คนที่อยู่เบื้องหลังเผยตัวตนออกมา หัวสมองของเจียงหัวคนนี้คิดอะไรไม่เป็น แต่ความคิดทำร้ายคนอื่นกลับมีไม่น้อย แต่ผมคิดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังน่าจะไม่มีเขาเพียงคนเดียว น่าจะยังมีคนหนุนหลัง ที่คุณไม่ลงมือจัดการเขาก็เพราะเหตุผลนี้ใช่ไหม” หลินหยางพูดอธิบาย
ไป๋เซียนเฉ่าพยักหัวเงียบๆ แล้วก็ส่ายหัวพูดขึ้นว่า “เขามีคนหนุนหลังจริง ลุงของเขาเป็นรองปลัดจังหวัดใกล้เคียง และไม่ช้าก็จะได้ขึ้นตำแหน่งแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำชั่วในจังหวัดใกล้เคียง แต่อาศัยอยู่ในเมืองเจียงหลิง ยังคงมีเครือข่ายความสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยม เขาทำตัวเป็นอันธพาลอยู่ที่นี่ไม่ใช่วันสองวันแล้ว แต่ที่เขาไม่กลัวไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ที่มีอยู่เบื้องหลัง ฉันคิดว่ามีคนอื่นชี้แนะเขา คนอย่างเขารู้จักวางแผนการที่ไหน ฉันคิดว่าน่าจะเป็นหลิวจิ่น ที่เพิ่งทำความร่วมมือกับพวกเขา คนคนนี้ฉลาดมาก ค่อนข้างจัดการ
ลำบาก”
หลินหยางพูดขึ้นอย่างแปลกใจว่า “ใช่หรือ? คนที่สามารถทำให้คุณเอ่ยชมได้มีน้อยมาก เห็นทีครั้งนี้ผมคงล่วงเกินคนเก่งไปไม่น้อยแล้วหรือ? ใช่ ขอถามคุณหนึ่งคำถาม พ่อของคุณคือไป๋ชิงเฟิงใช่ไหม?”
ไป๋เซียนเฉ่ามองดูเขาอย่างลังเล แล้วก็พยักหน้า หลินหยางหัวเราะพูดขึ้นว่า “คุณพูดอะไรกับเขาหรือเปล่า? เขาโทรไปหาเพื่อนของผมที่อยู่ในสถานีตำรวจ ให้เขาหาตัวคนร้ายที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุออกมาโดยเร็ว”
“อ๋า? เขา…คุณรู้เรื่องหมดแล้วหรือ?” ไป๋เซียนเฉ่ารู้สึกเหมือนความลับอันเล็กน้อยของตนถูกเปิดเผยขึ้นมาในทันใด
หลินหยางส่ายหัวพูดขึ้นว่า “ฐานะทางบ้านคุณดีขนาดนี้ กลับออกมาสร้างเนื้อสร้างตัวคนเดียวแบบนี้ ช่างไม่ใช่เรื่องง่ายเลย บอกผมได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“ไม่มีอะไร ฉันแค่รู้ว่าเกิดเรื่องกับคุณ จึงอยากที่จะหาตัวคนร้ายให้เจอ ตอนนั้นจึงไปขอร้องให้พ่อช่วย” ไป๋เซียนเฉ่าหันหน้าไปทางอื่น มองดูนอกหน้าต่าง ไม่รู้ว่าทำไมน้ำตาถึงไหลล้นออกมา
หลังจากหลินหยางรู้ถึงความสัมพันธ์นี้ของไป๋เซียนเฉ่า ก็หัวเราะพูดขึ้นว่า “คิดไม่ถึงว่าผมจะได้ร่วมหุ้นกับคุณหนูคนหนึ่งที่เติบโตมาในกองทัพทหาร ไม่แปลกใจเลยที่คุณคุ้นเคยกับกลยุทธ์มาก ดูตำราการศึกมาตั้งแต่เล็กมากไปหรือเปล่า?”
ไป๋เซียนเฉ่าอึ้ง ตำราศึก? แล้วเธอก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงผู้ชายที่ทำให้เธอเจ็บปวดอย่างที่สุด
“การศึกอะไร นับจากนี้หากคุณมีเรื่องอะไรแล้วไม่บอกฉัน ต่อให้คุณจะตายในคูน้ำที่เน่าเหม็นฉันก็จะไม่ให้ใครไปช่วยคุณ ลงรถ” ไป๋เซียนเฉ่าโกรธขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
หลินหยางงง ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ถูกไล่ลงจากรถ พูดอะไรไม่ออกจริงๆ เขารู้ที่ไหนกันว่าเมื่อกี้ตนได้พูดถึงบาดแผลลึกๆในใจของไป๋เซียนเฉ่าอย่างไม่ได้ตั้งใจ สิ่งนั้นเป็นสิ่งต้องห้ามของเธอมาตลอด
ในป่ารกร้างแบบนี้ อยากจะเรียกหารถกลับไปสักคันก็เป็นเรื่องยาก คิดถึงรถสปอร์ตของตนเองที่เสียไป ก็เกิดเสียดายขึ้นมา แค้นนี้เขาจำไว้แล้ว เจียงหัวไม่ชดใช้คืนเป็นเท่าตัวเขาจะไม่ยอมจบแน่
เดินเล่นอยู่อย่างช้าๆ แล้วก็มีเสียงรถยนต์ดังขึ้นอย่างไม่คาดคิด เป็นเสียงรถที่ไป๋เซียนเฉ่าขับกลับมา
“ขึ้นรถ” คำพูดที่เย็นชาดูเหมือนจะระบายอารมณ์บางอย่าง
หลินหยางกำลังคิดอยู่ว่าประจำเดือนเธอมาหรือเปล่า ก้มหัวลงแล้วก็เข้าไปนั่งอีกครั้ง
“ช่วงนี้… ไม่สบายหรือ? คุณก็รู้ว่าผมเป็นหมอ ให้ผมตรวจชีพจรดูไหม?” หลินหยางถามขึ้น
“ไม่ต้อง ฉันอยาก…. คุณไปดูดาวเป็นเพื่อนฉันได้ไหม?” ไป๋เซียนเฉ่าถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนในทันใด
น้ำเสียงของไป๋เซียนเฉ่า ทำให้หลินหยางไม่คุ้นเคย คืนนี้ผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรกันแน่?
แต่ว่านั่งอยู่ในรถของเธอ เขายังจะปฏิเสธได้หรือ? หลินหยางเพิ่งคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จ รถมาเซราติก็ขับเคลื่อนออกไป ด้วยความเร็วของรถ ขับขึ้นทางด่วนรอบเมืองไปอย่างรวดเร็ว ออกจากเขตเมืองเจียงหลิง มาถึงบนเขาลูกหนึ่งนอกชานเมือง
ที่นี่เคยมีนักวรรณกรรมทิ้งบทกวีไว้มากมาย หลินหยางมาถึงศาลาหลังหนึ่งบนยอดเขาเป็นเพื่อนเธอ บนยอดเขาก็คือมีท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวสุกใส ด้านหน้าก็คือแสงไฟอันเจริญรุ่งเรืองของเมืองเจียงหลิง
“หลินหยาง คุณรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงพาคุณมาที่นี่?” ไป๋เซียนเฉ่าถามขึ้น
หลินหยางยักไหล่ และพูดทายว่า “หลายวันนี้เป็นช่วงรอบเดือนของคุณ? ประจำคุณมาหรือ?”
มองดูเขาอย่างโกรธเคือง หลังจากนั้นก็พูดขึ้นอย่างน่าสงสารว่า “ทำไมคุณรักษารอยแผลเป็นของฉันหายแล้ว กลับไปเปิดบาดแผลอีกบาดแผลหนึ่ง?”
หลินหยางตกใจ ในใจกำลังคิดว่า หญิงสาวคนนี้กำลังจะพูดถึงความลับของรอยแผลเป็นของเธอหรือ?
เย็นๆบนยอดดอย มือทั้งคู่ของไป๋เซียนเฉ่ากอดเข่าไว้ คางวางบนเข่า เธอเริ่มหวนคิดถึงเรื่องในอดีต เศษชิ้นส่วนที่ควรจะกลายเป็นขี้เถ้าพวยพุ่งออกมาอีกครั้ง มันเป็นความทรงจำที่เจ็บปวดอย่างที่สุด
เสื้อโค้ทอุ่นๆ พาดอยู่บนตัวเธอ ไป๋เซียนเฉ่าปาดน้ำตาพร้อมหันไปมองดู ใบหน้าหลินหยางที่ยิ้มอยู่อย่างน่าชัง แล้วพูดขึ้นว่า “ฉันไม่ใช่เลขาหลิน ทำแบบนี้แล้วคิดว่าฉันจะยอมหรือ?”
“ผมไม่ได้จะซื้อใจคุณ คุณร้องไห้น้อยครั้งมาก อย่างน้อยผมก็เห็นเป็นครั้งแรก” หลินหยางพูดขึ้น
ไป๋เซียนเฉ่าสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “พ่อของฉันเป็นทหาร เลี้ยงดูฉันเหมือนกับเด็กผู้ชายมาตั้งแต่เด็ก จะต้องเข้มแข็งอยู่ได้ด้วยตนเอง แต่ตอนนี้… กลับไม่ให้ฉันได้มีโลกของตนเอง”
ทำไมถึงกลับไปพูดถึงไป๋ชิงเฟิง? เป็นการเปลี่ยนเรื่องพูดหรือ? หลินหยางคิดในใจ
ไป๋เซียนเฉ่าพูดขึ้นต่อว่า “คุณรู้ไหม… ทำไมฉันต้องพูดถึงรอยแผลเป็นนี้?”
หลินหยางส่ายหัว ไป๋เซียนเฉ่ายิ้มพูดขึ้นอย่างขมขื่นว่า “รอยแผลเป็นนี้คุณรักษาหายแล้ว ฉันคิดว่าฉันจะสามารถเผชิญหน้ายอมรับกับเรื่องที่ผ่านมาพวกนั้น แต่ตอนนี้ฉันเพิ่งรู้ว่า ยังไงฉันก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่สามารถเข้มแข็งได้อย่างที่พ่อพูด เห็นข่าวที่คุณประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ฉันคิดว่า…. ฉันจะล้มลงอีกแล้ว ที่พึ่งพาของฉันหายสาบสูญไปอีกครั้ง ดังนั้นฉันจึงพูดกับพ่อว่าให้พ่อช่วยตามหาตัวคนร้าย ตอนนี้มาคิดดูแล้วเป็นฉันเองที่ใจร้อน ตอนที่เจียงหัวมา ฉันก็รู้แล้วว่าเขาเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด แต่ตอนนี้…ไม้กลายเป็นเรือไปแล้ว”
“อะไรคือไม้กลายเป็นเรือไปแล้ว? เป็นเรืออะไร” หลินหยางพูดขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
ไป๋เซียนเฉ่าก้มหน้าพูดขึ้นว่า “ฉันไม่เคยขอให้พ่อช่วยทำอะไร ครั้งนี้ขอร้องเขา ก็เท่ากับว่าเป็นการยอมแพ้กับความพยายามทั้งหมดในก่อนหน้านี้ ปลายปีนี้ฉันก็จะกลับไปแล้ว คิดว่า…. จะกลับมาไม่ได้อีกแล้ว”
คิดไม่ถึงว่าข้างในนี้ยังจะมีเรื่องเล่าแบบนี้ หลินหยางพูดขึ้นอย่างค่อนข้างเศร้าว่า “พ่อของคุณจะจับคุณขังไว้หรือ?”
“คุณพูดไม่ตลกเลย มากสุดก็น่าจะหาใครคนหนึ่งแล้วก็ให้ฉันแต่งงานไป” ไป๋เซียนเฉ่าพูดขึ้นอย่างเอือมระอา
หลินหยางพูดขึ้นอย่างโกรธเคืองทันทีว่า “นี่มันสมัยไหนกันแล้ว ยังมีการบงการคุณแต่งงานอยู่อีกหรือ?”
“ก่อนหน้านี้ไม่เคยยุ่ง แต่ก็เป็นการทิ้งรอยแผลเป็นไว้บนใบหน้ากับร่างกายของฉัน ครั้งนี้คิดอยากที่จะไม่ให้พวกเขายุ่งเกี่ยว คงไม่ง่ายขนาดนั้นแล้ว” ไป๋เซียนเฉ่าทำเป็นพูดขึ้นอย่างสบายใจ
นี่เป็นเหตุผลอะไรกัน หลินหยางจับมือของเธอขึ้นมาแล้วพูดว่า “ไม่ได้ จะต้องมีวิธีอื่นสามารถแก้ปัญหาได้”
“ทำไม คุณก็จะยุ่งเกี่ยวกับการแต่งงานของฉันหรือ?” ไป๋เซียนเฉ่าหรี่ตาลงพร้อมถามขึ้น
หลินหยางพูดไม่ออก ตอนนี้เขาเองก็มีเรื่องมากไหม จะรับปากพูดไปเรื่อยไม่ได้ ไป๋เซียนเฉ่าชี้ไปที่ดวงดาวบนท้องฟ้าแล้วพูดว่า “ไม่คิดถึงเรื่องเศร้าใจพวกนี้แล้ว เล่าเรื่องของคุณให้ฉันฟังดีกว่า”
เมื่อพูดถึงกันเอง หลินหยางก็เริ่มคุยไม่รู้จบ เล่าเรื่องในอดีตที่สนุกน่าสนใจทั้งหมดของตนออกมา เด็กที่เติบโตในชนบทกลายเป็นหมอที่ไม่มีใครเทียบได้อย่างไร
“หากไม่ได้เห็นคุณรักษาบาดแผลของฉันหายด้วยตาตนเอง จะต้องคิดว่าคุณโม้เก่งเป็นแน่ ดูคุณเคยรักษารอยแผลเป็นให้กับผู้หญิงมาแล้วไม่น้อย ยังมี….หน้าอกด้วย” ไป๋เซียนเฉ่าถามขึ้นในทันใด
หลินหยางไปเล็กน้อยพร้อมพูดว่า “หัวใจของผู้รักษา ล้วนเป็นเหมือนกันหมด”
“เชอะ สายตาของคุณตอนที่นวดให้ฉันไม่ได้เป็นแบบนี้” ไป๋เซียนเฉ่าพูดขึ้น
หลินหยางยกมือลูบจมูก พร้อมชี้ไปดวงดาวไกลโพ้นและพูดขึ้นว่า “เมื่อกี้มีดาวตกดวงหนึ่ง เห็นไหม?”
การเปลี่ยนเรื่องคุยด้วยวิธีที่ง่ายแบบนี้ ไป๋เซียนเฉ่ากลับเชื่อ ยกมือทั้งคู่ขึ้นมาประสานกัน แล้วปากก็พูดพึมพำอะไรสักอย่าง
“คุณเคยมาที่นี่?” หลินหยางถามขึ้น
“ใช่ ฉันเคยมากับผู้ชายคนที่เกี่ยวข้องกับรอยแผลเป็นนี้ เดิมนี่เป็นความลับที่ฉันไม่สามารถพูด แต่ไม่รู้ทำไม เมื่อมาถึงที่นี่แล้วในใจฉันกลับรู้สึกปล่อยวางได้แล้วขึ้นมาทันที ในเมื่อผ่านไปแล้ว ยังจะเก็บเอามาคิดอีกทำไม เรื่องบางเรื่อง เมื่อถึงเวลาต้องชดใช้ เขาจะหนียังไงก็หนีไม่พ้น” ไป๋เซียนเฉ่าลืมตาพูดขึ้น
ในใจหลินหยางค่อนข้างตกใจ เรื่องเล่านี้คงจะไม่สามารถพูดกันสั้นๆแน่ ตอนนี้ไป๋เซียนเฉ่ากลับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
หลินหยางจึงพยักหัวพูดขึ้นว่า “หลักการนี้พวกเราเข้าใจ มีบางคนไม่เข้าใจ อย่างเช่นเจียงหัว ครั้งนี้ที่ไม่ได้จัดการกับเขาให้เด็ดขาด เขาจะต้องกลับมาแก้แค้นแน่ ผมคิดว่าคุณควรที่จะดูแลตัวเองให้ดี ทำให้พวกเขาช็อก”
“ทำไมคุณถึงไม่กลัว?” ไป๋เซียนเฉ่าถามขึ้นอย่างแปลกใจ
“ผมเปิดพจนานุกรมของผมดู ไม่เคยหาคำนี้เจอมาตลอด” หลินหยางหัวเราะพูดขึ้น
ทั้งสองคนพูดคุยการอยู่ภายใต้ดวงดาวบนท้องฟ้า ความหดหู่บางอย่างที่ซ่อนอยู่ในใจไป๋เซียนเฉ่า ค่อยๆเหือดหายไป
“ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนฉัน ถึงแม้จะดูโง่ไปหน่อย” ไป๋เซียนเฉ่าพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี