ซูเปอร์หมอเข็ม/หมอเข็มยอดฝีมือ(NC25+) - บทที่ 216 นางฟ้านางสวรรค์ผู้ไร้ที่มาที่ไป
- Home
- ซูเปอร์หมอเข็ม/หมอเข็มยอดฝีมือ(NC25+)
- บทที่ 216 นางฟ้านางสวรรค์ผู้ไร้ที่มาที่ไป
บทที่ 216 นางฟ้านางสวรรค์ผู้ไร้ที่มาที่ไป
วันนี้จางยี่รู้สึกอึดอัดที่สุด เดิมอยากจะมีความสุขกับหลินหยางในโลกของคนสองคน ไม่คิดเลยว่าดันมีคนขับรถมาชนอีก
แม้ว่าหน้าผากตนเองนั้นจะปูดจนนูนออกมา เรื่องแรกคือมีคนที่เป็นคนเข้ามาทำลายรูปลักษณ์นั้น เรื่องที่สองคือการที่หลินหยางไม่มีเวลาอยู่เป็นเพื่อนกับเธอเลย
เพราะว่าต้องนั่งไปรถพยาบาลไปยังโรงพยาบาล หลินหยางเลยให้จางยี่กลับไปเอง
ตอนที่หญิงสาวถูกเข็นออกมาจากห้องฉุกเฉินนั้น มันก็บ่ายแล้ว หลินหยางได้รู้ข่าวจากหมอว่าผู้หญิงคนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ว่ายังคงสลบอยู่
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์แจ้งมายังหลินหยางว่า รถคันนั้นแหลกละเอียด แถมยังเป็นรถคันใหม่ ขนาดป้ายทะเบียนยังไม่มีเลย ปัญหาที่ยุ่งยากก็คือในที่เกิดเหตุนั้นไม่มีข้อมูลใดๆ ของผู้หญิงคนนี้เลย ขนาดโทรศัพท์ก็ไม่มี!
ผู้หญิงคนนี้ไม่พกกระเป๋าที่ต้องมีติดตัวก็ไว้เลย ขนาดโทรศัพท์มือถือ ใบขับขี่ของพวกนี้ก็ไม่มี! เรื่องนี้มันเลยดูสับสน บุคคลที่ไม่มีที่มาที่ไป ไม่มีความสามารถ และไม่มีการงานอาชีพใดๆ ที่ขนาดพนักงานไม่สามารถตรวจสอบสถานะใดๆ ได้ก็ต้องรอให้เธอได้ฟื้นขึ้นมาก่อนถึงจะตอบคำถามได้
ความยุ่งเหยิงทั้งวันนั้นมันช่างซวยซ้ำซวยซ้อนเสียจริงๆ หลินหยางเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยแล้วมองสาวสวยที่ไม่มีอะไรสักอย่าง
นอนอยู่บนเตียงขาวบริสุทธิ์อย่างแน่นิ่ง แค่เห็นใบหน้าของหญิงสาวเพียงครึ่งเดียว เพราะว่าอีกครึ่งหนึ่งถูกผมปิดเอาไว้ แต่ว่าแค่เห็นครึ่งหน้าก็ทำให้หัวใจของเราเต้นอย่างโครมคราม หลินหยางรู้สึกว่าผู้หญิงที่สวยงามคนนี้ต้องไม่ใช่บุคคลทั่วไป ไม่แน่พอถึงเวลาอาจจะมีรูปประกาศหาคนหายในทีวีก็ได้
เลยไม่คำนึงถึงปัญหาเรื่องสุขภาพร่างกายของหญิงงามคนนี้ หลินหยางยื่นมือออกไปพลันตรวจชีพจรของเธอ หลังจากวัดชีพจรเสร็จแล้วหลินหยางได้แต่ขมวดคิ้วไว้แน่น สถานการณ์ของผู้หญิงคนนี้ไม่ดีมากเลย ชีพจรเต้นได้ไม่สม่ำเสมออ่อนแรงมาก ราวกับไม่มีสติ เกรงว่าสมองของเธอคงได้รับการกระทบกระเทือนอยู่ไม่น้อย จากนั้นหลินหยางก็ลุกขึ้นยืนพร้อมทั้งไปหาหมอทันที
หมอคนที่เป็นคนรับผิดชอบเรื่องผ่าตัดนั้นเพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เมื่อได้ยินหลินหยางถามถึงอาการป่วยของหลินหยาง เขาก็ได้แต่ส่ายหน้าพูด “เป็นปัญหาที่ยุ่งยากมาก ดูจากภายนอกแล้วไม่ได้บาดเจ็บใดๆ ร่างกายก็ไม่ได้มีส่วนที่เป็นรอยแผล ตามจริงเธอก็น่าจะตื่นได้แล้ว! การชนในครั้งนี้ทำให้ระบบประสาทและสมองของอีกฝ่ายนั้นได้รับผลกระทบไปบ้าง ต้องตรวจสอบลงให้ลึกไปอีกขั้นถึงจะได้ผลสรุปที่แน่ชัด”
ระบบประสาทและสมองได้รับผลกระทบถือว่าเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก สุดท้ายผลข้างเคียงนั้นจะเล็กหรือใหญ่นั้นเป็นไปได้ทั้งนั้น หนักหน่อยก็สลบไปชั่วชีวิต แม้ว่าจะตื่นขึ้นมา ร่างกายแล้วระบบประสาทและสมองก็ไม่สามารถฟื้นคืนยังเก่าได้ยาก
หลังจากที่ออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว หลินหยางก็กลับมาถึงเซียนเฉ่าเก๋อ พลันเห็นว่าอานเสี่ยวซิงนั้นกำลังวุ่นวายอยู่ในห้องทดลอง
“ทำไมวันนี้ไม่พักผ่อนบ้างล่ะ?” หลินหยางถาม
“ฉันว่างอยู่ก็ดูเหมือนว่างมาก การมาที่นี่ยังได้เรียนรู้ได้!” เด็กคนนี้ถือว่าเป็นสายเนิร์ดเลยก็ว่าได้
หลินหยางเริ่มรู้สึกละอายใจเล็กน้อย แม้ว่าตนเองใกล้จะเรียนจบแล้ว แต่ว่าเมื่อเอาเธอมาเปรียบเทียบเรื่องนี้แล้วมันยังห่างกันมากนัก
“ใช่สิ มีเรื่องอยากจะขอคำชี้แนะจากคุณอยู่พอดีเลย! คราวที่แล้วที่ผสมยาลูกกลอน ตอนที่ฉันกำลังวิเคราะห์ตัวยาที่มีประสิทธิภาพอยู่นั้น มีความสงสัยอยู่ไม่น้อย คุณสามารถบอกได้ไหม!” อานเสี่ยวซิงรีบหยิบสมุดจนตอนที่พูดออกมาทันที
ผลลัพธ์คือมันอยู่ที่ปัญหาที่การบันทึกนั้น มันติดกันเป็นพืด หลินหยางได้แต่ชมเชยจนต้องร้องเสียงหลงทันที “คุณนี่ตั้งใจมากจริงๆ เอาทุกคำพูดที่ฉันพูดออกมาทั้งหมดนั้นจดลงไปด้วย! ปัญหาเรื่องสารออกฤทธิ์ไม่สามารถอธิบายสองสามประโยคและพูดออกมาได้อย่างชัดเจนได้ ภายในยังมีตัวยาที่ต้องเอามาผสมกันเพื่อให้มันช่วยกันสนับสนุนถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น”
“อ้อ ดูเหมือนว่าก่อนหน้านั้นเรียนไปตั้งเยอะแต่ได้กลับมาน้อยมาก มาพบเจอกับตาถึงได้ไม่รู้อะไรเลย!” อานเสี่ยวซิงทำหน้าบูดบึ้งตอนพูด
“มันไม่จำเป็น วันนี้อยากจะชี้แนะปัญหาเรื่องหนึ่งให้คุณอยู่พอดี! เรื่องปัญหาระบบประสาทและสมอง วันนี้ฉันไปเจอกับเหตุการณ์รถชนมา มีเด็กสาวคนหนึ่งขับรถสปอร์ตคันหนึ่งมาชนรถของฉัน! ตอนนี้เธอกำลังนอนสลบอยู่ อวัยวะในระบบประสาทและสมองอาจจะได้รับการกระทบกระเทือนไปด้วย เรื่องนี้ทางการแพทย์แผนจีนค่อนข้างอ่อนแอในด้านนี้ คนเก่งอย่างคุณคิดเห็นว่าอย่างไร?” หลินหยางถาม
อานเสี่ยวซิงเม้มริมฝีปากไว้แน่น พลางก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่แล้วตอบกลับ “ปัญหานี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ยุ่งยากซับซ้อนจริงๆ ถ้าระบบประสาทและสมองไม่ได้มีอวัยวะใดได้รับบาดเจ็บ ในทางการแพทย์แผนจีนอย่างพวกเรานั้นก็ได้กล่าวเอาไว้ว่าถูกพิษร้ายเข้าแทรก ความจริงแล้วระบบประสาทและสมองมันทำงานผิดปกติได้ง่ายมาก ยกตัวอย่างเช่นการเห็นภาพหลอน หลักเข้าหน่อยก็จะทำลายความทรงจำและความคิด! ต่อไปในภายภาคหน้า วิธีการรักษานั้นมีเพียงอย่างเดียว ตัวยาที่สืบทอดกันมานั้นยากมากที่สามารถฟื้นคืนระบบประสาทได้”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้หลินหยางได้แต่ขมวดคิ้วไว้แน่น ปัญหาเรื่องนี้ถ้าต้องการจัดการนั้นถือว่าเป็นเรื่องยากอยู่บ้าง
“แต่ว่าการรักษานั้นตั้งดูจากอาการของคนไข้ด้วย ไม่งั้นเดี๋ยวให้คุณพาฉันได้อาการของคนไข้!” สาวน้อยพูด
หลินหยางคิดว่าอย่างนี้ก็ดี หลักการที่มีความรู้อันเปี่ยมล้นของผู้หญิงคนนี้สามารถช่วยเหลืองานได้ไปหลายเท่ามาก!
สาวน้อยเห็นว่าหลินหยางเห็นด้วย พลางบิดตัวเล็กน้อย พร้อมทั้งเม้มริมฝีปากทำท่าน่ารักที่สุด หลินหยางหัวเราะทันที “เป็นไรไป มีอะไรก็พูดมาตรงๆ ทำไมต้องคอยปิดบังด้วย?”
“วันนั้น … หลังจากนวดตัวแล้วสบายขึ้นมาก!” เด็กสาวพูดถึงตรงนี้ก็หยุดลง แก้มเริ่มแดงระเรื่อ
หลินหยางยิ้มให้ “มีผลลัพธ์ที่ดีก็ดี งั้นวันนี้เรามาต่อจากครั้งที่แล้วกัน!”
อานเสี่ยวซิงพยักหน้าทันทีอย่างเห็นได้น้อยมาก หลินหยางชี้ไปที่เสื้อผ้าของเธอ ครั้งนี้เด็กสาวนั้นไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอีกแล้ว พลันถอดเสื้อผ้าของตนเองทันที
หลินหยางควานหาเข็มเงินแล้วฝังลงไป ฝังบริเวณท้องน้องของเธอ การลงแรงฝังเข็มนั้นถือว่าถนัดมือมาก แค่ตำแหน่งการฝังเข็มหลายสิบเล่มก็สามารถฝังได้อย่างแม่นยำ
ลมหายใจเข้าออกของอานเสี่ยวซิงเรื่องแปรเปลี่ยนเป็นหายใจเข้าลึกๆ แทน ความรู้สึกชาครั้งนี้มันรุนแรงกว่าครั้งที่แล้วมา เพราะว่าหลินหยางใช้พลังภายในเพิ่มขึ้นอีกชั้นหนึ่งเพื่อทำแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของเธอ
เมื่อลุกขึ้นยืน หลินหยางก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ราวกับเป็นกลิ่นหอมของดอกหอมหมื่นลี้ พลางเอ่ยปากถาม “ชอบน้ำหอมกลิ่นดอกหอมหมื่นลี้ด้วยเหรอ?”
“หือ? ฉันไม่ได้ฉีดน้ำหอมมานี่!” อานเสี่ยวซิงส่ายหน้าปฏิเสธ
ไม่ได้ฉีดน้ำหอม? แต่ว่ากลิ่นนี้มันหอมเย็นๆ อยู่บ้าง ไม่มีน้ำหอมนั่นหมายความว่า นี่คงเป็นกลิ่นกายของเธอ ร่างกายของเด็กสาวโดยทั่วไปแล้วก็ต้องมีกลิ่นดอกไม้หรือไม่ก็พวกครีมอาบน้ำที่ใช้อยู่ แต่ว่าอานเสี่ยวซิงกลับไม่เหมือนคนอื่นๆ กลิ่นหอมของดอกหมอหมื่นลี้นั้นมันช่างทำให้จิตใจของคนเราหอมสดชื่น
หลินหยางพลันยื่นมือออกมา แล้วก็นวดจากหัวไหล่ลงมาเรื่อยๆ อานเสี่ยวซิงตื่นเต้นจนหลับตาสนิท ยามเมื่อมือของหลินหยางนั้นสัมผัสกับทรวงอกแล้ว ร่างกายสั่นเทาออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“ปัญหาภายในต้องใช้การกระตุ้นซ้ำอยู่หลายครั้ง คุณต้องอดทนเอาไว้!” หลินหยางพูดเตือน
เมล็ดองุ่นเล็กๆ ทั้งสองข้างพลันหดตัวลงถือว่าจัดการได้ไม่ง่ายนัก หลินหยางต้องการเรียกสัญชาตญาณของร่างกายของเธอให้ตอบสนองกลับมา จากนั้นถึงได้ทำให้เจ้าเมล็ดองุ่นเล็กๆ นี้ชี้ออกมาจากเนื้อก้อนกลมกลึงจนตั้งตรงได้
ครั้งแรกหลินหยางต้องใช้มือบีบเคล้น ก้อนกลมนั่นถูกมือของหลินหยางบีบนวด จนหางตาของอานเสี่ยวซิงมีน้ำตาไหลออกมาหลายหยด
“เป็นอะไร? ถ้าเจ็บคุณก็บอกมาเลยนะ!” หลินหยางคอยเตือน
นี่มันไม่ใช่ความเจ็บ แต่เป็นเพราะว่าหลังจากที่หลินหยางใช้พลังภายในกระตุ้นแล้ว ระบบร่างกายอัตโนมัติของอานเสี่ยวซิงนั้นมีผลตอบสนองตีกลับมาเองทันที
ในยามวินาทีที่ใกล้จะหมดหนทางแล้ว อานเสี่ยวซิงพลันเข้าใจอะไรบางอย่าง เลยใช้มือกุมมือของหลินหยางเอาไว้แล้วพูดว่า “ฉันรู้แล้ว คุณสามารถใช้วิธีการเดิมที่เหมือนกันในการรักษาเด็กคนนั้น!”
คำพูดประโยคเดียวปลุกคนให้ตื่นจากภวังค์ หลินหยางตบหน้าขาของตนเอง พร้อมทั้งโอบกอดเด็กสาวไว้แน่น หลินหยางจูบเธออย่างรุนแรง พร้อมทั้งพูดด้วยยินดี “ใช่สิ คุณนี่ฉลาดมากเสียจริง!”
อานเสี่ยวซิงราวกับถูกต้องมนตร์สะกดไว้ ไม่ขยับเขยื้อนอีก พร้อมทั้งลูบแก้มของตนเอง แถมไม่กล้ามองหลินหยางเลย
หลินหยางก็รู้สึกว่าตนเองเริ่มเกินเลยไปบ้างแล้ว เลยผงกหัวเพื่อเป็นการขอโทษ “ฉันตื่นเต้นมากไปหน่อย ขอโทษด้วยจริงๆ!”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร!” อานเสี่ยวซิงตอบเหมือนเครื่องตอบอัตโนมัติ
หลังจากฝังเข็มและนวดคลานเส้นให้อานเสี่ยวซิงเสร็จแล้วนั้น ทั้งสองคนก็ไปเยี่ยมนางฟ้านางสวรรค์คนนั้นที่โรงพยาบาลด้วยกัน บอกว่าเป็นนางฟ้านางสวรรค์ แท้จริงแล้วความรู้สึกที่แท้จริงหลินหยางนั้นมันยังไม่พอ เพราะว่าในสายตาเขานั้น ผู้หญิงเช่นนี้ไม่เพียงแต่มีกลิ่นอายของนางฟ้านางสวรรค์ที่ปกคลุมไปทั่วแถมยังเสน่ห์อย่างมากอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าเธอกำลังนอนหลับใหลอยู่มุมปากพลางกระตุกขึ้นเล็กน้อยช่างนี้สร้างความรู้สึกให้คนอยากจะเข้าไปจูบทันที
หลินหยางเดินเข้าห้องพักผู้ป่วย หญิงสาวก็ยังคงนอนหลับใหลอย่างสนิท หลินหยางเองก็ไม่อยากไปใช้คำว่าสลบกับตัวเธอ หรือว่าให้ความสนใจบนตัวเธอ เพราะว่าหลินหลินหยางไม่ได้รับสัมผัสความรู้สึกของอานเสี่ยวซิงที่กำลังตกใจประหลาดใจอยู่ด้านหลัง
หลังจากนั่งลงแล้ว หลินหยางก็ตรวจชีพจรของเธออีกครั้ง ชีพจรยังคงเหมือนเช่นเดิม ชีพจรที่ไม่มีจิตวิญญาณนั้นบอกได้ชัดว่าสองได้รับการกระทบกระเทือนนั้นเป็นเรื่องจริง
ในเวลานี้เองรู้เหตุแต่ไม่มีทางรักษาแล้ว หลินหยางได้แต่ใช้พลังมังกรและหงส์ เริ่มปล่อยเจินชี่เข้าสู้ข้อมือที่บริสุทธิ์ของเธอ
อานเสี่ยวซิงค่อยๆ เดินเข้าหาอย่างช้าๆ พร้อมทั้งจ้องมองผู้หญิงคนนี้อยู่นาน ถึงได้ยอมพูดออกมา “เธอช่างสวยจริงๆ น่าเสียดายมาก….”
“สวยมาก แถมยังมีพลังที่เกินคนธรรมดาทั่วไป แต่ว่าชีพจรเต้นอ่อนแบบนี้ ฉันถ่ายทอดพลังเจินชี่ให้แล้ว แต่กลับไม่มีการตอบสนองใดๆ เลย” หลินหยางถอนหายใจพูด
อานเสี่ยวซิงเลิกเปลือกตาของผู้หญิงคนนั้น รูม่านตาค่อยๆ หดตัวลงเล็กน้อย ยามเมื่อกระทบกับแสง
“ดวงตายังคงมีปฏิกิริยาตอบสนอง คนก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมาก ระบบประสาทและสมองในส่วนอื่นๆ นั้นก็ต้องรอให้เธอได้ตื่นก่อน!” อานเสี่ยวซิงพูดวิเคราะห์
หลินหยางพยักหน้าให้ฟัง แล้วก็เริ่มถ่ายทอดพลังเจินชี่ให้เธอไปเรื่อยๆ ทว่าหลินหยางพลันรู้สึกว่าการเดิมของพลังเจินชี่นั้นเหมือนโดนอะไรมากั้นอยู่ พลังมังกรและหงส์ที่อยู่ในสถานการณ์ปกตินั้นเมื่อสัมผัสกับร่างกายของคนเราก็ไม่อาจแสดงท่าทีปฏิเสธได้ นอกจากอีกฝ่ายจะต่อต้านเอง
“หรือว่าเธอก็มีพลังภายในด้วย?” หลินหยางเกิดความสงสัย
“ไม่ใช่! พลังภายในก็จะไม่มีชีพจรที่อ่อนแอเช่นนี้ ร่างกายของเธอนั้นแปลกประหลาดมาก!” หลินหยางทั้งพูดไปทั้งขมวดคิ้วไปด้วย
อานเสี่ยวซิงเลยพูดแนะนำ “หรือว่าร่างกายของเธอนั้นสามารถต่อต้านพลังเจินชี่ได้”
หลินหยางครุ่นคิดชั่วครู่ เรื่องนี้อาจเป็นไปได้ ตอนที่รักษาหนานกงหยูนนั้นก็เลยประสบพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้ว แต่ว่านั่นเป็นจิตใต้สำนึกของเธอที่ต่อต้านอยู่
จิตใต้สำนึกเหรอ? หลินหยางตกใจทันที เขารีบคิดความเป็นไปได้บางอย่างออกมา เด็กสาวคนนี้ต่อต้านการรักษาจากคนอื่น! ไม่งั้นอาศัยการรีบรักษาจากหมอนั้นเวลานี้ก็ควรจะตื่นได้แล้ว คงไม่ต้องมานอนสลบอยู่
เหตุผลอะไรกันนะที่ทำให้ผู้หญิงที่เป็นนางฟ้านางสวรรค์ปฏิเสธการรักษา? หรือว่าเธออยากจะนอนหลับเช่นนี้ไปชั่วชีวิตเลยเหรอ? หลินหยางไม่เชื่อ พลางใช้พลังเจินชี่ถ่ายทอดลงให้หนักขึ้นมากกว่าเดิม
การถ่ายทอดพลังมังกรและหงส์อันแรงกล้า หลังจากที่หลินหยางได้ทดลองอยู่หลายครั้งแล้ว เจินชี่ก็สามารถทำลายชั้นที่ขวากั้นอยู่ และสามารถแผ่ไปทั่วทั้งร่างกายของผู้หญิง
อุณหภูมิบรรยากาศในห้องค่อยๆ เพิ่มขึ้น สีหน้าของหญิงสาวก็แดงระเรื่อออกมา จนในที่สุดผ่านไปชั่วครู่เธอก็ลืมตาขึ้นทันที
“โอ้โห คุณตื่นแล้ว!” หลินหยางพูดอย่างตื่นเต้น
หญิงสาวมองมาที่หลินหยาง ราวกับในสมองมีแต่คำถาม นัยน์ตาเคลื่อนไหวไปมาจนในที่สุดก็ล็อกเป้าอยู่ที่หลินหยาง
“คุณเป็นใคร? ฉัน..เป็นใครเหรอ!” คำพูดของหญิงสาวราวกับนกกระจาบฝนที่กำลังส่งเสียงร้องอย่างน่าฟัง
สมองของหลินหยางค้างเติ่งทันที มีทั้งอาการปวดหัว เดิมเขายังคิดว่าอยากจะถามสถานะของอีกฝ่าย ไม่คิดเลยว่าเธอกลับลืมความทรงจำ! เสียงอันไพเราะเสนาะหูเช่นนี้ ช่างงดงามเกินบรรยาย
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า สูญเสียจิตวิญญาณไปทันที นัยน์ตาก็มีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีสติสัมปชัญญะใดๆ เลย