ซูเปอร์หมอเข็ม/หมอเข็มยอดฝีมือ(NC25+) - บทที่ 219 แอบดู
บทที่ 219 แอบดู
การอัดกระแทกอย่างรุนแรง จนทำให้ถุงลมนิรภัยพองขึ้นมา หลินหยางมีปฏิกิริยาตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว พลันโอบเสี่ยวชัยหงเอาไว้แน่น ดีที่ว่ามันแค่แท่งปูน ทั้งสองคนไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
“คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?” หลินหยางรีบถามทันที
“ฉัน … ฉี่แตก!” ใบหน้าเล็กของเสี่ยวชัยหงแดงแจ๋
ฉี่ออกมาแล้วเหรอ? หลินหยางเข้าใจความหมายทันที เพิ่งจะถูไถกันอย่างเมามันเลย แต่ผู้หญิงคนนี้ดันน้ำแตกไปซะแล้ว!
พลางก้มหัวลงมอง กางเกงของผู้หญิงคนนี้กลับเปียกชุ่ม ช่างน่าขายหน้าจริงๆ ทั้งสองคนดันมาทำเรื่องพรรค์นี้ตอนกลางวันแสกๆ ได้!
ไม่ต้องไปสนใจรถอีกแล้ว ทิ้งไว้เดี๋ยวให้รถมาลากไปจัดการ เขาเรียกรถแท็กซี่เพื่อพาตัวเสี่ยวชัยหงกลับไปยังเซียนเฉ่าเก๋อ
“ไม่อนุญาตให้คุณเอาเรื่องในรถเมื่อครู่เที่ยวไปโพนทะนาให้ใครฟัง!” เสี่ยวชัยหงจ้องตาหลินหยางตอนกล่าวออกมา
พลันจับมือเธอเอาไว้ หลินหยางอดยิ้มไม่ไหวจนต้องพูดออกมา “วางใจเถอะ ความลับสุดยอดของพวกเราสองคนฉันไม่มีทางแพร่งพรายให้คนอื่นรู้!”
เสี่ยวชัยหง ถึงยอมเดินเข้าลิฟต์ไปพร้อมกับหลินหยางอย่างลิงโลด เพื่อมุ่งหน้ามาที่ห้องแล็บ
“สวัสดีค่ะ ทำไมพาเธอมาที่นี่ด้วยล่ะ?” อานเสี่ยวซิงยังคงขยันขันแข็งนั่งทดลองอยู่ในแล็บ
“ตอนนี้เธอเป็นเหมือนหมาตามก้น ฉันไปไหนก็ต้องพาเธอไปด้วย!” หลินหยางพูดอย่างเบื่อหน่าย
เสี่ยวชัยหง พูดอย่างไม่ดีใจเลย “เป็นเพราะว่าคุณต้องรับผิดชอบฉัน ฉันไม่ใช่หมาตามก้นอะไรนี่!”
อานเสี่ยวซิงใช้สายตาแปลกประหลาดพลางกวาดตามองเขา หลินหยางรีบพูดอธิบายทันที “เด็กคนนี้คิดมาตลอดว่าฉันเป็นคนชนเธอ เลยให้ฉันต้องมาแบกรับความผิดชอบด้วย!”
“มันไม่ใช่เหรอ?” เสี่ยวชัยหงพูดจาตรงไปตรงมาได้มั่นใจมาก
เลยตัดสินใจที่จะไม่สนใจเธอ หลินหยางเริ่มพูดคุยกับอานเสี่ยวซิงถึงเรื่องตัวยาขับประจำเดือนที่เพิ่งคิดค้นออกมาใหม่ การสื่อสารระหว่างกันนั้นมันมีคำศัพท์ที่เสี่ยวชัยหงฟังไม่เข้าใจความหมายอยู่มากเหลือเกิน จนเธอรู้สึกหมดสนุกแล้ว เด็กน้อยที่มีนิสัยเป็นปีศาจตัวร้ายรีบสยายปีกทันที เริ่มด้วยการเทวัสดุในห้องแล็บไม่ว่าจะเป็นหลอดสารเคมีสารอันตรายใดๆ ก็ไม่สนใจทั้งสิ้น
หลินหยางเห็นแล้วก็ไม่มีปัญญาจัดการได้สักอย่าง เลยตัดสินใจเอาตัวเธอไปทิ้งไว้ในห้องทำงานของตนเอง เพื่อให้เธอได้ดูหนังบนอินเทอร์เน็ตไปเรื่อยเปื่อย
“งั้นคุณจะทำอะไรกับพี่สาวคนสวยคนนั้น?” เสี่ยวชัยหงถามกลับ
“พวกเรามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ คุณอย่ามาก่อเรื่องได้ไหม?” หลินหยางลองใช้น้ำเสียงการสื่อสารเจรจาเข้ามาใช้
หลังจากวิเคราะห์เสร็จสิ้นแล้ว เด็กน้อยพลันตอบตกลง หลินหยางถอนหายใจทันทีพลันกลับไปที่ห้องแล็บ ทว่าสิ่งที่เขาไม่รู้นั่นคือไม่ถึงหนึ่งนาทีเจ้าปีศาจตัวร้ายก็เดินตามหลังเขามาแล้ว
อานเสี่ยวซิงเห็นว่าหลินหยางเดินกลับมาคนเดียว ก็เริ่มพูดอย่างประดักประเดิดออกมา “หลังจากที่ได้รักษาไปแล้วสองครั้ง ฉันเพิ่งรู้ว่ามันไม่ได้บุ๋มไปทั้งหมด ราวกับเหมือนจะเห็นหัวนมแล้ว”
หลินหยางพูดปลอบโยน “งั้นดีเลย ให้ฉันดูหน่อยสิ!”
พลันเปิดเสื้อกาวน์ออก แล้วดึงชุดชั้นในออก จนได้เห็นเจ้าองุ่นเม็ดเล็กมันกำลังกึ่งหลับกึ่งตื่นจนโผล่หัวออกมาให้เห็น
“ผลลัพธ์ในการรักษาไม่เลวเลย ดูเหมือนว่าจะสามารถเพิ่มการออกแรงให้มากขึ้นได้ ที่จะทำให้มันถึงกับต้องปีนมาหาเอง!” หลินหยางพูด
“ตอนนี้เหรอ?” อานเสี่ยงซิงถามกลับ
หลินหยางรู้ถึงความกังวลในใจของเธอ จนเขาต้องยิ้มตอบ “เด็กนั่นกำลังดูหนังอยู่ เธอไอคิวแค่เด็กเจ็ดขวบย่อมถลำลึกไปกับเรื่องนั้นทั้งหมด ไม่เป็นไรหรอก!”
เวลานี้เองด้านนอกประตูพลันมีกำปั้นเล็กๆ กำไว้แน่น พร้อมทั้งหายใจอย่างกระฟัดกระเฟียดจนน่ารักน่าชัง เมื่อมองผ่านรอยต่อของบานหน้าต่างก็สามารถมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องพอดี เสี่ยวชัยหงตัดสินใจแล้วที่จะไม่เข้าไปยุ่มย่าม และคอยแอบดูสถานการณ์ต่อไป
อานเสี่ยวซิงถอดชุดชั้นในของตนเองออก จนเผยให้เห็นความขาวเนียนบนเรือนร่าง หลินหยางพลันหยิบเอาเข็มเงินสีขาวยาวแหลมค่อยๆ ฝังลงบนท้องน้อยของอานเสี่ยวซิง การกระทำนี้ยิ่งทำให้เสี่ยวชัยหงหวาดหวั่นไม่เป็นตัวของตัวเอง พลันครุ่นคิดอยู่ว่านี่เป็นการลงโทษอะไร หรือว่าพี่สาวคนโตที่สวยขนาดนี้ไปทำเรื่องผิดมาเหรอ?
วันนี้หลินหยางเพิ่มเจินชี่มากกว่าเดิม พลังมังกรและหงส์ในช่วงปลายนั้นหนักกว่าเดิม ร่างกายของอานเสี่ยวซิงเริ่มสั่นเทา หน้าผากผุดเหงื่อเป็นเม็ดจนเต็มหน้าผาก
ที่แท้ก็คือการลงโทษเธอ เสี่ยวชัยหงเริ่มกังวลขึ้นมาทันที ตนเองนั้นแสดงอารมณ์ไม่พอใจหลินหยาง จะโดนลงโทษแบบนี้ไหม?
จากนั้นเป็นต้นมาพลันมีฉากที่ทำให้ความคิดของเธอนั้นงงงวยมาก มือของหลินหยางเริ่มบีบเคล้นเจ้าก้อนเนื้อกลมกลึงสองก้อนนั่น ความรู้สึกของอานเสี่ยวซิงจากที่กำลังรู้สึกทนไม่ไหวนั้นพลันดื่มด่ำขึ้นมาแทน
วิธีการใช้มือทั้งสองของหลินหยางนั้นถือว่าได้ผลเป็นอย่างดี ราวกับพลังได้ไหลผ่านสู่ร่างกายจนทำให้เกิดความรู้สึกสบายตัว มุมปากของอานเสี่ยวซิงนั้นกระตุกเล็กน้อย การถูกนวดมาสามครั้งนั้นมันดีขึ้นกว่าเดิมทุกครั้ง ความหนักใจของเธอนั้นก็ได้ค่อยๆ มลายหายไป
“สบายจริงๆ!” อานเสี่ยวซิงบ่นพึมพำ
หลินหยางใจเต้นโครมคราม เพราะว่าความสวยของผู้หญิงคนนี้มันทำให้ในใจเขาคิดเลยเถิดไปไหนต่อไหนแล้ว ภาพงดงามที่อยู่เบื้องหน้ามันทำให้ใจเขาสั่น เมื่อคืนถูกเจ้าปีศาจตัวร้ายทรมานทั้งคืน ไฟราคะในใจยังไม่ได้ปลดปล่อย ช่วงล่างเริ่มตื่นตัวด้วยความหื่นกระหาย
อานเสี่ยวซิงเองก็ชำเลืองสายตาพลันเห็นว่าตรงเป้ากางเกงนั้นเริ่มผงาดขึ้นมาแล้ว พลางเม้มริมฝีปากจากนั้นก็ยื่นมือออกไปจับมันเอาไว้เหมือนผีผลักแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
หลินหยางใจเต้น พลันพูดอย่างกระวนกระวายใจ “คุณจะทำอะไร!”
“โดนคุณจับไปตั้งหลายครั้งแล้ว ให้ฉันจับบ้างแล้วจะทำไม!” อานเสี่ยวซิงพูดตรงไปตรงมา
หลินหยางพูดอย่างเก้อเขิน “ตรงนี้กับตรงนั้นของคุณมันไม่เหมือนกัน อย่ามาลูบคลำ!”
อานเสี่ยวซิงแก้มแดง พลันคิดว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่แสนสงบ มีแค่พวกเขาสองคนแถมอยู่ในที่ลับมันทำให้หัวใจคิดเตลิดไปไกล พลันเงยหน้าขึ้นมา อานเสี่ยวซิงเผยอปากพูด “คุณรู้ไหม? แท้จริงแล้วในใจของฉันเคยคิด ถ้าฉันรักษาอาการของตนเองไม่ได้ ใครรักษาฉันได้ ฉันก็จะ…”
“คุณจะทำไม?” หลินหยางรีบถามกลับทันที
“ฉันก็จะเอาสิ่งที่สำคัญที่สุดมอบให้เขา!” อานเสี่ยวซิงกล้าพูดประโยคนี้ออกมาอย่างกล้าหาญ
หลินหยางใช้มือลูบคลำใบหน้าของเธอ “เด็กโง่ ทำไมคุณต้องคิดวิธีคิดมั่วๆ แบบนี้ออกมาได้ยังไง!”
ขณะนั้นเอง สองจุดเล็กๆ บนหน้าอกของอานเสี่ยวซิงราวกับมีบางอย่างเริ่มเรียกหา จนสามารถโผล่ออกมาได้ ในที่สุดก็สามารถหลุดพ้นออกมาจากก้อนเนื้อได้อย่างยากลำบาก! เธอพูดอย่างตื่นเต้น “คุณดูสิ ตรงนี้ของฉันมันดีขึ้นมาแล้ว!”
หลินหยางเองก็โล่งใจทันที เขายิ้มให้จากนั้นก็ค่อยๆ ดึงเอาเข็มเงินออกจากร่างกายของเธออย่างแผ่วเบา อานเสี่ยวซิงไม่ได้ใส่เสื้อผ้าทันที แต่กลับกอดหลินหยางเอาไว้แน่น
“หรือว่าคุณรังเกียจที่ตรงนี้ของฉันมันเล็กใช่ไหม!” เธอพูดอย่างโกรธเคือง
“เอาที่ไหนมาพูด เมื่อเปรียบเทียบดูแล้ว ความใหญ่หรือเล็กของคุณตรงนี้มันกำลังพอดีต่างหาก ถ้าคุณรังเกียจว่ามันเล็ก ฉันมีวิธีที่ทำให้มันใหญ่ได้!” หลินหยางยิ้มให้
อานเสี่ยวซิงเม้มปาก แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ส่วนมือนั้นเริ่มขยับทันที เธอค่อยๆ ปลดเข็มขัดให้หลินหยาง พลันคว้าการบอกปืนขนาดย่อมของหลินหยางเอาไว้
หลินหยางคอแห้งผาก เด็กคนนี้ช่างกล้าได้กล้าเสียจริงๆ เดิมคิดว่าเธอเป็นคนขี้อาย ใสซื่อ ที่ไหนได้พอถึงเวลานี้พลันมีพลังที่ทำให้เขาไม่กล้าดูถูกได้อีกแล้ว
อานเสี่ยงซิงค่อยๆ ลูบอย่างแผ่วเบา ส่วนเสี่ยวชัยหงที่อยู่ด้านนอกก็เห็นด้วย แล้วคิดว่าหลินหยางไม่ได้ลงโทษเธอแต่กำลังเล่นเกมกับเธออยู่ซึ่งเหมือนกับที่เมื่อวานทั้งสองคนก็ได้เล่นกันแล้ว!
หลินหยางหลับตาลง พร้อมทั้งดื่มด่ำกับการที่อานเสี่ยวซิงกำลังทำให้ เขาอยากจะปฏิเสธ แต่ไฟราคะที่อยู่ในใจมันได้ปะทุขึ้นมาแล้ว ช่างอ่อนโยน ช่างทำให้คนหลงใหลเสียจริง
อานเสี่ยวซิงพูดอย่างชื่นชมและอ่อนโยน “ตรงนี้เป็นน้องชายที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา! เมื่อก่อนฉันได้เรียนในชั่วโมงกายวิภาคศาสตร์ก็เห็นมาไม่น้อย มันเล็กนิดเดียว ภาพสรีระก็เคยดูมาเยอะ แต่ว่าตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนนี้ก็ไม่เคยเห็นรูปทรงเช่นนี้แบบของคุณเลย!”
หลินหยางพออกพอใจมาก แต่ว่าปากพูดเป็นอย่างอื่น “ตรงนี้ที่เห็นก็เพราะว่าคุณทำให้มันออกมา ไม่งั้นก็คงไม่ได้ใหญ่ขนาดนี้หรอกค่ะ!”
“ฉัน… นี่เป็นครั้งแรก คุณคอยช่วยฉันได้ไหม?” นัยน์ตาของอานเสี่ยวซิงเอ่อร้นไปด้วยน้ำ
หลินหยางเองก็ได้วางภาระหน้าที่ทิ้งไป พลางพยักหน้าตอบตกลง เด็กนักเรียนที่น่ารักคนนี้เป็นคนสู้ตายถวายทุกอย่างให้ทั้งหมด เขาจะปฏิเสธไม่รับได้ไง?
อุณหภูมิในห้องก็เปิดไว้สูงมาก อานเสี่ยวซิงตัวสั่นและเริ่มแดงระเรื่อ หลินหยางค่อยๆ ถอดกางเกงในของเธอออก พลันมีป่าทึบโผล่ออกมาให้เห็น
เสี่ยวชัยหง จ้องมองจากด้านนอกอย่างตั้งใจ แล้วคิดว่าที่แท้ตรงนั้นของผู้ใหญ่จะมีจนเยอะแยะ หลินหยางเองก็มีไม่น้อย!
หลินหยางโอบกอดอานเสี่ยวซิงไว้แน่น ร่างกายของทั้งสองคนเริ่มทิ้งน้ำหนักเข้าหากัน อานเสี่ยวซิงเริ่มใจตื่นเต้นขึ้นมาบ้าง มีทั้งความกลัวเล็กน้อย หลินหยางสัมผัสได้ พลันเอ่ยเบาๆ “อย่าสั่นเลย ปล่อยวางเถอะ มันง่ายกว่าการฝังเข็มตั้งเยอะ!”
“คุณพูดมั่วๆ ตรงไหนเหมือนการฝังเข็ม คุณเคยเห็นเข็มที่ใหญ่โตขนาดนี้ไหม?” อานเสี่ยวซิงยิ้มให้
“แม้ว่าไม่มีเข็มที่ใหญ่ขนาดนี้ แต่คุณย่อมรู้ดี ว่าความยืดหยุ่นตรงนั้นของผู้หญิงช่างเก่งกล้ามาก! ขอแค่ร่างกายของคุณเริ่มปล่อยวางลง ก็สามารถให้มันแทรกเข้าไปได้!” หลินหยางพูดปลอบใจ
อานเสี่ยวซิงเงยหน้าถาม “ฉันก็แค่ตื่นเต้นนิดหน่อยเท่านั้นเอง คุณพูดมาสิว่าทำยังไงถึงได้ผ่อนคลายลงได้บ้าง?”
คำตอบของคำถามนี้มันง่ายดายมาก หลินหยางแสดงวิธีทำให้ดูทันที เขาก้มหน้าก้มตาลงจากนั้นก็ประกบฝีปากกับเธอ การจูบกันถือว่าเป็นวิธีการผ่อนคลายที่ดีที่สุด เพราะการจูบดูดดื่มแบบเร่าร้อนมันทำให้ร่างกายของผู้หญิงอ่อนไหวและขับเคลื่อนความรู้สึกไปด้วย
นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกกับการจูบอันดูดดื่มกับผู้ชายของอานเสี่ยวซิง ทว่าก็กัดฟันเอาไว้แน่นอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ไม่รู้ว่าจะตอบสนองเขายังไง แต่ว่าหลินหยางเองก็ถือว่าอาบน้ำร้อนมาก่อน พร้อมทั้งด้วยการใช้พลังมังกรและหงส์ในการขับเคลื่อนแล้ว ร่างกายของอานเสี่ยวซิงค่อยๆ อ่อนระทวยลง ฟันก็ค่อยเผยออก หลินหยางรีบกระหวัดลิ้นอันอ่อนโยนของเธอทันที
การจูบของหลินหยางไม่ได้ดุดันขนาดนั้น แต่มันช่างอ่อนโยนมาก นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่อานเสี่ยวซิงลิ้มลองรสชาติจูบอย่างนุ่มนวล ทั้งสองคนจูบอย่างเร่าร้อนกันอยู่นานจนทำให้อานเสี่ยวซิงเกิดหายใจไม่ค่อยออก ร่างกายสั่นเทาราวกับมีไฟฟ้าแล่นผ่าน
“คุณดูสิ ตอนนี้รู้สึกว่าร่างกายมันผ่อนคลายลงไปตั้งเยอะ?” หลินหยางยิ้มให้
พลันพยักหน้าให้ อานเสี่ยวซิงชี้ไปที่ด้านล่างของตนเองแล้วพูดว่า “ตรงนี้มันเหมือนว่าอะไรบางอย่างจะออกมา นี่คือน้ำหล่อลื่นในร่างกายของคนเราใช่ไหม?”
หลินหยางเกือบหลุดขำ หญิงสาวที่น่ารักมาทำเรื่องพวกนี้ก็ยังเหมือนว่าเป็นการวิจัยจนได้ความรู้อีก
“คุณอย่าขำ ฉันรู้ตัวว่าฉันเป็นหนอนหนังสือ ถึงแม้ว่าเรื่องพวกนี้ฉันเคยวิจัยมาก่อน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ลงมือทดลอง! ไม่อนุญาตให้คุณใช้สายตาแบบนี้มามองฉันได้ น่าขายหน้าชะมัด!” อานเสี่ยวซิงพูดยาวเป็นพืด
หลินหยางรีบเก็บสายตาทันทีแล้วพูดว่า “พอแล้ว พอแล้ว! ฉันไม่ยิ้มแล้ว นี่ถือว่าเป็นการเรียนในวิชาที่เคร่งเครียด เพราะว่ามันมีความสัมพันธ์กับการมีชีวิตอยู่และการสืบพันธุ์ของมนุษยชาติ! งั้นเราเข้าไปเรียนวิชาต่อไปก็แล้วกันนะ?”
“วิชาอะไร?” อานเสี่ยวซิงถามกลับ
พลันอุ้มเธอขึ้นมาอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็วางตัวเธอลงตรงโต๊ะทดลอง หลินหยางจับอาวุธยุทโธปกรณ์อันหนักอึ้งของตนเองพลางพูดว่า “ก็ต้องเป็นหัวใจหลักของวิชานี้ไง คุณกอดฉันให้แน่นๆ!”
อานเสี่ยวซิงกอดคอของหลินหยางเอาไว้แน่น พร้อมทั้งหลับตาลงเพื่อรอคอยวินาทีนั้น ทว่าอีตาหลินหยางคนนี้เอาแต่วุ่นวายหมุนส่ายไปมาอยู่ตรงปากทางจนเหมือนการทรมานเธออย่างหนึ่ง
อานเสี่ยวซิงครวญคราง พลางพูดปฏิเสธอยู่เนืองๆ “มันเจ็บมาก คุณกำลังทำอะไรอยู่!”
ทำอะไร? แน่นอนว่าก็ต้องเป็นเรื่องทำรักพวกนั้นสิ! หลินหยางค่อยๆ กระทุ้งเข้าใส่ ทั้งสองคนหลอมรวมเป็นคนคนเดียวกัน
อานเสี่ยวซิงรู้สึกว่าตนเองเหมือนถูกอะไรบางอย่างมาต่อยเธออยู่ จากนั้นตรงช่วงล่างพลันมีความเติมเต็มพุ่งเข้ามา ที่แท้ก็เป็นรสชาติเช่นนี้เองเหรอ? อานเสี่ยวซิงทำหน้าว่ากำลังชื่นชมกับความรู้ใหม่อยู่เช่นนั้น
หลินหยางไม่ได้ทรมานไปแบบมั่วๆ แต่ได้ใช้เจินชี่ขับเคลื่อนพลังมังกรและหงส์เพื่อห้อมล้อมทั้งสองคนเอาไว้ เพื่อให้เธอได้ปรับสภาพร่างกายของตนเอง อานเสี่ยวซิงเห็นว่าหลินหยางไม่ได้ขยับเขยื้อนอยู่นาน เลยต้องถามกลับ “เสร็จหรือยัง?”
“เด็กโง่ ยังไม่เสร็จแน่นอน คุณค่อยๆ ปรับตัวไปก่อนนะ!” หลินหยางยิ้มให้
ที่แท้มันก็ไม่ได้ง่ายดายเลย อานเสี่ยวซิงเบะปากพูด “ฉันปรับสภาพได้ตั้งนานแล้ว!”
งั้นก็เข้าสู่หัวข้อหลักของวิชาเลยแล้วกัน มือของทั้งสองคนผสานเกี่ยวเข้าหากัน แล้วจัดการขย่มกันบนโต๊ะทดลอง โต๊ะทดลองนั้นถือว่าทนทานมาก เพราะไม่มีเสียงกระทบใดๆ เล็ดลอดออกมาเลย
อานเสี่ยวซิงมีความรู้สึกแปลกแยกออกไป ร่างกายที่สั่นสะท้านจนไม่อาจควบคุมได้ หลินหยางเลยต้องพูดเสียงเบา “ถ้ามันไม่ไหวก็บอกฉันมานะ!”
“ไม่ ไม่ได้มีความรู้สึกว่าลำบากใจเลยสักนิด! สบาย… มันช่างสบายมาก!” อานเสี่ยวซิงกอดไหล่ของหลินหยางเอาไว้แน่น
ความหมายของมันมากกว่าสบาย เพราะมันมีความรู้สึกมากมายเหนือคณานับไม่ถ้วนตีกันมา ความเจ็บปวด ความเอ่อล้น อาการจั๊กจี้ อาการชามันทำให้อานเสี่ยวซิงหมดหนทางควบคุม แต่ว่าคนที่ควบคุมอะไรไม่ได้สักอย่างนั้นคือเสี่ยวชัยหงที่กำลังนั่งแอบมองอยู่ด้านนอก ใจเธอสับสนว้าวุ่น และกำลังครุ่นคิดว่าตกลงแล้วมันเป็นเกม หรือว่าการลงโทษ มันคืออะไรกันแน่?
สมองเต็มไปด้วยความสงสัย เด็กสาวกำลังลังเลอยู่ว่าจะเข้าไปในห้องแล้วไปถามให้แน่ชัดดีไหม