ซูเปอร์หมอเข็ม/หมอเข็มยอดฝีมือ(NC25+) - บทที่ 197 รักษาแผล
บทที่ 197 รักษาแผล
หลินหยางล้มลงไปในสภาพที่เต็มไปด้วยบาดแผล จางเยว่ตกใจและรีบวิ่งเข้าไปประคองเขา
ตอนนี้จิตใจของหญิงสาวกระวนกระวาย โดยลืมคนผิดที่อยู่อีกด้าน เมื่อเธอดึงหลินหยางขึ้นมา ก็พบว่าคนร่างสูงคล้ำได้หนีไปแล้ว
เธอไม่มีเวลามาสนใจ ตอนนี้ลมหายใจของหลินหยางรวยริน จางเยว่ใช้พละกำลังแบกเขาขึ้นหลัง ขณะที่กำลังจะลากเขาขึ้นรถก็เห็นผู้หญิงที่ยากจะลืมได้เดินเข้ามาข้างหน้าเธอ
ถ้าบอกว่าไป๋เซียนเฉ่าคือกุหลาบที่เต็มไปด้วยหนาม ผู้หญิงคนนี้คงเป็นดอกบัวขาว ใสซื่อและงดงามจนทำให้คนหวั่นไหว แถมยังมีรังสีเย็นยะเยือกแผ่ออกมา
“เขาเป็นอะไรไป” หญิงสาวถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
จางเยว่พูดอย่างหอบๆ ว่า “สู้กับคนจนได้รับบาดเจ็บ เธอคือ…”
ยังไม่ทันพูดจบ ผู้หญิงคนนั้นก็เอาตัวหลินหยางไป จางเยว่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้หญิงคนนั้นอุ้มหลินหยางเหมือนอุ้มเด็กทารก เธอวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“นี่ เธอจะทำอะไรน่ะ จะวิ่งไปไหน ฉันมีรถนะ” จางเยว่ตะโกนเสียงดัง
การได้ยินของผู้หญิงคนนั้นดีมาก ถึงแม้จะวิ่งออกไปไกลแล้ว แต่เธอก็หยุดและหันหน้ามาถามจางเยว่ด้วยน้ำเสียงเย็นชา “รถอยู่ที่ไหน”
“ตามฉันมา ธะ เธอเป็นใครกันแน่” จางเยว่ถามเหมือนเห็นผี
“ฉันมาช่วยเขา ไม่เกี่ยวกับเธอ” ผู้หญิงคนนั้นขมวดคิ้วแล้วพูดออกมา
จางเยว่เพิ่งเคยเจอผู้หญิงที่ไม่ไว้หน้าคนอื่น ถ้าเธอไม่เป็นห่วงอาการบาดเจ็บของหลินหยาง เธอคงจะระเบิดอารมณ์ใส่ไปแล้ว
ผู้หญิงคนนั้นเช็กลมหายใจและชีพจรของหลินหยางจากนั้นจึงพูดออกมาอย่างร้อนรน “ไม่ได้การแล้ว ทำไมชีพจรของเขาเต้นอ่อนขนาดนี้ เขาใช้เจินชี่มากเกินขนาด!”
จางเยว่รีบถามว่า “งั้นจะทำยังไงดี จากที่นี่ไปโรงพยาบาลต้องใช้เวลาสักพัก มันอันตรายไหม”
“งั้นคงต้องทำที่นี่ เธอรีบลงรถ ฉันจะรักษาเขาที่นี่!” ผู้หญิงคนนั้นกัดฟันพูด
ตอนนี้หลินหยางหน้าซีดมาก เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด สภาพของเขาน่าตกใจมาก จางเยว่จะวางใจได้ยังไง เธอส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ได้ ทำไมฉันต้องลงไปจากรถด้วยล่ะ เธอเป็นใครกันแน่!”
“บอกให้ลงก็ลงไปเถอะ อย่าบอกนะว่าเธออยากเห็น ฉันชื่อหนานกงหยูน!” หญิงสาวพูดอย่างหงุดหงิด
หนานกงหยูนงั้นเหรอ คนของตระกูลหนานกง ทำไมถึงเกี่ยวข้องกับหลินหยางล่ะ จางเยว่เต็มไปด้วยความสงสัย เธออยากจะถามต่อ แต่หนานกงหยูนถอดเสื้อของหลินหยางออก จากนั้นก็ถอดเสื้อของตัวเองออก
เธอจะทำอะไรน่ะ จางเยว่งงไปหมด หญิงสาวเย็นชาที่จู่ๆ ก็โผล่มา ทำให้เธอมึนงงไปหมด ฐานะดี กล้าหาญ แต่สิ่งที่ทำให้ไม่สามารถจินตนาการได้ก็คือหนานกงหยูนใช้มือทั้งสองข้างกอดหลินหยางให้อยู่ในท่านั่ง นี่มันฉากที่คุ้นเคย
จางเยว่อดคิดถึงคืนนั้นไม่ได้ เธอแย่งหลินหยางมาจากไป๋เซียนเฉ่าแบบนี้เลย จากนั้นก็นั่งลงบนตัวเขาอย่างไม่มีความอับอาย
แต่ครั้งนี้มันต่างกันเล็กน้อย เธอสัมผัสได้ถึงอากาศที่เริ่มร้อนภายในรถ ตัวของหนานกงหยูนแดงขึ้น หลินหยางเริ่มรู้สึกตัว และค่อยๆ ลืมตาขึ้น
“นายอย่าขยับ ตอนนี้นายค่อนข้างอ่อนแอ นายพยายามรวบรวมเจินชี่ของตัวเองเอาไว้ เหมือนกับสองครั้งก่อนหน้านี้” หนานกงหยูนพูดด้วยเสียงเบา
หลินหยางรู้ว่าร่างกายของตัวเองไม่มีกำลัง แต่ดีที่พลังมังกรและหงส์ได้หลอมรวมอยู่ในร่างกายและสามารถใช้มันออกมาได้
บาดแผลบนตัวที่เกิดจากการต่อสู้กับคนร่างสูงคล้ำไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ ปัญหาของเขาคือการใช้เจินชี่เกินขนาด จนทำให้ร่างกายอ่อนแอ หนานกงหยูนใช้ร่างกายของตัวเองค่อยๆ ทำให้หลินหยางฟื้นขึ้นมา และค่อยๆ ฟื้นฟูร่างกายของเขา
หนานกงหยูนลองใช้ประสบการณ์จากสองครั้งที่แล้ว แต่อย่างแรกคือตอนนี้มีคนที่คอยเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ข้างๆ อย่างที่สองคือเธอยังฝึกไม่ชำนาญ เธออยู่บนตัวของหลินหยางไม่นานก็รู้สึกว่าร่างกายไร้เรี่ยวแรง เหงื่อไหลออกมาเต็มตัว เธอไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี
“พวกเธอกำลังทำอะไรกัน!” จางเยว่ตะโกนออกมาอย่างอดไม่ไหว
“ฉันไม่ไหวแล้วหลินหยาง เปลี่ยนเป็นเธอได้ไหม” หนานกงหยูนพูดหอบ
หลินหยางเบิกตาโตแล้วพูดขึ้นพัลวัน “คุณเห็นผมเป็นอะไร ผมไม่เป็นไรแล้ว แค่อ่อนแรงชั่วระยะหนึ่งเท่านั้น!”
หนานกงหยูนรีบพูดขึ้นมาว่า “ไม่ได้ ตอนนี้เจินชี่ของนายยังไม่ฟื้นฟูกลับมา ถ้าพลาดช่วงเวลานี้ไปจะทำให้ร่างกายของนายบาดเจ็บสาหัส”
จางเยว่รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะบ้า เธอเข้าใจทุกคำที่ทั้งสองคนพูด แต่พอฟังรวมๆ กันแล้วเธอไม่เข้าใจอะไรเลย หลินหยางยิ้มอย่างอ่อนแรง “เธออย่าถือสาเลย วิชาที่ผมฝึกอยู่มันรักษากันแบบนี้”
จางเยว่สะบัดหน้าไปทางอื่นเพราะไม่อยากเห็นคนที่หน้าไม่อายทั้งสองคน แต่พอมาคิดดูดีๆ เธอจึงเข้าใจ ที่แท้ การต่อสู้ของหลินหยางก็เป็นแบบนี้นี่เอง มิน่าล่ะตอนที่เธอนัวเนียกับหลินหยาง มักจะรู้สึกว่ามีพลังอะไรแผ่ออกมาจากตัวเขา แล้วก็กลับเข้าไปในตัวของเขา ที่แท้มันเรียกว่าเจินชี่นี่เอง แต่ทำไมหลินหยางถึงฝึกวิชาที่โหดร้ายเช่นนี้ล่ะ
หลินหยางไม่มีแรงอธิบายต่อ เขาต้องทำเรื่องนี้กับหนานกงหยูนให้เสร็จ ดังนั้นหนานกงหยูนก็เลยเอนตัวลงไป ตอนนี้หลินหยางเป็นฝ่ายอยู่ข้างบน
หนานกงหยูนส่งเสียงออกมาเบาๆ รถส่ายไปมาไม่หยุดจนทำให้จิตใจของจางเยว่กระสับกระส่าย เธอไม่สามารถแอบมองดูภาพนั้นจากกระจกมองหลังได้อีกแล้ว
นี่มันยิ่งกว่าการแอบมองในที่มืดเสียอีก ความอวบอิ่มที่อยู่บนเนินอกของหนานกงหยูนอยู่ในมือของหลินหยาง ฉากที่ทั้งสองกำลังจะเป็นคนคนเดียวกันมันช่างสวยงาม นี่มันช่างยั่วอารมณ์จริงๆ!
เจินชี่ของหลินหยางค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมา การกระทำของเขาก็แรงขึ้นเรื่อยๆ เสียงของหนานกงหยูนก็ไม่เป็นจังหวะ เสียงของเธอวุ่นวายไปหมด
ทั้งสองคนจมดิ่งลงไปกับความบ้าคลั่ง ในที่สุดความบ้าคลั่งก็ผ่านไป จางเยว่ถึงหันกลับมามองอีกครั้ง เธอใจเต้นแรง มือสอดเข้าไปในกางเกงในอย่างไม่รู้ตัว
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ จางเยว่ก่นด่าความหน้าไม่อายของตัวเองอยู่ในใจ เธอรีบดึงมือออกมา เธอพบว่าตอนนี้ข้างในมันเปียกชื้นหมดแล้ว
ความใกล้ชิดสุดแสนหวานฉ่ำ ทำให้ร่างกายของหลินหยางฟื้นฟูกลับมาระดับหนึ่ง อีกทั้งยังพบว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดี เขาได้พิชิตวิชาขั้นสองระดับต้นแล้ว ตอนนี้เข้ากำลังจะขึ้นขั้นสองระดับกลาง นอกจากอาการเจ็บเพราะกระดูกซี่โครงหัก ก็ไม่มีบาดแผลสาหัสตรงส่วนอื่นอีก
หนานกงหยูนเห็นว่าหลินหยางไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เธอจึงดึงเสื้อขึ้นมาใส่ไว้ และกำลังจะลงจากรถ
“เธอจะไปไหน” หลินหยางคว้ามือเธอเอาไว้
“ฉันเป็นกังวลเพราะนายไม่ได้กลับมาวันหนึ่ง ฉันเลยออกมาหานาย นายไม่เป็นไรแล้ว ฉันขอตัวกลับบ้านก่อน!” หนานกงหยูนเหมือนจะรีบไปจากที่นี่
หลินหยางส่ายหน้า “ไม่ได้ ตอนนี้บาดแผลของผมยังไม่หาย ถ้ามันกำเริบขึ้นมาจะทำยังไง”
จางเยว่ดูออกว่าตอนนี้หลินหยางมีเรี่ยวแรงแล้ว ทำไมหนานกงหยูนจะดูไม่ออกล่ะ แต่ทว่าคำพูดของหลินหยางราวกับเวทมนตร์อย่างไรอย่างนั้น หนางกงหยูนนั่งลงข้างเขาอย่างว่าง่าย
“จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลไหม” จางเยว่พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะหึงเล็กน้อย
“ต้องไปสิ ครั้งนี้ต้องขอบคุณเธอด้วย” หลินหยางยิ้มแล้วพูดออกมา
ความไม่พอใจทั้งหมดถูกคำพูดนี้ชะล้างไปจนหมด จางเยว่รีบเหยียบคันเร่งรถยนต์มุ่งหน้าออกไปทันที
คืนนี้หลินหยางถูกบังคับให้นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล บนตัวของเขามีผ้าพันแผลพันเอาไว้ไม่น้อยเลยทีเดียว เขานอนอยู่ในห้องผู้ป่วยเดี่ยว จางเยว่ต้องกลับไปก่อนเพราะติดธุระ หนานกงหยูนจึงอยู่เป็นเพื่อนเขา
“ต่อจากนี้นายอย่าทำอะไรแบบนี้อีก! ฉันเห็นข้างในเต็มไปด้วยเลือด” หนานกงหยูนเพิ่งจะมารู้สึกโมโหเอาตอนนี้
เห็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหนานกงเป็นกังวลเช่นนี้ หลินหยางก็รู้สึกพอใจ เขายิ้มแหยๆ แล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ถ้าไอ้คนพวกนั้นไม่ได้รับบทเรียน พวกมันก็จะไม่จำ!”
“เหนือฟ้ายังมีฟ้า ในอนาคตนายต้องรับมือกับคนที่เก่งกว่านาย” หนานกงหยูนขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น
หลินหยางพูดด้วยน้ำเสียงยโสว่า “งั้นก็ฝึกให้เก่งกว่าพวกมันสิ!”
เมื่อพูดถึงคำว่าฝึก หน้าของหนานกงหยูนก็แดงขึ้นมา วันนี้เธอไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ เธอจึงต้องทำอะไรที่ไม่ค่อยมีเหตุผลกับเขาต่อหน้าของคนอื่น
“ทำไมเธอหน้าแดงล่ะ ไม่สบายหรือเปล่า ยื่นแขนออกมาดูหน่อยว่าพิษเป็นอย่างไรบ้าง” หลินหยางถามขึ้น
หนานกงหยูนส่ายหน้า พิษที่หลงเหลืออยู่ในร่างกายของเธอถูกหลินหยางดูดออกไปหมดแล้ว ถ้าหลินหยางต้องการจะฝึกเคล็ดวิชาต่อไป เขาจะเป็นต้องเกี่ยวพันกับผู้หญิงเป็นจำนวนมาก
เมื่อคิดได้เช่นนั้น หนานกงหยูนจึงดึงมือกลับมา เธอย่นปากยู่แล้วพูดว่า “นายรู้ใช่ไหมว่ายิ่งกำลังภายในของนายแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าใด มันก็จะยิ่งเป็นอันตรายกับคนจำนวนมาก”
หลินหยางอึ้งและพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ผมเป็นคนดีขนาดนี้จะเป็นอันตรายกับคนอื่นได้อย่างไร!”
หนานกงหยูนไม่เถียงกับเขาอีก เธอพูดอย่างเฉยชาว่า “นายรู้หรือเปล่าว่าคนที่ทำร้ายนายมาจากไหน”
“ไม่รู้ เขาตัวสูง และหน้าดำเหมือนถ่าน น่าจะเป็นคนมีฝีมือที่มาจากกลุ่มอิทธิพลมืดยันจิง วิชากำลังภายในของเขาสูงมาก ดีกว่าผมมากเลยทีเดียว แต่เขาโง่และจิตใจโหดเหี้ยมไปหน่อย” หลินหยางยิ้มแล้วพูดออกมา
หนานกงหยูนดูจากท่าทางของเขาแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เอาศึกนองเลือดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มาใส่ใจ เขาดูมีความสุข เมื่อเรามองอะไรทะลุปรุโปร่งก็จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
“ยันจิงเป็นถิ่นของตระกูลเซินถู บางทีมันน่าจะเกี่ยวข้องกับตระกูลพวกนั้น” หนานกงหยูนคาดเดาออกมา
หลินหยางถามขึ้นมาว่า “เซินถู?มาจากไหนเหรอ เป็นตระกูลที่โด่งดังเหรอ พวกเขาออกมาเก็บประสบการณ์เหมือนเธอหรือเปล่า”
“ฉันไม่แน่ใจ เดี๋ยวนี้คนมีฝีมือด้านกำลังภายในล้วนปกปิดความสามารถของตัวเองเอาไว้ และใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย น้อยคนที่จะแสดงฝีมือออกมา ยิ่งไปกว่านั้นพวกที่เกี่ยวโยงกับกลุ่มอิทธิพลมืดจะไม่ค่อยใช้กำลังภายในเลย แต่ตระกูลเซินถูถือเป็นข้อยกเว้น เดิมทีตระกูลนี้อาศัยบารมีของฮ่องเต้ และติดต่อกับผู้คนข้างนอกค่อนข้างมาก” หนานกงหยูนเอ่ยขึ้น
หลินหยางได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลเซินถู เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง คนร่างสูงคล้ำคนนั้นน่าจะเกี่ยวข้องกับเซินถู มากเลยทีเดียว ก่อนหน้านี้เขาได้หลุดพ้นจากตระกูลหนานกง ตอนนี้ต้องมาเจอกับตระกูลเซินถูอีก เขาเป็นตัวสร้างเรื่องหรือไงนะ
สิ่งที่หลินหยางยังไม่รู้ก็คือตอนนั้นร่องรอยที่เขาต่อสู้กับคนพวกนั้นในโกดังถูกจัดการไปหมดเรียบร้อยแล้ว ชายสูงวัยที่มีสีหน้าเคร่งขรึมพาลูกน้องมาและพาตัวของคนร่างสูงคล้ำไป
ในคืนนั้นคนร่างสูงคล้ำฟื้นขึ้นมาและคุกเข่าลงต่อหน้าของชายชรา
“ผมผิดไปแล้วครับท่านลุงรอง!” คนร่างสูงคล้ำพูดอย่างละอายใจ
“ผิดตรงไหน” เสียงของชายชราก้องกังวาน เสียงหายใจดังออกมา
คนร่างสูงคล้ำพูดออกมาอย่างหวาดกลัว “ผมประมาทคู่ต่อสู้เกินไป ก็จะแพ้อยู่อย่างนั้น ผมไม่สามารถปกป้องคุณชายสามได้ ทำให้ตระกูลเซินถูอับอายขายหน้า!”
“ยังดีที่แกคิดได้ ความเสียหายครั้งนี้ไม่น้อยเลย แกคิดว่าจะฟื้นฟูพลังของตัวเองยังไง” ชายชราถามขึ้น
“ฝึกฝนอย่างหนัก ผมจะต้องเอาถิ่นของตระกูลจ้าวกลับมาให้ได้ และต้องรักษาศักดิ์ศรีของเซินถู” คนร่างสูงคล้ำพูดออกมาเสียงดัง
ชายชราพยักหน้าแล้วพูดว่า “ดีมาก ไม่เสียแรงที่ฉันเลี้ยงดูแกมา แกรู้ไหมว่าอีกฝ่ายเป็นใคร”
“เหมือนว่ามันจะไม่ใช่คนในตระกูลใหญ่ที่ออกมาหาประสบการณ์ครับ” คนร่างสูงคล้ำเอ่ยขึ้น
“มันทำให้แกบาดเจ็บได้ขนาดนี้ อย่างน้อยมันก็น่าจะฝึกกำลังภายในมาสิบกว่าปี เป็นไปได้ไหมว่ากำลังภายในของมันไม่มีที่มา” ชายชราพูดขึ้น
ชายสูงคล้ำพูดอย่างร้อนรนว่า “ท่านลุงรอง ตอนนี้ผมสืบมาได้ว่า ลูกศิษย์ในสำนักการแพทย์มีความสามารถเช่นนี้ เคล็ดวิชามันค่อนข้างแปลกประหลาด”
“การแพทย์ งั้นฉันต้องไปเรียนรู้หน่อยแล้ว” ชายชราพูดอย่างสนใจ