ซูเปอร์หมอเข็ม/หมอเข็มยอดฝีมือ(NC25+) - บทที่ 217 ใสซื่อบริสุทธิ์
บทที่ 217 ใสซื่อบริสุทธิ์
หลินหยางมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าอย่างตะลึง ลำคอแห้งผาก นี่เป็นภาพในสิ่งที่เขาไม่ยากเห็นที่สุด เพราะว่าเธอสูญเสียความทรงจำ ไม่อาจจดจำเรื่องราวก่อนหน้านี้ทั้งหมดได้เลย!
“ฉันคือหลินหยาง เป็นหมอ วันนี้คุณขับรถมาชนรถของผม ตอนนี้ยังจำอะไรบ้างไหม?” หลินหยางใช้คำพูดง่ายๆ เพื่อเป็นการถาม
“หลินหยาง? เป็นหมอเหรอ? ฉันกำลังอยู่ที่โรงพยาบาลใช่ไหม?” เสียงเด็กสาวอันอ่อนโยนเหมือนสาวน้อยแรกแย้มอันสดใส ทว่าในน้ำเสียงนั้นมีแต่ความมึนงง พร้อมทั้งความสงสัยกับบริเวณโดยรอบทั้งหมด จนทำให้หลินหยางยิ่งลำบากใจหนักกว่าเก่าหลายเท่า
หญิงสาวพยายามลุกขึ้น แต่ด้วยร่างกายที่ไม่มีแรงสักนิด ความรู้สึกไม่คุ้นเคยแปลกตาที่มีอยู่ทั้งหมดมันทำให้เธอรู้สึกไม่อาจสงบลงได้
อานเสี่ยวซิงนั่งยองๆ พลันกุมมือหญิงสาวแล้วพูด “สวัสดีค่ะ ฉันชื่ออานเสี่ยวซิง ฉันก็เป็นหมอ คุณไม่ต้องรีบร้อน ควรนอนพักให้หายดีก่อนเถอะ! เดี๋ยวอาการค่อยดีขึ้นมาเอง!”
รอยยิ้มของอานเสี่ยวซิงที่มีแต่ความสนิทและให้กำลังใจนั้นมันทำให้หญิงสาวสงบลงเยอะ เธอใช้สายตาความสงสัยต่างๆ ประเมินหลินหยาง แล้วถามทันที “แล้วทำไมพวกคุณไม่ใส่ชุดสีขาว?”
เสื้อกาวน์สีขาวเหรอ? หลินหยางยิ้มตอบให้อย่างเก้อเขิน “เราไม่ใช่หมอที่โรงพยาบาลนี้ เธอเป็นหมอในวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนในยันจิง ส่วนฉันเป็นหมอที่มหาวิทยาลัยการแพทย์เจียงหลิง”
“เจียงหลิงเหรอ? เจียงหลิงคือที่ไหนกัน?” หญิงสาวย่นคิ้วถาม
พระเจ้าช่วย หลินหยางเริ่มบ้าคลั่งทันที ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ว่าเจียงหลิงทำไมถึงอยู่ในเจียงหลิงได้? หลินหยางนิ่วขมวดคิ้วไปชั่วครู่ พลันถามกลับ “คุณไม่รู้จังเจียงหลิง งั้นทำไมถึงรู้จักยันจิงได้ล่ะ?”
“ยันจิง …ชื่อนี้เหมือนเคยได้ยินชื่อมาก่อน แต่ว่าฉันปวดหัวมาก จำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น! พ่อแม่ฉันอยู่ที่ไหน?” หญิงสาวเริ่มลูบศีรษะของตนเอง
หลินหยางเริ่มท้อแท้ เพราะเรื่องของที่สูญเสียความทรงจำไปกับยันจิงทั้งหมด นั้นย่อมหมายความว่าได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
อานเสี่ยงซินพูดราวกับว่าตนเองเป็นพี่สาวเช่นนั้น “พอแล้ว ไม่ต้องไปคิดเรื่องอื่นแล้ว บอกฉันมาก่อนว่าสุขภาพร่างกายของคุณตอนนี้มีตรงไหนไม่สบายบ้างไหม? หิวหรือเปล่า อยากจะกินอะไรสักหน่อยไหม?”
พลันลูบท้องตนเอง หญิงสาวพยักหน้าอย่างเขินอาย “ราวกับหิวขึ้นมาเล็กน้อย ร่างกายยังคงดีอยู่ แต่ว่าปวดหัวอย่างเดียว!”
ก่อนหน้านี้หอมได้ตรวจสอบแล้ว ว่าไม่มีปัญหาอะไรมากนัก ระบบความปลอดภัยของรถสปอร์ตคนนั้นไม่เลวเลยทีเดียว ไม่งั้นก็คงไม่แค่ความจำเสื่อมหรอก
หลินหยางรีบพูดทันที “ฉันจะไปทำอาหารอร่อยมาให้คุณกิน!”
“ตอนนี้ให้อาหารอ่อนไปก่อน ทำพวกโจ๊กธัญพืชไปก่อน!” อานเสี่ยวซิงพูดแนะนำ
หญิงสาวคนนี้ช่างเป็นคนละเอียดรอบคอบเสียจริง หลินหยางซื้อโจ๊กธัญพืชมาสองกระป๋อง พลันไปหาพยาบาลเพื่อขอยืมเตาไมโครเวฟในการอุ่นให้แล้วเอาไปเสิร์ฟ
ทว่าเมื่อเอาโจ๊กไปเสิร์ฟแล้ว หญิงสาวไร้ที่มาที่ไปคนนี้กลับไม่ยอมแตะต้องลองชิมสักคำ หลินหยางถามกลับ “เป็นไรไป? ไม่อยากกินใช่ไหม?”
หญิงสาวพลันพูดออกมาคำหนึ่ง “ป้อน!”
หลินหยางผงะทันที ครุ่นคิดกับคำนี้ว่าหมายความว่ายังไง? เด็กกี่ขวบเนี่ย? ที่ต้องให้คนป้อน? แต่ว่าสาวสวยขอร้องนี่ หลินหยางถือชามอย่างไม่ลังเล จากนั้นก็ตักใส่ช้อนแล้วป้อนให้
“ร้อน!” หญิงสาวขมวดคิ้วตอนพูด
อานเสี่ยวซิงเกือบหลุดขำ หลินหยางรีบเป่าอยู่หลายครั้งแล้วลองป้อนใหม่อย่างเขินอาย หญิงสาวถึงได้กินจนยิ้มอย่างหน้าบาน
หลินหยางเข้าใจในทันที นี่เป็นอาการของคุณหนูใหญ่ที่อยู่ในร่างของคุณหนูเลย! หรือว่าโตป่านนี้แล้วที่บ้านยังมีคนป้อนอยู่เหรอ?
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว หญิงสาวก็ลูบท้อง แล้วพูดอย่างไม่มีความสุข “ตอนกลางคืนฉันต้องนอนที่นี่ไหม?”
“ใช่สิ รอจนกว่าที่อาการของคุณได้ฟื้นกลับมาถึงจะได้!” หลินหยางตอบ
“แต่ว่า … ฉันกลัว! ฉันไม่อยากนอนที่นี่นี่หน่า!” หญิงสาวเบะปาก
อานเสี่ยวซิงพูดอย่างประหลาดใจ “หรือว่าตอนนี้ความทรงจำและสติปัญญาเหมือนเด็กไปแล้วเหรอ? คุณรู้เรื่องแรงโน้มถ่วงของโลกไหม? รู้ถึงกฎเรื่องพีทาโกรัสไหม?”
หญิงสาวส่ายหน้าอย่างมึนงง หลินหยางถึงกลับตะลึงทันที นี่มันไม่ใช่ปัญหาเรื่องความทรงจำแล้ว ขนาดไอคิวยังไปอยู่ในขั้นของเด็กเล็กอีก! มิน่าล่ะเมื่อครู่ถึงได้ให้ตนเองป้อนเธอกินข้าว สาวงามไร้ที่มาที่ไปนี้ตอนนี้ขนาดไอคิวก็ไม่มีจนไม่หลงเหลืออะไรสักอย่างเลย!
“ทำไงดี? มีการทำCTสแกนไว้หรือเปล่า?” อานเสี่ยวซิงถามกลับ
หลินหยางชี้ไปที่ถุงที่อยู่เหนือเตียงคนไข้ อานเสี่ยวซิงรีบคว้ามา พร้อมทั้งจ้องมองเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด
“ประหลาดมาก การทำสแกนมาก็ไม่มีอาการที่หนักหนาอะไร แล้วทำไมตอนนี้สถานการณ์ไปเป็นแบบนี้ได้!” อานเสี่ยวซิงพูดอย่างไม่เข้าใจ
หลินหยางเองก็ไม่อาจเข้าใจได้ ว่าทำไมสถานการณ์ถึงเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ ตอนนี้มีวิธีเดียวนั่นก็คือรอให้เธอหายดีเอง
ท้องฟ้าเริ่มสลัวลงเรื่อย หลินหยางไปส่งอานเสี่ยวซิง แล้วกลับมายังที่ห้องพัก หญิงสาวที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวนอนหันหลังให้เขาแถมไม่สนใจเขาเลย
“เป็นไรไป ทำไมถึงโกรธล่ะ?” หลินหยางถามกลับด้วยรอยยิ้ม
“คุณไม่มีมารยาท!” หญิงสาวจ้องตาของเขาตอนตอบ
ไม่มีมารยาท? หลินหยางยิ้มแฉ่ง “ฉันไม่มีมารยาทตรงไหนกัน?”
“คุณไม่ได้เคาะประตู ตอนคุณไปส่งคนอื่นก็ไม่ได้บอกฉัน แถมเอาฉันทิ้งไว้ที่นี่คนเดียวถือว่าเป็นการแสดงออกว่าไม่มีมารยาทเอาซะเลย” หญิงสาวพูดอย่างเชิดหน้า
หลินหยางอดกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ พลางตอบว่า ฉันยอมแพ้แล้ว ฉันไม่ควรทิ้งคุณเอาไว้ที่นี่คนเดียว!
“ยอมรับผิดถือว่าเป็นเด็กดี เรายังคงเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม! งั้นคุณก็ไม่อาจทิ้งฉันไว้ที่นี่คนเดียวอีกแล้ว! ยังมีอีกเรื่อง คืนนี้ฉันไม่อยากนอนที่นี่ เปลี่ยนที่นอนได้ไหม?” หญิงสาวถามกลับ
พูดขอร้องกันอย่างตรงไปตรงมาแถมพูดอย่างหนักแน่น หลินหยางถึงกับชื่นชมเธอจริงๆ พลางพยักหน้าให้ “งั้นคุณอยากจะไปนอนที่ไหนล่ะ? ใช่สิ ยังไม่รู้ชื่อเลย ฉันตั้งชื่อให้คุณก็แล้วกัน! ชื่อเสี่ยวเซียนนูก็แล้วกัน?”
“ไม่เอา ไม่เพราะเลย ฉันชอบสายรุ้ง งั้นฉันชื่อเสี่ยวชัยหงก็แล้วกัน!” หญิงสาวทำเสียงเด็กน้อยใสซื่อจนทำให้คนหลงรัก
“เสี่ยวชัยหงตอนนี้คุณคิดว่าคุณอายุกี่ขวบ?” หลินหยางถาม
หญิงสาวนั่งกุมใบหน้าเอาไว้ นานชั่วครู่ถึงชูมือพร้อมทั้งชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว หลินยังยิ้มให้อย่างขมขื่น “ตอนนี้คุณเจ็ดขวบใช่ไหม? เอาเถอะเสี่ยวชัยหงฉันจะคุณว่าเป็นเด็กเจ็ดขวบก็แล้วกันนะ! เป็นเด็กดีต้องเชื่อฟังคำสั่งสอน ตอนนี้ร่างกายของหนูไม่เหมาะกับการวิ่งไปทั่ว ดังนั้นหนูก็ต้องนอนพักในห้องผู้ป่วยได้ไหม? รอจนอาการหายดีเป็นปกติแล้ว ฉันจะไปพาหนูไปที่ห้องใหญ่ๆ สวยๆ!”
ยามเมื่อหลินหยางได้ลองใช้น้ำเสียงและวิธีการพูดกับเด็กในการพูดคุยกับเธอนั้น เขาเพิ่งค้นพบว่าการสื่อสารระหว่างกันนั้นสะดวกลื่นไหลมาก
เสี่ยวชัยหงครุ่นคิดอยู่สักพักถึงยอมตกลง แต่ก็ได้ยื่นขอความต้องการของตนเองทันที “คุณก็ต้องมาอยู่เป็นเพื่อนฉันด้วย คุณขับรถชนฉัน คุณต้องรับผิด!”
“ทั้งที่คุณเป็นคนขับรถชนผมเนี่ยนะ!” หลินหยางพูดอย่างอึดอัด
“ฉันเพิ่งจะเจ็บขวบ จะไปขับรถได้ยังไงกัน ฉันพูดว่าคุณขับก็ต้องเป็นคุณขับนั่นแหละ ยังมีอีก ตอนกลางคืนคุณต้องมานั่งเล่านิทานให้ฉันฟังด้วย!” เสี่ยวชัยหงเสนอเงื่อนไขยาวเหยียด
หลินหยางรู้สึกเหมือนว่าศีรษะจะโตขยายขึ้นมากกว่าเดิมสามเท่า ทำไมเจอกับบรรพบุรุษที่ชอบสั่งการที่ยังมีชีวิตอยู่ได้นะ! แม้ว่าเขาก็ไม่อาจทิ้งขว้างไม่ดูดำดูดี ถ้าเกิดไม่สนใจไยดีกับคำพูดของสาวสวยคนนี้ก็คงต้องโดนฟ้าผ่าแน่!
หลังจากได้ข้อเสนอแล้ว หลินหยางก็ไปร้านค้าเล็กข้างโรงพยาบาลเพื่อซื้อหนังสือการ์ตูนพร้อมทั้งนิทานเด็กต่างๆ ไม่คิดเลยว่าตนเองที่อายุแค่ 21 ปีนั้น ต้องมาดูและร่างกายที่เป็นผู้ใหญ่แต่จิตใจยังเป็นเด็กอยู่ มันทำให้เขาร้องไห้ตามทันที
ช่วงเวลานอนในเวลากลางคืน เสี่ยวชัยหงตั้งหน้าตั้งตารอฟังนิทาน หลินหยางอ่านนิทานจำพวกที่เขาดูว่ามันเป็นเรื่องไร้สมองมาก
เสี่ยวชัยหง ได้ยินแล้วช่างสนุกสนานไปเรื่อย แถมยังคอยกำกับถึงน้ำเสียงตอนที่หลินหยางอ่านไม่ถูกอีกด้วย ว่าตัวละครตัวใดควรจะใช้เสียงอย่างไร หลังจากที่อ่านจบไปห้าเล่มแล้ว หลินหยางก็สามารถกล่อมจนบรรพบุรุษตัวน้อยให้เริ่มง่วงได้
“พอแล้วนะ ได้เวลานอนแล้ว พักผ่อนแต่หัวค่ำมันดีต่อร่างกาย!” หลินหยางพูด
“ได้ คุณก็ต้องนอนด้วย! นอนอยู่ข้างๆ ฉันนี่แหละ!” เธอเรียกร้องที่ทำให้หลินหยางใจเต้นโครมคราม
คำร้องขอนี้ทำให้หลินหยางไม่อาจปฏิเสธได้ หลินหยางเริ่มหาข้ออ้างทันที “คุณเป็นผู้หญิงที่โตมากแล้ว การที่ฉันมาด้วยมันไม่เหมาะมั้ง!”
“ทำไมไม่ดีล่ะ ฉันเป็นเด็ก ไม่ใช่ผู้หญิงที่โตแล้ว! ฉันต้องการให้คุณนอนกอดฉันด้วย!” เธอเริ่มเบะปากพูด
หลินหยางไม่ได้หายไปไหน พร้อมทั้งปิดไฟทันที พลันสวมเสื้อผ้าใส่เพิ่มแล้วล้มตัวนอน
เสี่ยวชัยหงเริ่มพูดประท้วง “ทำไมคุณต้องใส่เสื้อผ้าเยอะขนาดนี้ด้วย มันไม่เหมือนคนเลย! รีบถอดออกเดี๋ยวนี้เลย!”
หลินหยางหมดคำพูด พลันคิดว่านี่มันช่างเป็นการเล่นตลกกับเขาชัดๆ! ยามเมื่อเขาถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือชุดชั้นในแล้ว เสี่ยวชัยหงก็กอดเขาแน่น พร้อมทั้งแนบประชิดกับแผ่นอกของเขาแล้วหลับตาลงทันที
เรือนร่างที่อรชรที่มีไออุ่นขนาดนี้มีแนบชิดกับร่างกายของตนเอง หลินหยางจะนอนหลับได้ยังไงกัน เพราะหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดนั้นเป็นนางสวรรค์เทพธิดาเลย! ใบหน้าที่แสนงดงาม รูปร่างที่เพียบพร้อม แถมเสื้อผ้าคนป่วยที่คอกว้างไม่มีอะไรปิดเลย โดยเฉพาะเจ้าก้อนกลมๆ ที่ตั้งชันแนบชิดกับหลินหยางตอนนั้นด้วยแล้ว นี่มันเป็นการฆ่าทั้งเป็นชัดๆ! คลื่นความร้อนผ่าวภายในพลุ่งพล่านไปทั่วตัว ร้อนแผดเผาหลินหยางจนเกือบจะหมดปัญญาแล้ว
หลินหยางคิดว่าให้เธอนอนหลับแล้วจะค่อยๆ ลุกขึ้น แต่ว่าหญิงสาวคนนี้กอดเขาเอาไว้แน่น แถมขาทั้งสองข้างยังเกี่ยวตรงเอวของเขาไว้อย่างแน่นหนา
ใบหน้าที่อยู่ด้านหน้านั้น หลินหยางอยากจะจูบจนใจจะขาด สิ่งที่ทำให้เขาหนักใจที่สุดก็คือหญิงสาวกำลังเริ่มพูดเพ้อออกมา น้ำเสียงที่เป็นเด็กมันทำให้หัวใจหลินหยางหลอมละลายแล้ว การทำตัวเจ้าชู้กับผู้หญิงตรงหน้านั้นมันเป็นความผิดอย่างหนึ่งจริงๆ!
หลินหยางอดทนมาได้ครึ่งค่อนคืนแล้ว จากนั้นก็ค่อยๆ เอาขาของที่พาดอยู่บนตัวของตนเองนั้นเอาออกไป เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงสถานการณ์อันประดักประเดิดนี้ไป ทว่าสาวน้อยเกิดตื่นขึ้นมา
“คุณจะทำอะไร?” เสี่ยวชัยหงถาม
หลินหยางตะลึงไปชั่วครู่ พลันชี้ไปที่ห้องน้ำ “ไปนู่นเดี๋ยว!”
“ไม่ได้ ไปให้ไป!” เสี่ยวชัยหงพูดอย่างไม่สนใจสิ่งใด
“คุณนี่ต้องการฆ่าฉันให้ตายเลยใช่ไหม!” หลินหยางกัดฟันเอาไว้
เสี่ยวชัยหง ดึงชายเสื้อของเขาเอาไว้ “ฉันจะไปกับคุณด้วย!”
นี่มันเรียกว่าเรื่องอะไร? หลินหยางพูดอย่างเขินอาย “ฉันเป็นผู้ใหญ่ ส่วนคุณเป็นเด็ก ไปกับผู้ใหญ่ไม่ได้!”
“ไม่ได้ ถ้าคุณหนีไปล่ะ? คุณต้องรับผิดชอบฉันด้วยสิ!” เสี่ยวชัยหงทำสีหน้าไม่เชื่อ
ใครบอกว่าไอคิวไม่มี เพราะว่าเป็นเด็กสาวที่เฉลียวฉลาดขนาดนี้
หลินหยางพูดขอร้อง “หรือไม่คุณก็ไปกับผม แต่คุณต้องนั่งรอที่หน้าประตูเอาไหม?”
“ยังไม่ดี ไม่ให้คุณหนีไปไหนได้ อีกอย่างฉันก็จะไปด้วย!” เสี่ยวชัยหงจ้องมองเขาตรงไปตรงมา
หลินหยางได้แต่ให้เธอดึงชายเสื้อของตนเองเอาไว้ พร้อมทั้งเอาเธอไปห้องน้ำด้วย เมื่อยืนอยู่ตรงหน้าชักโครมแล้ว หลินหยางก็พูดขึ้น “คุณเอาก่อนเลย ฉันจะไปยืนรออยู่หน้าประตู!”
“ไม่ได้ ไม่ให้ไปไหนทั้งนั้น! คุณไม่ต้องคิดหาวิธีเลย ยืนรออยู่ตรงหน้าฉันนี่แหละ!” สาวน้อยพูดจบพลันถอดกางเกงของตนเองออกทันที
หลินหยางตาค้าง ตอนที่คิดจะยื่นมือออกไปห้าม แต่ว่าหญิงสาวคนนี้ก็ได้ถอดชุดคนป่วยออกแล้ว พลันเห็นขาขาวเรียวยาวที่โป๊เปลือยล่อนจ้อน
เสี่ยวชัยหง ส่วนสูงประมาณ170 เซนติเมตร ต้องให้เครดิตตรงที่ขายาวมากเลย ร่างกายที่งดงามอย่างน่าภาคภูมิใจไม่อาจตัดเรื่องขาทั้งสองข้างได้เลย ยามเมื่อสายตาค่อยๆ เคลื่อนไปมองยังด้านล่าง หลินหยางพลันเห็นกางเกงในสีขาวที่สะอาดบริสุทธิ์ แถมยังมีโบสีชมพูอยู่ด้วย
มือข้างหนึ่งก็คว้าชายเสื้อของหลินหยางไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ถอดกางเกงในออก อาการของเสี่ยวชัยหงค่อนข้างเกร็ง กางเกงในถอดออกได้แค่เกินครึ่ง พลันเห็นว่าความอวบอิ่มสีชมพูเตะเข้าตาทันที แถมยังสะอาดเกลี้ยงเกลามาก!